“แบบนี้ ก็หมายความว่า คุณจะไม่ผ่านกิจกรรมที่ทำ”
เขาลองขู่หล่อน
“เพราะในเมื่อคุณมาร่วมงานกับชาวบ้าน ที่เป็นชาวนาแท้ และดั้งเดิม คุณก็ต้องทำตัวให้เป็นชาวนาด้วย”
รังหงส์หันไปตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่ยียวนเอาชนะ
“ไม่ย่ะ ฉันเคยเป็นแต่พาณิชย์ แล้วนักธุรกิจ”
แต่เขาเอ่ยอย่างคะนองและมั่นใจ
“แต่ผมจะทำให้หงส์อย่างคุณ คลุกเลนตมให้ได้ อย่าทะนงเลย”
“แต่ฉันจะไม่”
หล่อนก็หันมาตอบเขาอย่างทะนงตัวเหมือนกัน
และที่หมู่บ้านจอมพระ ประภารัศศิและเพื่อนคนอื่นๆกำลังเห็นอยู่ว่า กลุ่มชาวนากำลังสอนเรื่องดำนาและถอนกล้าอยู่
หล่อนรู้สึกแขยง เพราะไม่อยากลงไปคลุกกับโคลนตม
แต่หล่อนก็เห็นว่า เตน ยิ้มหมายมาดคนเดียว
บรรดานิสิตทั้งหนุ่มสาวกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะบางคนนั้นตั้งแต่เกิดมา ก็ไม่เคยรู้ว่า วิธีดำนา กับถอนกล้า ของชาวนานั้น เขาทำกันอย่างไร
รังหงส์และประภารัศศิ แม้แต่เพื่อนทั้งหมดของเธอ เมื่อร่วมรับผิดชอบ ร่วมแรงร่วมใจ ตามที่มีจุดหมายปลายทางเพื่อพัฒนาชนบท
แค่ระยะเวลาสั้น เมื่อกิจกรรมเสร็จต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนต่อ
ที่รังหงส์กับประภารัศศิไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่านี่คือบ้านเกิดเมืองนอนของสองหนุ่ม ที่สองพี่น้องนั้นเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดัง
เช่นเดียวกับเธอ
และรังหงส์ก็พอจะรู้ว่า ต้องถูกแกล้ง
เพราะเธอก็แกล้งเขาไว้มาก
ถึงคราวที่สองหนุ่ม เตลาน กับเตชิต จะหาทางเอาคืน
นี่ถ้ารู้แต่แรกไว้ว่า นี่คือบ้านเกิดเมืองนอนของเขา หล่อนจะไม่อยากมาเด็ดขาด
ถึงจะมาก็ขอไปเที่ยวกับกลุ่มอื่น ที่เป็นเพื่อนของเธอเช่นกัน
แต่ว่ารังหงส์เพิ่งมารู้ตอนนี้ มันสายไปแล้ว
เธอคิดว่ เขาจะต้องเล่นงานเธอ อย่างที่เคยทำไว้กับเขา
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเถอะ รังหงส์จะกัดฟันสู้
เวลานี้ค่ำมืดมาเร็ว ผ่านไปสักครู่ ก็เงียบสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างก็เหมือนกันตกอยู่ในความเงียบ
และไม่มีเสียงดนตรี และไฟแสงสีที่มอมเมาจิตใจเยาวชนเหมือนในเมืองกรุง
บนฟ้าดาวดาวทอแสงสวยงามมาก แต้มแต่งจนทำให้ฟ้ากระจ่างใส
ส่วนมากกลุ่มนิสิตสาว มักจะจับกลุ่ม แหงนมองดูดาว
ที่ราวกับถูกโปรยในม่านราตรี
สำหรับแคมป์ที่พักของนิสิต ตั้งอยู่ในโรงเรียนประถมประจำอำเภอแห่งนี้
เธอจะต้องถูกเขากลั่นแกล้ง ต่อไปอีกอย่างแน่นอนรังหงส์คิด
และก็คิดไปอีก เหมือนบ่นกับตัวเองในใจ
“เมื่อไหร่จะได้กลับเข้ากรุงเทพนเสียทีนะ คิดถึงบ้านเหลือเกิน”
อยู่ที่นี่ มีแต่กลิ่นโคลนสาบควาย ที่หล่อนจะต้องทน
เกิดมาเธอไม่เคบพบเจออย่างนี้ ที่ประภารัศศิและรังหงส์คิดว่ ต่างชั้นกับเธอมาก
กิจกรรมอะไรของนิสิตที่มีการดำนาถอนกล้าด้วย
ชักจะเอาใจคนในหมู่บ้านนี้มากเกินไปแล้ว ดูเหมือนประธานชมรมจะเป็นเพื่อนกับนายลิงสองตัว และเขาเป็นเจ้าของบ้านด้วย
ทำให้รังหงส์คิดว่ ทั้งวคู่น่าจะรู้เห้นเป็นใจกัน ให้มาพักค่างแรม ทำกิจกรรม เพื่อพัฒนาชุมชนที่นี่
รังหงส์คิดว่า มันก็ดีอยู่หรอก เป็นการทำบุญ สร้างสิ่งยิ่งใหญ่ให้แก่ชนบท
แต่ทำไม ต้องจำเพาะเจาะจง บ้านอีตาเตนนี่ด้วย
หล่อนปวดหัวจะแย่แล้ว กับการปั่นหัวของเขา และยียวน
เอาเหอะ เป็นทีของเขา พอไปถึงกรุงเทพฯ ถิ่นของหล่อนบ้าง
เขาเสร็จหล่อนแน่
“นิสิตทุกคนที่มาพักค้างแรม ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับชาวบ้าน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เขาจะได้ไม่กล่าวหาว่าพวกเรา เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำอย่างนี้ เราจะได้ใจจากชาวบ้าน และพวกเขาก็ให้ความร่วมมือกับเรา ค่ายอาสาของพวกเราจะทำงานสำเร็จได้ ก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ”
ประธานชมรมเป็นคนเอ่ยขึ้น ทุกคนเข้าใจดี
ต่างเห็นด้วย และพยักหน้า
เมื่อร่วมประชุมในตอนเช้า และมีกิจกรรมใหม่เพิ่มขึ้นอีก
คือการให้สัมผัสเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน ที่มีทั้งนั่งสาวไหม ทอผ้าไหม เลี้ยงไหม ไปจนถึงการไถนา ถอนกล้า ดำนา
ยิ่งเรื่องไถนานี่ เป็นเรื่องที่ชื่นชอบของนิสิตผู้ชายนัก แทบจะปรี่เข้าใส่เลย
ทีบางคนแทบจะไม่เคบจับคันไถมาก่อน ในแปลงนาสาธิตของชาวบ้าน ที่ให้ความร่วมมือ และอนุญาตให้นักศึกษา ได้จับจอบจับเสียมและลองใช้เครื่องมือการเกษตรอย่าง คราดและไถ
เมื่อเจ้าของที่นาหรือผู้เป็นวิทยากรสาธิตให้ดู สี่ห้ารอบ เหล่านิสิตชายก็แทบจะต่อคิวเข้าไปสัมผัสถึงความจริงกับชีวิตที่อยู่กลางเลนตม
ทุกคนแทบไม่กลัวสิ่งนั้ นเห็นกรูกันเข้าไปร่าเริงกับเลยตมและช่วยดึงถอนต้นวัชพืชกลางนา
หญ้าที่ไม่พึงประสงค์อย่างแห้วหมู ทำเช่นเดียวกับเจ้าของนา โดยไม่ห่วงหล่อกันสักนิด
เรียกว่า ทุกคน เต็มใจที่จะมอมแมม และสนุกสนาน
ซึ่งบางคนเกิดมาก็ไม่เคยได้สัมผัสรสชาติแบบนี้
ซึ่งซึ้งและเข้าใจวิถีชาวนามากยิ่งขึ้น
ยิ่งคนที่จับคันไถในเวลานี้ ความเป็นจริงเขาเป็นถึงลูกชายของเจ้าของโรงสีขนาดใหญ่ในกรุงเทพ ที่ผลิตข้าวสารแปรรูปบรรจุถุงในยี่ห้อชื่อดัง ซึ่งบิดาเป็นเจ้าของ
รวมทั้งส่งไปขายยังต่างประเทศ เขาก็เพิ่งสัมผัสแก่นแท้ของชีวิตชาวนา
ไตรศักดิ์ ซึ่งบิดาของเขารู้จักสนิทสนมกับบิดาของรังหงส์เป็นอย่างดี เพราะเป็นนักธุรกิจค้าข้าวด้วยกัน
และหล่อนต้องมาจมปลักอยู่เบื้องหน้ากับภาพที่แสนจะน้าเกลียดที่สุด ทั้งโคลนเลยและตม ที่หยิงส่สาวจากเมืองกรุงเช่นหล่อนกับน้องสาวไม่เคยคลุกคลีมาก่อน
แต่ขรณะนี้จำต้องย่ำเท้าลงมาในแปลงเหมือนกับคนอื่น ที่กำลังดำนา
มีครูวิทยากรที่เป็นชาวบ้าน ให้การสอน
ว่าเวลาปักดำต้องทำอย่างนี้ อย่างนั้น
สาวจากกรุงเทพฯอย่างพวกหล่อนมีท่าทีขัดๆเขินๆ
ส่วนผ็ชายก็ท่าทางเก้งๆก้างๆ ยิ่งตอนแผ่ต้นกล้าเพื่อที่จะหยิบมาปักดำลงไปในน้ำ
เวลานี้ทุกคนอยู่ในสภาพที่เรียกว่า เท้าทั้งสองนั้นจมไปกับโคลนเลนทั้งหมด
รังหงส์กับประภารัศศิร้องบ่นอี๋ในใจอย่างขยะแขยง
แต่ไม่อาจจะพ้นจากกิจกรรมนี้ได้ เพราะทุกคนต้องทำเหมือนกัน
เป็นความยบุติธรรมที่สุด ที่ตกลงกันไว้แต่แรกแล้ว
เตน หรือเตลาน กับเตวิช หรือแตงค์ สองพี่น้อง หันมามองภาพเหล่านั้นด้วยความสาสะใจลึกๆ
ที่เวลานี้ เอาแม่หงส์คนงามจากกรุงเทพ มาคลุกโคลนเลนที่พวกหล่อนเคยบอกเขาว่า รังเกียจอาชีพชาวนาที่แสนต่ำต้อยยิ่งนัก
เขาก็อยากจะทำให้พวกหล่อนได้รู้รสชาติการเป็นชาวนาบ้าง
เช่นเดียวกับไตรศักดิ์ที่เคยชินกับการเป็นลูกชายเจ้าของโรงสีข้าวส่งออกของประเทศขนาดใหญ่
ที่เขาคิดว่า รีดเลือดเอากับปู ที่เป็นชาวนาทั้งประเทศมานับไม่ถ้วน
อาชีพชาวนาไม่เคยไดรับการส่งเสริมที่ดีและร่ำรวย
จนลืมตาอ้าปากได้ มาทุกยุคทุกสมัย
เพราะความชั่วที่เกิดจากจิตใจคนด้วยกัน
ที่ไม่มีการแบ่งปัน เอื้อเฟิ้อสงสาร คนรากหญ้า
โดยเฉพาะมีแต่พวกสวาปามระดับใหญ่ อยู่ในฝ่ายของผู้บริหารประเทศ
เอาใจรับใช้นายนทุน จนมองไม่เห็นหัวชาวนาผู้มีอาชีพเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ
เตลานแค้นใจนักแทนพ่อแม่และชาวนาทั้งประเทศ