เฟญาริน

2166 คำ
สามปีต่อมา กรุงเทพมหานคร ชีวิตเป็นของเรา บนฉากหน้าที่แสดงออกผ่านสีหน้า แววตา และพฤติกรรมทางร่างกาย อารมณ์ สังคม ทุกสิ่งถูกบงการด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือจิตใจอันซับซ้อน จิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในตัวแต่ละบุคคลเป็นเรื่องน่าค้นหา เหตุผลของการกระทำสิ่งใดๆ ของผู้คนบนโลกเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ เป็นความลับที่น่าสังเกตและทำความเข้าใจ มองดูชีวิตผู้คนและสรรพสิ่งรอบตัวด้วยความรู้สึก อะไรหรือคือแรงจูงใจอันอยู่เบื้องหลังความรัก ความโลภ ความหลง ความโกรธแค้นชิงชังหรืออารมณ์ต่างๆ อีกหลากหลายที่สื่อผ่านการดำเนินชีวิตและการกระทำของผู้คนมากมายไม่ต่างอะไรกับตัวละครบนเวทีอันกว้างใหญ่ซึ่งก็คือโลกใบนี้… เสียงรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ท่ามกลางความเงียบบนห้องพักขนาดกลางชั้นสิบสองของคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองหยุดลง เจ้าของใบหน้าสะลึมสะลือถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คซึ่งตั้งหราอยู่กลางเตียงเหลือบมองหน้าปัดนาฬิกาบนฝาผนัง เข็มนาฬิกาเดินบอกเวลาร่วมตีสาม ร่างเล็กซึ่งก่อนหน้าเหยียดตัวนอนคว่ำอยู่กลางเตียงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ หลังจากปลุกปล้ำรัวกระสุนเป็นตัวอักษรลงไปบนแผ่นกระดาษผ่านหน้าจอว่างเปล่านับตั้งแต่หัวค่ำเป็นเวลาผ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่าห้าชั่วโมง เฟญารินเลือกที่จะเรียกความสดชื่นคืนมาให้กับตัวเองโดยการไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่อีกรอบ แล้วเดินลงไปหาของกินที่ชอบในร้านสะดวกซื้อตรงชั้นล่างของคอนโดที่เปิดบริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ขนมของโปรดอาจทำให้ความเหนื่อยล้าซึ่งสั่งสมมานานพอบรรเทาลงไปได้บ้าง แต่กระนั้นช๊อกโกแลตรอบดึกก็ไม่ได้มีผลทำให้ความมึนและแรงบันดาลใจที่หายไปเดินเล่นที่ไหนก็ไม่รู้ของเธอกลับคืนมาได้สักนิด หากตอนนี้มีใครมาบอกว่าการเป็นนักเขียนเป็นเรื่องง่ายเหมือนปลอกกล้วย เธอนี่ล่ะจะขอเถียงขาดใจ แล้วลองให้คนคนนั้นมาปลอกเปลือกเองดูบ้าง จะได้รู้ว่าขนาดเอามีดมาฟันก็ใช่ว่าจะเอากล้วยออกมาแล้วกลืนเข้าปากได้ง่ายๆ งานเขียนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องนำมาผสมกันให้ลงตัว ถ่ายทอดเรื่องราวส่งผ่านออกไปให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงรสชาติของความพอดีและกลมกล่อมในทุกตัวอักษรที่ได้สรรสร้างลงไป เหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ในเวลาที่สมองตัน ขาดความฝันและจินตนาการ ใครจะรู้ว่าแม้เพียงเรียบเรียงสักประโยคให้เหมาะสมแล้วเขียนลงบนแผ่นกระดาษว่างเปล่ากลับไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ อย่างที่คิด แต่เมื่อรักที่จะเขียนแล้วก็ยังคงต้องเขียนต่อไป หากงานทางด้านจิตวิทยาที่เรียนมาเป็นสิ่งที่เธอรัก เฟญารินก็พูดได้เต็มปากว่าการเขียนนิยายเป็นสิ่งที่เธอรักไม่ต่าง หญิงสาวเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘เธอรักอาชีพที่อยู่ในห้วงแห่งความฝันนี้เพราะอะไร’ ชื่อเสียง เงินทอง อย่างนั้นหรือ… คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะเมื่อลองถามคำถามต่อไปกับตัวเอง ‘หากวันหนึ่งที่ไม่มีคนอ่านและรักงานที่เธอเขียน’ แน่นอน เธอจะยังรักมันและยังจะทำต่อไป เพราะอย่างน้อยนั่นคือความสุขเล็กๆ ที่เต็มใจทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย แต่เมื่อเขียนสองเรื่องติดกัน จนสมองตันเขียนอะไรออกมาก็ไม่เป็นสับปะรดเหมือนในตอนนี้ ขนมของโปรดก็คงไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ถ้าจะนอนต่ออีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็เช้า พรุ่งนี้เธอมีนัดคุยเรื่องงานกับอาจารย์ที่ปรึกษา เฟญารินจึงเลือกเดินออกมายืนรับลมตรงระเบียงนอกห้อง สูดอากาศเอาควันพิษของมุมสูงเรียบทางด่วนเข้าปอดลงไปลึกๆ แล้วมองดูชีวิตคนเมืองที่กำลังเริ่มต้นเช้าวันใหม่ …ไม่ได้ช่วย แถมความวุ่นวายของสังคมเมืองยิ่งทำให้คนไม่ได้นอนมาทั้งคืนเวียนหัวไปมากกว่าเดิมอีกต่างหาก หญิงสาวกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ก้าวขึ้นเตียง ทิ้งตัวลงนอน ห่มผ้า แล้วสั่งตัวเองให้พยายามข่มตาให้หลับ แต่อาการ ' ‘ดีด’ จากการคิดไม่ตกเรื่อง ‘สาวน้อยร้อยอาชีพ’ ตัวละครเอกในงานเขียนเรื่องใหม่ก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวสมอง ตัวละครสาวน้อยวัยยี่สิบต้นๆ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่มีเส้นทางชีวิตแตกต่างกันลิบลับ เฟญารินรู้ดีว่านอกจากหาอิมเมจพระเอกในอุดมคติไม่ได้แล้วนี่คือเหตุผลหลักอีกอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของแม่สาวน้อยสู้ชีวิตคนนี้ออกมาได้ เช้าวันใหม่เริ่มต้น หญิงสาวในชุดเดรสทรงบอลลูนสีน้ำเงินเข้มตัดกับสีผิวก้าวลงจากรถเก๋งทรงกะทัดรัด เธอเดินอ้อมไปเปิดประตูหลัง แล้วก้มลงไปหยิบกระเป๋าสะพายรูปทรงทันสมัยกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คคู่ใจ เฟญารินเดินฝ่าผู้คนไปตามทางเข้าตัวอาคารซึ่งคุ้นเคยดีอยู่แล้ว วันนี้ใบหน้าอ่อนเยาว์ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแม้เป็นลุคธรรมชาติบางเบาแต่ก็ปราณีตด้วยความชำนาญส่วนตัวจนไม่เหลือเค้าให้ใครจับได้ว่าเมื่อคืนชีวิตเธอได้ผ่านอะไรมาบ้าง หญิงสาวยิ้มทักทายผู้คนรู้จักที่เดินผ่าน จนถึงห้องที่อยู่สุดทาง แสงจากดวงไฟในห้องซึ่งถูกเปิดไว้อยู่แล้ว ทำให้เธอตัดสินใจเคาะประตู แล้วเปิดเข้าไป แม้จะรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่เฟญารินก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มาสาย ทั้งเรื่องส่วนตัวและความคิด เธอไม่เคยตีกรอบ ค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่กับเรื่องเรียนและการทำงานหญิงสาวก็จะถือรับผิดชอบมาก่อนเสมอ “พอดีผมมีคนไข้เลยเข้ามาก่อน” อาจารย์ผู้เป็นเจ้าของห้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนให้ลูกศิษย์ได้สบายใจ หลังจากเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรค่ะ” เฟญารินลอบถอนหายใจโล่งอกก่อนตอบออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นายแพทย์เทียมภพ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง แต่ช่วงสามสี่ปีหลังมานี้เขาหันมาสนใจงานด้านวิจัย และคนไข้ที่รับไว้เกือบทั้งหมดก็เป็นโรคเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่เขากำลังทำอยู่ ส่วนเฟญารินอยู่ในฐานะนักศึกษาปริญญาเอกที่ตอนนี้มีเขาเป็นเหมือนอาจารย์ที่ปรึกษาหลัก และหลังจากที่หญิงสาวสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ผ่าน เขาก็จะเข้ามาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาหลักให้เธออย่างเต็มตัว “อย่างนั้น ถ้าคุณพร้อมเรามาเริ่มกันเลยไหม” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างไม่รีรอ มือทำงานประสานไปพร้อมกันอย่างคล่องแคล่วเริ่มเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผลวิจัยเรื่องการตอบสนองทางสังคม ความรู้สึกมั่นคงทางอารมณ์ ความสามารถในการช่วยเหลือตัวเอง พัฒนาการทางด้านความคิดและจิตใจของผู้ป่วยโรคออทิสติกช่วงอายุระหว่างหกถึงสิบห้าปีถูกสรุปออกมาเป็นกราฟ พร้อมการวิเคราะห์ถึงสาเหตุ ความสัมพันธ์ รวมไปถึงแนวการพัฒนาจากผลที่ได้ในเชิงลึก “ผมว่ามีแนวโน้มที่น่าสนใจมากนะ คุณทำได้ดี” เป็นเพียงคำพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่อาจารย์เทียมภพไม่ใช่คนที่จะชื่นชมใครเพียงเพื่อให้กำลังใจไปเรื่อยเปื่อย ดังนั้นเมื่อได้รับคำชมจากปากอาจารย์ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะดีใจ และนอกเหนือจากคำชม มันคือความภูมิใจเล็กๆ ที่งานที่ตรากตรำทำมาอย่างหนักเป็นปี เริ่มเห็นแนวทางประสบความสำเร็จในการเอาไปช่วยเหลือผู้ป่วยจริงๆ ได้บ้าง แต่ยังมีอีกหลายจุดที่เธอได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ให้ไปศึกษารายละเอียดและวิเคราะห์เพิ่ม เพื่อเป็นแนวทางต่อยอดให้งานมีความสมบูรณ์และเกิดประโยชน์สูงสุด ลูกศิษย์กับอาจารย์ใช้เวลาปรึกษากันร่วมสองชั่วโมงถึงจุดอ่อนจุดแข็ง การได้อาจารย์ที่ปรึกษาที่เก่ง มองทุกอย่างครอบคลุม ทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนากระบวนการคิดต่อไปได้มาก แต่ขณะเดียวกันงานวิจัยก็ต้องใช้อะไรอีกหลายๆ อย่าง เฟญารินขมวดคิ้วมุ่น ตามองผลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ขณะที่สมองกำลังคิดหนัก เมื่อหาคำตอบของคำถามชวนคิดที่อาจารย์เปิดทิ้งไว้ไม่ได้ จนอาจารย์ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป ลูกศิษย์ก็ยังนั่งหน้านิ่วอยู่อย่างนั้น “คุณเพิ่งเรียนกับผมมาได้แค่ปีเดียวเองนะตัวยุ่ง” …และปริญญาเอกก็ต้องผ่านกระบวนการคิดเพื่อก่อเกิดองค์ความรู้อีกมาก ถึงจะเป็นนักศึกษาหัวกะทิ ใช้พาสปอร์ตความเป็นบัณฑิตเกียรตินิยมข้ามจากปริญญาตรีมาปริญญาเอก แต่นอกจากความเก่ง การฝึกฝนและความอดทนเป็นอีกหัวใจหลักที่จะทำให้เธอคว้าปริญญาใบนี้มาได้ และในฐานะครู เขาก็อยากให้ลูกศิษย์อยู่กับเขาอย่างมีความสุข เทียมภพรู้ดีว่าเฟญาริน แม้ภายนอกดูเหมือนเป็นคนสบายๆ ไม่คิดอะไร แต่สำหรับเรื่องงานเธอจริงจังเสมอ บางทีอาจจะมากเกินคนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ แม้จะต้องการให้งานวิจัยก้าวหน้า แต่เขาก็ไม่อยากให้คนสุดโต่งอย่างเธอบีบคั้นตัวเองจนเกินไป “เชื่อผมเถอะ ผู้หญิงอายุแค่ยี่สิบสามอย่างคุณ ถึงจะดูล้นๆ ไปบ้าง แต่ทำทุกอย่างออกมาได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าดีมากแล้ว” คำพูดระคนขันที่ได้ยิน ทำเอาหญิงสาวถึงกับชะงักมือที่กำลังปิดคอม เปลี่ยนเป็นเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของคำหยอกแทน กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว ถ้าอาจารย์ไม่มีคำว่า ‘คนล้น’ ติดมาด้วย “เมื่อคืนหนูไม่ได้นอนเลยค่ะ” แต่เพราะความเหนื่อยอ่อนทำให้เฟญารินยอมสารภาพออกมาในที่สุด มีคนเคยบอกว่าแอดไวเซอร์กับแอดไวซี่บางทีก็สนิทกันยิ่งกว่าญาติ ซึ่งดูจากความสัมพันธ์ของเธอกับอาจารย์เทียมภพแล้วก็คงจะจริง จะมีใครสักกี่คนบนโลกที่รู้ความลับของเธอแบบหมดเปลือกอย่างนี้ “เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า พักสมอง กลับไปเป็นตัวเองเสียบ้าง ปกติถ้าไม่ใช่เรื่องเรียนกับเรื่องงานของคุณ…” เทียมภพหยุดประโยคชั่วครู่ เขาเลือกที่จะละไว้ว่างานที่ว่าหมายถึงงานอะไร แต่แค่มองตากันผ่านๆ ทั้งคู่ก็เข้าใจความหมายที่แต่ละฝ่ายต้องการจะสื่อสารได้ตรงกัน “ถ้าไม่ใช่สองเรื่องนี้ ความจริงคุณก็เป็นคนไม่คิดอะไรเลยนี่น่า” ประโยคกลั้วเสียงหัวเราะที่ได้ยินนั้น ทำเอาเฟญารินที่หน้างออยู่แล้วอดยู่หน้าใส่อาจารย์ไม่ได้ เพราะสนิทกับ ‘อาจารย์พ่อ’ พอสมควร เธอจึงกล้าทำแบบนี้ คุณพ่อยังหนุ่มวัยสามสิบกว่าที่รับเธอมาเป็นลูกสาวแบบงงๆ อาจารย์เทียมภพรู้ความจริงเพราะคราวนั้นเธอมาเลียบๆ เคียงๆ ถามข้อมูลจากเขาเพื่อไปประกอบการเขียนนิยายที่มีโครงเรื่องเป็นแนววิทยาศาตร์เปลี่ยนถ่ายคลื่นสมองและความลับก็แตกกระจายไม่นานหลังจากนั้น “ไปพักไหม” เทียมภพเสนอ เป็นความคิดที่ไม่เลว แต่… “อาจารย์อนุญาตเหรอคะ” เฟญารินถามด้วยความตื่นเต้น ยิ่งพอเห็นอาจารย์พ่อพยักหน้ารับยิ้มๆ ความหวังของเธอก็เริ่มสว่างไสว “ก็ช่วงนี้คุณต้องวิเคราะห์ข้อมูล ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดที่สักหน่อยนี่ อยากไปไหนก็ไป แค่อย่าไปไกลนัก แล้วกลับมาหาผมแค่สักเดือนละครั้งสองเดือนครั้งก็พอ” “ขอบคุณค่ะอาจารย์” ไม่รอให้อาจารย์เทียมภพเปลี่ยนใจ หญิงสาวรีบยกมือไหว้ ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มสดใส จนคนมองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเอ็นดู เฟญารินขอตัวลากลับ ระหว่างขับรถกลับคอนโด เธอคิดวางแผนเอาสิ่งที่ ‘ต้องทำ’ และสิ่งที่ ‘อยากทำ’ รวมเข้าไว้ด้วยกัน เสื้อผ้าถูกเก็บเข้ากระเป๋าในคืนวันนั้น หากจุดมุ่งหมายของนักเขียนคือการถ่ายทอดประสบการณ์ร้อยเรียงผ่านจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรให้ควรค่าแก่ความประทับใจในรูปแบบต่างๆ เส้นทางสายน้ำหมึกของเธอเริ่มต้นด้วยสิ่งนี้ ไม่รู้ทฤษฏี ไม่มีหลักการ เธอใช้เพียงแค่หัวใจเชื่อในทุกสิ่งที่สร้างขึ้น ถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำในรูปแบบของตัวเอง… งานเขียนไม่ใช่สิ่งอื่นไกล หากเกี่ยวกับชีวิตผู้คนและสิ่งรอบตัว นำมาเชื่อมโยง แปลความหมายในแบบของเรา และเธอจะไปเพื่อค้นหา พาชีวิตของตัวเองไปสัมผัสสรรพสิ่งรอบตัวเพื่อซึมซาบความรู้สึกและทุกประสบการณ์ด้วยหัวใจทั้งหมดที่มี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม