“ด่าเป็นแค่นี้เหรอ ถ้าด่าแค่นี้ ฉันถือว่ายั่วนะ ไม่เคยดูเหรอ นางเอกละครน้ำเน่าก็ด่าได้แค่นี้แหละ จากนั้นพระเอกก็จับyes!”
“อ!”
“ถ้าหลุดมาอีกคำ ฉันจับเธอyesตอนนี้แน่ อ้อ... อยากใช่ไหม”
“ไม่!”
“หึ! ไม่ต้องมากลบเกลื่อนความแรด! วันนี้ฉันไม่ว่าง แต่ถ้าอยากมากก็ถูเสาบ้านไปก่อนละกัน และถ้ามีแรงแรดได้ขนาดนี้ก็หาข้าวกินเองด้วย จงอยู่ที่นี่อย่างสงบเสงี่ยมรอพ่อเธอมาไถ่ตัว และอย่าคิดหนีล่ะ ถ้าไม่อยากถูกyesยกเกาะ แต่ถ้าอยากก็เชิญ ฉันบอกไอ้พวกนั้นไว้แล้ว ไม่ว่าเธอจะไปตรงไหน ก็มีกล้องเตรียมถ่ายเธอถูกyesแน่นอน คมชัดทุกกล้อง แบบ Full HD”
“ไอ้... ไอ้... อื้อ...”
เสียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันสลับกับเสียงกรี๊ดแบบคนสะกดกลั้นยังได้ยินไล่หลังแต่มาร์ตินไม่สนใจ เขาเดินจากมา แหงนหน้าหัวเราะ วิธีรุกฆาตได้ผลเกินคาด
แค่ได้ยินเสียงไอ้อำนาจกับไอ้อาทิตย์ร้อนรน ได้สะใจกับการทรมานเชลยนมใหญ่ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะกว่าจะถึงวันส่งมอบเงินก็ไม่รู้ว่าไอ้สองคนพ่อลูกจะวางแผนทำอะไรอีกบ้าง แต่ยังไงเขาก็ไม่กลัว เพราะเขามีตัวประกัน
ลิ้นแลบเลียริมฝีปากก่อนจะค่อยๆ ถอดผ้าปิดปากออก นึกถึงสัมผัสยามปากกระด้างบดลงไปหาปากอวบอิ่มช่างต่อล้อต่อเถียง ถ้าเมื่อครู่ไม่มีแมสขวางกั้น รสชาติจะเป็นยังไง
ฝ่ามือยกขึ้นกะขนาดบีบเคล้น รอยยิ้มกรุ้มกริ่มระบายทั่วใบหน้า เพราะฝ่ามือไม่มีอะไรขวางกั้น รสสัมผัสจึงได้รับเต็มๆ ขาดก็แค่ดอมดมและเลีย
“โอย... เธอทำให้ฉันร้อน เอวารินทร์”
มาร์ตินพ่นลมออกจากปาก ในหัวมีแต่อกอวบใหญ่สีขาวอมชมพูลอยเด่นไปมา เขาอยากจะฝังหน้าลงไปนักและอยากเห็นปลายยอดที่ถูกสติกเกอร์รูปดอกไม้ปกปิด ว่าจะมันสีชมพูได้เหมือนริมฝีปากนุ่มนิ่มนั้นไหม คิดว่ามันน่าจะสีสดกว่า
แค่คิดก็ต้องพ่นลมหายใจออกจากปากอีกครั้ง เพราะเอวารินทร์ทำให้เขาแข็งอย่างต่อเนื่องกันทีเดียว
เอวารินทร์แอบมองตรงหน้าต่างเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นเดินออกไปไกลแล้ว หล่อนก็รีบเดินออกมาจากห้องทันที แน่ใจแล้วว่าบ้านไม้ริมทะเลหลังนี้มีหล่อนอยู่เพียงคนเดียว และจากที่เขาบอกว่าให้หล่อนหาข้าวกินเองก็แปลว่าที่นี่ต้องมีอาหาร แค่คิดทองก็ร้องจ๊อกเพราะมันเกือบ 24 ชั่วโมงแล้วนี่ที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องหล่อนเลย ก็ควรจะหิวอยู่หรอก
หล่อนหันหาทิศทางของห้องครัวและโซนไม้ไผ่ที่แยกย่อยออกมาด้านข้างของตัวบ้าน ด้านหนึ่งนั้นหล่อนเห็นตุ่มน้ำก็จะเป็นห้องน้ำ ส่วนอีกด้านเห็นมุมโต๊ะไม้ ก็น่าจะเป็นห้องครัว สองเท้าพาก้าวเดิน ก่อนจะชะงักก้มมองผ้าห่มที่ห่อหุ้มร่างกาย คงตลกแน่ถ้าหล่อนห่มผ้าเทอะทะแล้วทำกับข้าวไปด้วย
คิดดังนั้นจึงหันซ้ายแลขวาหาสิ่งที่พอจะมาเป็นเสื้อผ้าได้ แต่ก็ไม่มีเลย ในห้องนอนโล่งว่างเปล่า มีแต่ชุดเครื่องนอน เหมือนเขาจงใจจะไม่ทิ้งเสื้อผ้าไว้ให้หล่อนใส่เลยสักชิ้น
“ตั้งใจจะให้ฉันแก้ผ้าจริงๆ มั้ง ไอ้บ้า! คอยดูเถอะอย่าให้โอกาสเป็นของฉันนะ”
ดวงตาสวยหวานฉายแววเอาเรื่องเพราะหล่อนไม่ได้ถูกเลี้ยงมาให้ยอมใคร แต่หล่อนก็ไม่เคยเอาเปรียบใคร เพราะแม่สอนหล่อนเสมอว่าถ้าเราไม่เบียดเบียนคนอื่น คนอื่นก็จะไม่เบียดเบียนเรา เสียดายที่แม่มีโอกาสอยู่กับหล่อนแค่ไม่นานท่านก็ต้องจากไปด้วยโรคประจําตัว พ่อจึงตัดสินใจส่งหล่อนไปเรียนต่อที่เมืองนอกในทันทีที่หล่อนจบมัธยมศึกษาตอนต้น
ชีวิตในต่างแดนสอนให้หล่อนสู้ แล้วตอนนี้วันนี้คงได้ใช้จริงที่เมืองไทย หล่อนต้องสู้แม้ไม่รู้ว่าปลายทางนั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม และที่สำคัญต้องมีสติให้มากที่สุด
เอวารินทร์เดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง หล่อนรู้แล้วว่าจะใส่อะไรแทนผ้าห่มเทอะทะนี่ แล้วสิ่งที่หล่อนได้ก็คือ ปลอกหมอนกับผ้าปูที่นอน
“คนรวย”
เอวารินทร์เบ้ปากเมื่อเห็นยี่ห้อของชุดเครื่องนอน เดาว่านี่คงเป็นบ้านพักของไอ้นั่นแน่ เพราะแม้จะนอนบนเตียงไม้ธรรมดา แต่ผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนกลับเป็นยี่ห้อดังที่ขายดีทั่วโลก
แตกต่างจากผ้าห่มที่คลุมร่างกายเปล่าเปลือยของหล่อนซึ่งเป็นผ้าทอผืนหยาบแบบที่หล่อนเคยเห็นพ่อซื้อให้กับครอบครัวคนเก็บรังนก
ค้ารังนกเป็นธุรกิจในครอบครัวของหล่อนเพราะพ่อเป็นเจ้าของสัมปทานมาตั้งแต่หล่อนเพิ่งจำความได้ ทำให้มีคนงานเก็บรังนกที่พ่อดูแลอยู่มากมายหลายสิบครอบครัว เวลาพ่อจะซื้อของแจกคนงานก็ต้องซื้อจำนวนมากๆ เน้นความแข็งแรง อายุการใช้งานนานมากกว่าเน้นความสวยงาม
‘พ่อเธอมันก็ต้องกระอักเลือดตายแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี! ฉันจะได้ลดหนี้ให้สองร้อยล้าน ถือว่าคนตายไปแล้วหนี้ก็สูญ ส่วนอีกสองร้อยล้านไว้เก็บกับไอ้อาร์ต’
ธุรกิจของครอบครัวหล่อนมีรายได้ปีละหลายร้อยล้านบาทตามที่พ่อเคยบอกเล่าให้ฟัง แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นถึงบอกว่าพ่อกับพี่ชายของหล่อนติดหนี้เขา คนละ 200 ล้านบาท
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่านายจับฉันมาทำไม แล้วพ่อฉันกับพี่ฉันไปเป็นหนี้อะไรนาย ร่วมกันทำธุรกิจแล้วเจ๊ง หรือว่าไอ้นั่นมันเป็นมาเฟียข้ามชาติจริงๆ เฮ้อ! เดี๋ยวค่อยคิด เอาเรื่องตรงหน้าก่อน”