ตอนที่ 15

1282 คำ
15 หยางจงหมิงแม้อยากจะพูดอะไรต่อมิอะไรมากมาย ก็ทำได้เพียงมองแผ่นหลังของนางเดินลาลับไปแล้ว พ่อบ้านฉางอยากจะบอกว่า สมน้ำหน้า แต่ก็นึกเห็นใจ เห็นอดีตฮูหยินรองมีรอยยิ้มสดใส ใบหน้าอิ่มเอิบเช่นนี้เขามีความสุขมากนัก ถึงแม้จะรู้จักนางเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ก็รับรู้ว่า สตรีเพียบพร้อมเช่นนี้ใคร ๆ ต่างก็หมายตาอยากจะครอบครองทั้งนั้น “เสียดายหรือไม่ขอรับ” เขาพูดลอย ๆ ขึ้นมา พลางยิ้มเยาะคนตาต่ำอย่างเจ้านายของตน “เสียดายแล้วอย่างไร ยามนี้เป็นข้าที่ปล่อยให้นางหลุดมือไป ไม่แน่ข้าอาจจะทำให้นางกลับมาหาข้าอีกสักครั้ง” เขาคิดว่าจะพิชิตใจนางด้วยตัวเขาเอง ในเมื่อนางแต่งงานมาเป็นภรรยาของเขาแล้ว แสดงว่านางย่อมมีใจให้เขา คนอื่นจะสู้ความรักครั้งเก่าได้อย่างไร เขายิ้มเยาะขึ้นมา มองเห็นว่ามีชัยชนะเบื้องหน้าเพียงแค่เขาเอื้อมคว้าเท่านั้นก็น่าจะครอบครองได้ในไม่ช้า พ่อบ้านฉางไม่ได้กล่าวดูแคลน แต่เรื่องจริงมิเช่นนั้นในงานแต่งงาน ไทเฮาจะเสด็จด้วยองค์เองหรือหากไม่รักไม่เอ็นดูหลานสาวมาก “ผ่านด่านไทเฮาให้ได้เสียก่อนเถิดขอรับ” ซานอี๋เหนียงเดินตามอย่างเงียบ ๆ แม้จะนึกอิจฉานางแต่งเข้าไปอนุของเขามาสามปี ฝ่ามือไม่เคยจับ เตียงไม่เคยร่วม มีเพียงแค่น้ำเสียงแข็ง ๆ ส่งมาให้เท่านั้น แต่พอเจอท่านหญิง เขากลับเปลี่ยนไป กลายจากคนเย็นชาไม่ใส่ใจใครทั้งนั้น แต่เพื่อท่านหญิงถึงกับออกปากปกป้อง จื่อรุ่ยเจ้าเด็กตัวแสบ ดิ้นดุกดิกอยู่บนวงแขนกว้างของบิดา ไม่ยอมปริปากพูดอีกเช่นเคย “ท่านแม่อุ้มข้าหน่อย” เขาจะอ้อนนางเท่านั้น นางคือมารดาของเขา “ไม่ได้ นางตัวเล็กเพียงเท่านี้จะอุ้มเจ้าได้อย่างไรกัน ไม่สงสารท่านแม่หรือหากปวดแขนขึ้นมา ปวดขาขึ้นมาเจ้าต้องอุ้มนางส่งตำหนักท่านย่านะ” น้ำเสียงขึงขัง พลางปล่อยมือของหญิงสาว ลอบมองนางเป็นระยะ แม้นางจะไม่พูดอันใดก็พอจะเดาออกว่านางเองก็ปวดแขนไม่น้อย สำรวจรูปร่างของนาง ก็ดูอ้อนแอ้นเอวบางร่างเล็ก จะอุ้มเด็กตัวโตเช่นนี้ได้อย่างไรกัน เจ้าลูกชายก็เหลือเกิน ช่างออดอ้อนจริง ๆ จื่อรุ่ยเจ้าตัวแสบฉีกยิ้มกว้าง ยักคิ้วเล็กน้อย เปลี่ยนจากเด็กงอแงเมื่อครู่กลายเป็นเจ้าเด็กน้อยตัวแสบขึ้นมาทันใด “ก็ให้ท่านพ่ออุ้มท่านแม่สิขอรับไม่เห็นจะยากสักนิด” สีหน้าของหลัวเนี่ยเจินนั้นดูแดงก่ำทีเดียว เพราะคำพูดของท่านอ๋องน้อย กล่าวออกมาว่าให้บิดาอุ้มนางกลับพระตำหนักของท่านยาย นางแทบจะล้มทั้งยืน ด้วยคาดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยไร้เดียงสา จะมีฝีปากที่กล้าหาญเช่นนี้ “ท่านหญิงเรากลับตำหนักก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ออกมานานเช่นนี้เกรงว่า” อาชุนกล่าวขึ้นมาเห็นว่าเวลานั้นล่วงเลยเกือบจะครึ่งชั่วยามแล้ว เกรงว่าไทเฮาจะกล่าวตำหนิว่าหนีเที่ยวเตร่ด้านนอก หากเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นมาจะทำอย่างไร ข้างกายก็มีเพียงแค่นางคอยดูแลไม่มีองครักษ์เฝ้าติดตามอีกด้วย “เดี๋ยวข้าซื้อขนมไปฝากท่านยายก่อน ในวังมีแต่เครื่องเสวยจืดชืด อีกอย่างขนมข้างนอกช่างอร่อยนัก ข้าอยากกิน” ใบหน้าน่ารักเบิกบาน กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสดใส ท่าทางของนางช่างดูน่ารักน่าเอ็นดู เฉิงจื่อรุ่ยเห็นน้ำตาลปั้น จึงอยากจะลิ้มลองเลยเรียกมารดาเข้าให้ “ท่านแม่ขอรับ” นางขานรับ “ว่าอย่างไร” พอนึกได้ว่านางหาใช่มารดาเจ้าตัวแสบ “ท่านอ๋องน้อย ต่อไปห้ามเรียกท่านแม่เข้าใจหรือไม่” เสียงหวาน ๆ กล่าวขึ้นมา พลางทำให้เจ้าตัวแสบเบะปากดวงตาของเขาเริ่มมีม่านน้ำตาแห่งความน้อยใจเข้ามาแทนที่ หลัวเนี่ยเจินเห็นท่าไม่ดี ไม่อยากให้เจ้าเด็กน้อยเอาแต่ใจร้องไห้ “ท่านแม่ก็ท่านแม่” ในที่สุดนางก็แพ้น้ำตาของเด็กผู้ชาย หากเป็นเด็กผู้หญิงนางก็พ่ายแพ้เหมือนกัน เฉิงจื่อหยางแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ไหว นั่นเพราะไม่เคยพานพบสตรีใดแปลกประหลาด เข้ากับเด็กง่ายดายเช่นนี้มาก่อน เขาจึงให้ความสนใจและความสำคัญกับนาง ในเมื่อลูกชายหมายตามารดาแล้ว บิดาจะขัดได้อย่างไรกัน “ท่านอ๋องหัวเราะอะไรกัน” ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์จะหัวเราะขบขันเสียด้วยซ้ำ อยากจะร้องไห้เสียมากกว่า อายุเพียงแค่สิบแปดกลับถูกเด็กน้อยเรียกเป็นมารดา ผู้คนเดินผ่านไปมาต่างก็กระซิบกระซาบกัน นางนึกอับอาย จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เหตุใดนางจึงได้ถึงคราวเคราะห์ ถูกเจ้าเด็กน้อยคนนี้แอบอ้างเป็นลูกด้วยนะ “ข้าไม่ได้หัวเราะเจ้าก็แล้วกัน สำคัญตนผิดไปหรือไม่” เฉิงจื่อหยางทำตีหน้ามึน ๆ ไม่เหลียวมองเด็กสาวที่หน้าตาคว่ำเข้าให้ นางก็เหมือนเด็ก ๆ เอาแต่ใจ แต่กลับพ่ายแพ้ต่อเจ้าลูกชายตัวดี จื่อรุ่ยเห็นน้ำตาลปั้น รีบชี้มือจะเอารูปนก เนี่ยเจินชี้รูปนกถูกปั้นขึ้นไม้เอาไว้แล้ว เห็นสีหน้าของท่านอ๋องน้อยกำลังน้ำลายไหลจึงได้ถามขึ้นมา “อยากได้อันนี้ใช่หรือไม่ มาพี่สาวจะซื้อให้เอง” นางลองย้ำดูสิเขาจะทำอย่างไร “ท่านแม่ขอรับหาใช่พี่สาวไม่” จื่อรุ่ยก็ไม่ยอม นางจะต้องเป็นมารดาของเขาเท่านั้น หลัวเนี่ยเจินไม่รู้จะกล่าวอย่างไร ยอมยกธงขาวพ่ายแพ้แต่โดยดี ยังถอนหายใจไปหลายครั้งหลายหน ผู้ติดตามของท่านอ๋องนั้นได้เดินกลับไปยังพระตำหนักในวังหลวงแล้ว คงเหลือเพียงแค่ท่านอ๋องและลูกชายตัวก่อกวน รวมถึงอาชุนที่เดินติดตามดูแลเจ้านายไม่ห่าง “อยากได้อะไรอีกหรือไม่” เนี่ยเจินยกขนมให้ท่านอ๋องน้อยแล้ว เขาเบิกบานขึ้นมาทันที มือป้อม ๆ ของเขายกขึ้นโบกไปมา ส่ายหน้าเบา ๆ ยามนี้เขาดูน่ารักยิ่งนัก จนทำให้เนี่ยเจินอดใจไม่ไหว ดึงแก้มของเขาเบา ๆ พลางกล่าวขึ้นมาด้วยความเอ็นดู “เห็นหรือไม่เวลายิ้มเจ้าช่างน่ารักจริง ๆ” ไม่เพียงแค่เจ้าเด็กตัวก่อเรื่องน่ารัก ท่านอ๋องยังมองนางว่าน่ารักด้วยเช่นเดียวกัน ยามนางระบายยิ้มช่างดูสดใสเบิกบาน ราวกับนางกำลังวิ่งเล่นในสวนดอกไม้ เขาถึงขึ้นละเมอกลางวันทีเดียว เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนนี้มีเสน่ห์ล่อลวงใจเขาเข้าให้ นับจากที่พระชายาหายตัวไป เขาไม่เคยรักใครได้อีกเลย “ที่แท้ก็นึกว่าใคร น้องรองเองหรอกหรือ สบายดีหรือไม่ หลังจากเจ้าหย่ากับแม่ทัพหยางแล้ว ไม่เห็นกลับจวนตระกูลไป๋” เหม่ยจูพบน้องสาวโดยบังเอิญนางนั่งอยู่ในร้านน้ำชา เมื่อเห็นน้องสาวต่างมารดากำลังหัวเราะขบขัน ช่างดูขัดหูขัดตานางนัก ทำให้นางได้รับความอับอาย แต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านกลับดูมีความสุข
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม