ตอนที่ 11

1353 คำ
เดือนชมพู เอ่ยว่า “พ่อจ๋าแม่จ๋า นี่ น้ำ กุ้ง ไก่ ปลา เพื่อนของพู่ค่ะ” พ่อกับแม่ยิ้มให้กับเพื่อนของลูกทั้งสองคน อย่างมีไมตรีต้อนรับ “สวัสดีจ้ะ ไหว้พระ ไหว้เจ้าเถอะหนูๆ” ที่กรุงเทพ ฝ่ายสามใบเถาของตระกูลรพิตปรีชา ฝนกำลังตกหนัก อยู่ในช่วงระหว่างวันอาทิตย์ มองเห็นเม็ดฝนสีขาวพร่างอย่างเช่นเมื่อวานนี้ รังเพชรและประภารัศศิ เบื่อที่จะออกไปทำธุระข้างนอก แม้อยากจะออกไปเที่ยวแถวศูนย์การค้าชื่อดังก็ตาม ฝนตกทำให้รถติด กลับบ้านเกิด ไม่นึกเลยว่าทางบ้านจะมีการจัดกองผ้าป่าสามัคคีเข้าวัดเพื่อทะนุบำรุงปฎิสังขรณ์ กำแพงวัด และพระอุโบสถ รวมทั้งมีโครงการจะสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่ด้วย ทดแทนหลังเก่าที่ผุพังไปตามกาลเวลา เป็นงานที่ดูครึกครื้นเป็นอย่างมาก เต็มไปด้วยความร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกลมเกลียวประสานงานกันของเหล่าพี่น้องในหมู่บ้าน ทุกหมู่บ้าน ร่วมกับส่วนของราชการและส่วนท้องถิ่น เป็นประธานในครั้งนี้ การกลับคืนมาสู่บ้านเกิดของตัวเองในเวลานี้ จึงเหมือนกับว่า ได้บุญแถมต่อ ต้องมานอนกลางดินกินกลางทรายแบบนี้ ชีวิตเช่นนี้ไม่เหมาะสมกับเธอหรอก สองพี่น้อง รังหงส์ และประภารัศศิต้องอดทน เพราะเพื่อนนิสิตทั้งหลายก็อดทนเช่นเดียวกัน และทุกคนก็มีพลังที่เข้มแข็งอยู่กันได้ เพราะมาทำคุณประโยชน์ให้แก่ชาวบ้าน การมาอาสาออกค่าย แต่ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นชนบทอยู่มาก ไม่มีความเจริญเหมือนอย่างในกรุงเทพ ที่มีผับบาร์แสงสีเสียง นอกจากสวนอาหารธรรมดา โรงแรมที่พักและหมู่ตึกที่ยังพอเห็นใสตลาดสด นี่เป็นบ้านเกิดของนายเตนที่หล่อนเพิ่งรู้ว่าวิถีชีวิตบ้านเกิดเขาอยู่อย่างนี้ ประสาสาวหัวสูงและอยู่ชั้นสูงมากกว่า ก็มองอย่างดูแคลนเช่นเคย “นายเตน นี่นายบอกว่า ที่นี่เป็นบ้านนายไม่ใช่หรือ” เตนยื่นหน้ามาใกล้ “ครับ ที่นี่เป็นบ้านของผมทุกตารางพื้นที่ อย่างที่คุณประภารัศศิคิดเอาไว้ไม่มีผิด” “นี่ตอบฉันมาตรงๆก็ได้ ไม่ต้องพูดจาเล่นลิ้น” ประภารัศศิไม่ชอบที่เขาตอบโต้และอวดชนะกับหล่อน “บ้านนายไม่เห็นมีอะไรดีสักหน่อย มีแต่หมูหมากาไก่แล้วก็ทุ่งนา กับควาย” หล่อนเอ่ยอีกครั้งอย่างเหยียดหยัน “ก็ควายนะสิครับ เพราะคนที่นี่เขาทำนากัน จะไปมีรถยนต์รถไฟฟ้า ศูนย์การค้าได้ยังไงล่ะคุณ” เมื่อฟังเขาเอ่ยแล้ว ไม่มีที่ท่องเที่ยว หล่อนจึงโอด “งั้นฉันต้องจมปลักดักดานอยู่กับท้องไร่ท้องนา จนเนื้อตัวดำมอมแมมอย่างนี้ใช่ไหม” “ก็ใช่” เขาพยักหน้ารับ หล่อนเอ่ย “ งั้นฉันก็ต้องผิวเสีย เพราะถูกแดดนาน โอ๊ย ทำไม อากาศที่นี่ร้อนนัก” “อ้าว ก็มันไม่มีหมู่ตึกบังเอาไว้เหมือนในกรุงเทพนี่ นี่อีกอย่าง มันบ้านนอกชัดๆของแท้” ประภารัศศิ หยุดเถียงเขา หล่อนรู้แล้ว นี่มันถิ่นเขาจึงเจ็บใจยิ่งนัก แต่ถูกเขาชี้ให้ดูอีก “นี่ประภารัศศิ ดูซิ โน่นเขาเรียกว่าควาย” ยังชี้ให้หล่อนดูสัตว์ที่มีเขาแหลม เนื้อตัวของมันเปื้อนและมอมแมมไปด้วยโคลน หล่อนจึงอุทานตาม “ควาย” ทำให้เตลานตอบอีก “ใช่ควาย บ้านฉันเขาเรียกว่าควาย เมืองกรุงอย่างบ้านเธอมีมั๊ย” หล่อนก็รู้สึกว่าตัวเองถูกลองดี และรวยด้วยคำพูดจากหนุ่มนิสิตลูกชาวนา ทำให้ประภารัศศิแทบจะแหวออกมาทันที ที่เขาเหมือนดูถูกหล่อน “นี่ไม่ต้องมาดูถูกฉัน ทำไม ฉันจะไม่เคยเห็นควาย และฉันก็เคยเห็นควายถูกจูงจมูกด้วย” พูดแล้วประภารัศศิก็หันมาทางเตลาน และก็ทำให้เตลานมีท่าทีโกรธจัด ใส่หล่อน “ฮึ่ม นี่เธอ ตั้งใจจะแขวะใส่ฉันใช่ไหม? มาถึงถิ่นของคนอื่นแล้ว ยังกล้าอวดดีอีกนะ รู้บ้างสิว่า บ้านป่านี้ใครครอง” เตลานก็ตอบแบบอวดประกาศศักดา “ช่วยไม่ได้ ใครอยากเป็นควาย ช่วยรับกันไปเอง” เมื่อตอบแล้ว ยิ่งทำให้ประภารัศศิแลบลิ้นใส่อย่างไม่กลัว “ถิ่นนายก็ช่าง เพราะฉันไม่สน ฉันชอบความยุติธรรม” เมื่อสาวสวยที่เปรียบเหมือนดอกฟ้าพูดอย่างนี้ เขานั้นจะกลัวที่ไหน “อ๋อ ได้เลย ชอบความยุติธรรม คอยดูนะ ฉันจะแกล้งให้เข็ด” ประภารัศศิว่าใส่เขาทันทีที่พูดจบ “ เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว” และก็ทำให้เตลานต้องพูดใส่อีก “มันช่วยไม่ได้ยัยคุณหนู เพราะนี่มันถิ่นของฉัน อย่าทำซ่าส์ เดี๋ยวหงส์อย่างเธอ ก็ถูกฉันจับคลุกโคลนตมหรอก” เตลานก็ใช้คำพูดขู่ออกมา จนว่าประภารัศศิฟังแล้วก็นึกหงอกลัวเหมือนกัน แต่หล่อนชังน้ำหน้าเขานัก เกลียดที่สุด แล้วต้องทนอยู่กับเขานานร่วมเป็นเดือน ทั้งที่ประภารัศศิคิดถึงกรุงเทพแทบแย่ คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงมหาวิทยาลัย แต่เพื่อนๆทุกคนที่เข้าร่วมชมรมก็มาที่นี่กันหมด มาเป็นพัฒนากร พัฒนาให้ความรู้แก่ชาวบ้านที่นี่ จึงทำให้ประภารัศศิต้องปรับตัวเอง ให้เข้ากับคนที่นี่ มากที่สุด ทั้งๆที่เตลานก็ไม่ใช่นิสิตที่เรียนที่เดียวกับหล่อน เขาเรียนคณะอื่น มหาวิทยาลัยแห่งอื่น แต่เวลาปิดเทอมก็ตรงกัน ทำให้ประภารัศศิต้องกุมขมับ เพราะเขาช่างเป็นผู้ชายที่ยียวนกวนเข้าไส้ นึกถึงรังหงส์ที่เป็นพี่สาว ก็ไม่แคล้วถูกนายแตน พี่ชายของนายจอมแสบเล่นงานอย่างแน่นอน ยิ่งสำคัญนั้น แสดงท่าทีจีบพี่สาวของประภารัศศิ ออกมานอกหน้าด้วย ซึ่งทำให้ประภารัศศิหยิ่งในศักดิ์ศรี เพราะถือว่าชาวนาเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย อาชีพที่ไม่มีใครพูดถึง และรังหงส์นั้นกำลังจะถูกติดตามจากเตนอย่างไม่ลดละเช่นกัน ไม่ว่าเธอจะตามไปไหน เตนก็ตามมาเหมือนคนคุ้มครอง ก็ทำให้หล่อนอุ่นใจอยู่หรอก แต่ว่าหล่อนก็อายเพื่อน ทำให้มองเตนเป็นคนละระดับกับหล่อน แต่เขาก็ใจกล้านัก เมินมองสิ่งที่เพื่อนๆคิด และเตนก็คิดว่าใจของเขาตัวตนของเขาต่างหาก ที่เป็นผู้นำตัวเองได้ หาใช่กำพืดฐานะ หรือแม้แต่คำนินทาเสียดสีจากผู้อื่น ถ้าเขาแคร์คนอื่น เขาก็คงไม่ตามจีบตามไม่ลดละในการจีบ รังหงส์ สาวสวยที่เป็นไม้เบื้อไม่เมากับเขามานาน แต่นี่มันถิ่นเขา เขาอยากจะแนะนำหล่อนในการวางตัว และจะถือว่าเขาเป็นไกด์แนะนำบอกทางก็ได้ เพราะเตนอยากจะให้คิดอย่างนั้นมากกว่า ทำให้หล่อนได้มองเขาในแง่ที่ดีขึ้น เพราะอยู่ที่นี่ต้องกิจกรรมหลายอย่าง ไม่แน่ รวมอยู่ในกลุ่มโครงการที่นิสิตทุกคนจะต้องร่วมมือและลงแรงด้วย คือการไถนา ดำนา แล้วก็ถอนกล้า แต่เตนกับน้องชายคือเตลานเป็นคนของที่ตั้งแต่เกิด และเขาทำเป็นทุกอย่าง เพราะเมื่อสมัยเด็กๆพ่อแม่ก็สอน สิ่งเหล่านี้จึงถูกจำอยู่ในหัวสมอง ไม่เคยลืม “รังหงส์ ผมอยากจะเห็นคุณทำอะไรอย่างหนึ่ง” ถามพร้อมกับเงยหน้ามองสาวหน้าหวาน ผู้ไม่เคยลำบากตรากตรำงานกลางแดด เพราะเขาดูแล้ว ผิวของหล่อนบอบบาง “ทำไมล่ะ จะให้ฉันทำอะไรนายเตน” รังหงส์ถามอย่างไม่พอใจนิดหน่อย เขาเลยเฉลยรอยยิ้ม “ก็อยากจะเห็นหงส์อย่างคุณ คลุกเลนตมไง ที่รังเกียจว่ามันสกปรก เพราะผมอยากจะเห็นคุณทั้งดำนา แล้วถอนกล้า” คำที่เขาพูด ทำให้หล่อนปากคอสั่น เพราะไมเคยทำมาก่อน และมีรุ่นพี่ที่บรรจุโครงการนี้ไว้ด้วย รังหงส์ตั้งใจจะหลีกเลี่ยง “ไม่หรอก ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม