ทว่าเหมือนถูกกระชากจากสวรรค์ลงนรก เมื่อเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังอยู่เหนือใบหน้า เอวารินทร์เปิดเปลือกตาขึ้นพบกับความอัปยศ เมื่อหล่อนทอดกายบนเตียงเหมือนเตรียมพร้อมให้เขาเชยชม โดยเฉพาะฝ่ามือที่จับ
“อะ! ไอ้บ้า! ปล่อยนะ!”
“อยากให้ปล่อยจริงๆ เหรอ”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
สองมือผลักร่างสูงใหญ่ให้พ้นจากร่าง ทว่าไม่ได้สะเทือนเลย ก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเขาผละออกไปจากตัว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำคู่นั้นมองหล่อนอย่างสมเพช แต่นั่นยังไม่เท่าคำดูถูก
“เบนซินจริงๆ แค่จูบจับก็พร้อมสอดใส่”
เอวารินทร์รีบลุกขึ้นคว้าผ้าห่มมาพันปกปิดเต้าอวบใหญ่ สิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดหล่อนเข้าใจทุกอย่างและหล่อนก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นด้วย เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยมีใครล่วงเกินหล่อนได้ถึงเพียงนี้ แต่ไอ้ผู้ชายบ้าๆ คนนี้กลับทำทุกอย่าง คงเหลือแต่สิ่งนั้นที่ยังไม่ได้ทำ แต่ใครจะการันตีว่าจะไม่เกิดขึ้น ในเมื่อหล่อนไม่รู้ว่าถูกจับมาที่นี่เพราะอะไร สิ่งที่ทำได้คือกัดปากตัวเองไว้แน่นกันเสียงกรีดร้อง เพราะการต่อต้านก็ไม่ต่างจากยั่วยุให้สิ่งนั้นเกิดเร็วขึ้น เมื่อกี้หล่อนได้รับบทเรียนแล้ว
“แก... เอ่อ... นาย”
เอวารินทร์เปลี่ยนสรรพนาม เพราะแค่เรียกดวงตาขุ่นจัดก็ตวัดมองมาก่อนจะหลุบมองที่อกอวบใหญ่ก็ทำให้สะท้านไปทั้งร่าง คิดถูกแล้วที่ยอมอ่อนลง ถ้าไม่อยากให้เรื่องเมื่อครู่เกิดขึ้นอีก อะไรยอมได้ก็ต้องยอม
“นายจับฉันมาทำไม แล้วฉันไปทำอะไรให้ ไม่สิ นายมีปัญหาอะไรกับพ่อฉัน ฉันขอคุยกับพ่อหน่อย”
“ได้” ตอบรับ แต่แล้วก็ฉุกใจบางอย่าง
“ไม่ดีกว่า”
“ทำไม! ฉันจะคุยกับพ่อ!”
แต่แล้วเอวารินทร์ก็รู้ว่าการอ่อนข้อไม่ได้ผล ผู้ชายคนนี้ไม่ได้สนใจสิ่งที่หล่อนทำมากกว่าสิ่งที่เขาต้องการจะทำ นั่นคือ แก้แค้นพ่อ แต่เรื่องอะไรล่ะ
เสียงตวาดแว้ดกับดวงตาเอาเรื่องที่มองมาบ่งบอกว่าเอวารินทร์ไม่ได้กลัวเขาเลย ขนาดเพิ่งโดนจูบจับไปหมาดๆ หล่อนยังออกฤทธิ์ ช่างเป็นลูกไม้ใต้ต้นของไอ้คนเลวจริงๆ
“กล้าตวาดฉันเหรอ”
มาร์ตินสาวเท้าเข้าหาหล่อนอีกครั้ง ซึ่งเอวารินทร์ก็ขยับถอยจนแทบจะสิงเข้าไปในผนังห้องอยู่แล้ว ที่จูบจับเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะเต็มใจ แต่ทำเพราะจำเป็น เขาอยากเห็นหล่อนหวาดกลัว ร้องไห้ฟูมฟาย และอ้อนวอนให้เขาส่งกลับบ้าน ไม่ใช่ท่าทีไม่กลัวเกรงกันแบบนี้ หรือความจริงแล้วหล่อนกำลังยั่ว
ร่างสูงค้อมกายแนบชิด ฝ่ามือค้ำยันผนังบ้านกักเก็บหล่อนไว้ไม่ให้รอดหนีไปทางไหนได้อีกครั้ง
“นาย... นายจะทำอะไร ฉันแค่อยากคุยกับพ่อ ไม่ได้จะหนีไปไหน”
ดูสิขนาดเขาทำถึงขนาดนี้ หล่อนก็ยังกัดปากแน่น ไม่ได้กลัวกันเลยสักนิด อยู่บ้านน่าจะเอาแต่ใจน่าดู และตอนนี้ก็... น่าเอา
“ก็ลองหนีสิ ขืนออกไปสภาพนี้ รับรองได้มีผัวทั่วเกาะแน่ ทั้งเกาะมีเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวซะด้วย ทีนี้คงต้องเรือเฟอรี่แล้วล่ะ ถึงจะเข้าไปกลับได้พอ หรือว่าอยากอยู่แล้ว ถ้าอยากก็ยอมรับมาตรงๆ ฉันจะเรียกคนมาเอาแก้คันให้ หรือว่าอยากถูกฉันเอาก่อนคนอื่นล่ะ ฉันใหญ่มากนะ จะเช็กของก่อนก็ได้”
คนอ้าปากหวอก่อนดวงตาจะวาววับแบบโกรธจัด แต่แล้วหล่อนก็กัดปากข่มอารมณ์ไว้ ทำให้มาร์ตินยิ่งสนุก ลูกสาวไอ้อำนาจธรรมดาได้ที่ไหน
“ไอ้... เอ่อ... ฉันอยากคุยกับพ่อ”
“เหอะ! จำเลยอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
“ก็แค่คุย จะกลัวอะไรล่ะ หรือว่านายกลัวตำรวจรู้”
ใบหน้าง้ำกับดวงตากร้าวที่มองเขาแบบไม่มีเกรงกลัวกันสักนัด มันทำให้มาร์ตินอยากจะขยี้ปากอวบอิ่มที่พ่นคำพูดออกมาราวกับว่าเขาเป็นผู้ร้ายอีกครั้ง ทั้งที่พ่อกับพี่ชายของหล่อนต่างหากที่เป็นผู้ร้ายตัวจริง แต่ถ้าทำแบบนั้นเห็นทีคืนนี้หล่อนถูกเขาจับถอนขนแน่ และเขาจะไม่หยุดจนกว่าเส้นขนเส้นสุดท้ายจะหมดไปอย่างแท้จริง
“หึ! เธอคิดว่าคนอย่างไอ้อำนาจมันกล้าแจ้งตำรวจเหรอ”
“อย่ามาเรียกพ่อฉันว่าไอ้”
“แล้วจะให้เรียกว่าอะไร คุณพ่อตา”
“ไอ้... อื้อ...”
หล่อนกัดปากสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ยิ่งต่อล้อต่อเถียง เขาก็ยิ่งสนุก
“ฉันจะบอกให้นะ คนรักหน้าตาอย่างพ่อเธอ มันไม่กล้าเอาคลิปเด็ดๆ ของลูกสาวให้คนอื่นดูหรอก”
“คลิปเด็ดๆ นี่นายทำอะไรฉัน! แก! ไอ้...” นายเปลี่ยนเป็นแกทันที
“อยากให้เห็นหน้าตอนมันเห็นคลิปเธอจริงจริ้ง... สภาพทุรนทุรายแทบจะขาดใจตาย สะใจชะมัดยาด แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะส่งคลิปเด็ดยิ่งกว่าไปให้มัน”
“คลิปอะไร!”
“ก็คลิปเธอซั่มกับฉันไง หรือจะเอาคลิปเธอเริงร่ากับผู้ชายทั้งเกาะก่อนดี เอาแบบไหน ฉันให้โอกาสเธอเลือก เพราะยังไง พ่อเธอมันก็ต้องกระอักเลือดตายแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี! ฉันจะได้ลดหนี้ให้สองร้อยล้าน ถือว่าคนตายไปแล้วหนี้ก็สูญ ส่วนอีกสองร้อยล้านไว้เก็บกับไอ้อาร์ต”
“แก... ไอ้... ไอ้คนบ้า! ไอ้คนสาระเลว! ไอ้โรคจิต! พ่อกับพี่ฉันไปทำอะไรให้แก แกถึงต้องทำกับฉันกับครอบครัวแบบนี้ บอกมาสิ ไอ้คนบ้า!”