เอวารินทร์จินตนาการถึงชุดที่จะใช้ผ้าผืนเดียวนี้ได้โดยไม่ต้องตัดเย็บ หล่อนนำผ้าปูที่นอนผืนใหญ่มาพับทบครึ่ง นำมานุ่งแทนที่ผ้าห่มโดยจับชายด้านบนซ้ายขวามาไขว้กันแล้วผูกไว้ใต้ท้ายทอย ไม่ต่างกับหล่อนใส่ผ้าคลุมไหล่กับชุดว่ายน้ำ เพียงแต่ว่าผ้าปูที่นอนผืนใหญ่ขนาดนี้ทำให้ชายยาว แต่เมื่อพับทบกันแล้วก็ทำให้เนื้อผ้ายิ่งหนาขึ้น
ทั้งหมดน่าจะช่วยปกปิดร่างกายของหล่อนไม่ให้ใครที่พบเห็นจินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ด้านในได้ และก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าหล่อนไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน
คิดแล้วก็หน้าร้อนวูบวาบ เพราะไอ้บ้านั่นบอกว่าเป็นคนถอดเสื้อผ้าของหล่อนออก แล้วก็เห็นหล่อนแล้วทั้งตัว ทั้งยังได้จูบแรกของหล่อนไป ได้จับนมหล่อนคนแรกด้วย แต่หล่อนจะทำยังไงได้ เอียงอายไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแค่สู้เท่านั้นแหละถึงจะรอด
“ก็แค่มองล่ะวะเอวา นายนั้นยังไม่ได้เอาอะไรไป และเธอต้องป้องกัน ไม่ให้มันเอาไปได้”
เอวารินทร์พยายามคิดปลอบใจตัวเอง หล่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้มาก่อน และก็ไม่เคยมีคนรู้จักมาบอกเล่าประสบการณ์แบบนี้ด้วย การที่มีผู้ชายเห็นร่างเปล่าเปลือยของเราแล้ว ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนรัก เราควรรู้สึกแบบไหน ทำตัวอย่างไร หรือแก้ปัญหาแบบไหน
รวมทั้งการถูกปล้นจูบ ปล้นจับ ครั้งแรกด้วย หล่อนควรรู้สึกแบบไหน หรือต้องทำอย่างไรบ้าง
นั่นคือสิ่งที่หล่อนไม่รู้เลย รู้แต่ว่าต้องป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมากไปกว่านี้
ปลอกหมอนสีฟ้าอ่อนถูกฉีกออกจากกันให้เป็นผืนยาวและนำมาคาดทับเอวเป็นเข็มขัดก็จะทำให้ชุดที่สวมยิ่งแน่นหนาขึ้นอีก
“แค่นี้ก็เรียบร้อย แล้วอย่ามาว่าฉันฉีกปลอกหมอนของนายนะ เพราะนายไม่ให้ฉันใส่เสื้อผ้าเอง หึ! แต่แม่รักหนูมากจริงๆ นะคะ ให้มาเยอะเหลือเกิน”
เอวารินทร์มองอกอวบใหญ่ของตัวเองที่ดันผืนผ้าออกมา ก่อนจะหอบผ้าทั้งหมดเดินตรงไปยังโซนห้องน้ำและห้องครัว ทึ่งเล็กน้อยกับความเรียบง่ายและสะอาดสะอ้าน บ่งบอกรสนิยมของเจ้าของบ้าน
มาร์ตินย่องมาแอบดูว่าเอวารินทร์จะทำกับข้าวกินได้หรือไม่ เพราะของที่เขาให้เข้มเตรียมไว้ก็มีแค่ไข่ ข้าวสาร รวมทั้งเครื่องปรุงอีกนิดหน่อย ในเมื่อไม่มีไฟฟ้า ไม่มีหม้อหุงข้าว เขาก็อยากจะรู้นักว่ายายคุณหนูลูกไอ้อำนาจจะทำกินได้ไหม เดาว่าหล่อนคงหัวฟูหน้ามีแต่คราบเขม่าควันไฟ ข้าวดิบ ไข่ไหม้ หรือดีหน่อยก็คงมากสุดแค่ทอดไข่กินเองได้ แต่หล่อนจะจุดไฟได้หรือเปล่าล่ะ นั่นแหละคือปัญหา
แต่แอบดูอยู่นานก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ ไม่ได้ยินเสียงวี้ดว้ายอย่างที่อยากได้ยิน ทั้งที่เขาเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำคลิปแบบเรียลลิตี้ ทั้งหมดดูเงียบสงบ แต่แล้วก็มีควันไฟน้อยๆ ลอยออกมาจากหน้าต่างห้องครัว
มาร์ตินถอนหายใจเฮือก หน้าตาบึ้งตึง เขาไม่อยากจะเดาต้องเข้าไปดูด้วยตาตัวเอง
และก็ต้องกำมือแน่นเพราะที่เห็นคือ เอวารินทร์กำลังยืนคนหม้อต้มข้าวบนเตา เขาเดาได้ว่าเป็นข้าวต้ม เพราะบนโต๊ะมีไข่เจียวสีเหลืองฟูน่ากิน กับผัดผักอีกจานหนึ่ง แล้วเอวารินทร์ไปเอาผักมาจากไหน คิดพลางมองหาและก็อยากจะเขกหัวไอ้เข้มนัก ความหวังดีของมันเอากระบะผักมาปลูกไว้ที่ระเบียงหลังครัว
‘น้ำล้างของก็สาดลงไปครับนายหัว ดีกว่าตกดินทิ้งเสียเปล่าๆ’ จริงอย่างที่มันบอก แต่ดันมาเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เขาอยากจะทรมานหล่อน
ทรมานหรือ? ไม่เลยสักนิด
ท่าทางทะมัดทะแมงดูรู้ว่าเป็นคนทำกับข้าวเป็น แค่ไม่คาดคิดว่าหล่อนจะอาจหาญก่อไฟหุงข้าวได้ด้วย แล้วนี่ถ้าหล่อนหุงข้าวแบบเช็ดน้ำได้อีกอย่าง เขาคงหมดเส้นทางทรมานหล่อนด้วยการทำอาหารแน่
แต่แล้วสิ่งที่คิดก็มีท่าว่าจะเป็นจริง เมื่อร่างสวยงามที่ดัดแปลงผ้าปูที่นอนจนกลายเป็นชุดราตรีสโมสรแบบคุณหญิงคุณนายชอบใส่กัน กำลังเอื้อมมือคว้าไม้ไผ่ที่ไอ้เข้มเหลาไว้สำหรับขัดฝาหม้อ
“ยายบ้าเอ๊ย! คิดว่าอยู่บ้านตัวเองหรือไงนะ แล้วดูใส่ชุดเข้า เธอนี่มันร้ายกาจกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยเอวา”
มาร์ตินได้แต่สบถในใจ เจ้าหล่อนกำลังทำแบบนั้น เขาดูถูกลูกไอ้อำนาจมากไปอย่างนั้นเหรอ
“ผู้หญิงบ้าอะไรวะ หุงข้าวแบบเช็ดน้ำได้ นี่เธอเรียนเมืองนอกหรือไปเรียนที่บ้านนอกกันแน่”
พึมพำเสียงแผ่วแต่รอบสำรวจเจ้าของร่างขาวอมชมพู ผมยาวสยายของหล่อนถูกขมวดเป็นปมไว้เหนือท้ายทอย ปล่อยลูกผมให้ลงมาละกรอบหน้า ผิวพรรณหน้าตาดูกระจ่างชัดกว่าเดิม “อาบน้ำ” รวมกับชุดที่หล่อนใส ก็คงทำได้ล่ะ เพราะหุงข้าวเช็ดน้ำยังได้ แค่ดัดแปลงเสื้อผ้าก็คงไม่ยาก และมันก็ดีจริง
เอวารินทร์ดูสวยไปทั้งเนื้อทั้งตัว ทุกอย่างหยิบจับคล่องแคล่วไม่เหมือนคนที่ถูกจับมาเป็นเชลยสักนิด หล่อนทำเหมือนกับว่าเป็นบ้านของตัวเองและกำลังเข้าครัวทำอาหารเตรียมไว้ให้สามีกิน
“หึ! เตรียมไว้ให้ผัวกิน”