"เฮ้อ คิดถึงจังเลย"
ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่มและกว้างขวาง หงายหน้ามองเพดานสีฟ้าอ่อนที่มีระบายรูปดวงจันทร์ทั้งเต็มดวงและครึ่งเสี้ยวห้อยย้อยลงมาหลายสิบเส้น
'เจ้าจันทร์ชอบสีฟ้า'
'เฮียชอบสีน้ำเงิน'
'สีฟ้ากับสีน้ำเงินไม่เหมือนกันเหรอคะ'
'ไม่เหมือนสิ สีฟ้าก็คือท้องฟ้า ส่วนสีน้ำเงินคือผืนทะเลสีเข้ม ๆ'
มุมปากฉันยกสูงขึ้นเมื่อคิดถึงอดีตที่นานแสนนาน ฉันราว ๆ สิบขวบกว่า ๆ แม่เลยพาไปเที่ยวทะเลที่หนึ่ง ตอนนั้นมีครอบครัวเฮียราชย์ไปด้วย เราที่อายุห่างกันเจ็ดแปดปีวิ่งเล่นกันที่ชายหาดอย่างมีความสุข
จนฉันมองท้องฟ้าที่วันนั้นสวยเป็นพิเศษ มีเมฆจับกลุ่มก้อนสีขาวเป็นรูปนั้นรูปนี้ให้จินตนาการเล่น ผืนฟ้าในเวลานั้นเป็นสีฟ้าอ่อน ๆ มองแล้วรู้สึกสบายตา
ตั้งแต่วันนั้นฉันก็รู้ตัวว่าชอบสีฟ้าของท้องฟ้าจึงโพล่งออกมาจนคนข้าง ๆ ทำตาปริบ ๆ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเห็นรอยยิ้มขำของเขาในวันนั้นตบท้ายด้วย
"จะมีอีกไหมนะ ความรู้สึกอบอุ่นในวันนั้น"
ยิ่งคิดถึงอดีตของฉันกับเขาในวัยเด็กมากเท่าไหร่ ความรู้สึกเจ็บปวดตรงอกข้างซ้ายยิ่งทวีมากขึ้นเท่านั้นเมื่อสิ่งเหล่านั้นมันไม่มีให้รู้สึกอีกแล้ว
ครืด ครืด เสียงสั่นของมือถือทำให้หลุดออกจากภวังค์ทั้งหมด
"ค่ะแม่" เป็นคนที่เพิ่งห่างกันไม่ถึงชั่วโมงที่โทร.มา
[พี่เขาส่งเราถึงบ้านแล้วใช่ไหมลูก] แม่ถามด้วยความเป็นห่วง
"ค่ะ ถึงสักพักแล้ว งานที่นั่นโอเคไหมคะ"
[ใกล้เสร็จแล้วลูก แต่คืนนี้แม่อาจจะได้ค้างที่ออฟฟิศ]
"ให้เจ้าจันทร์ไปอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ"
[ไม่เป็นไร แม่อยู่กับโสภาแล้วก็ศศิ]
ฉันจำคุณโสภาได้ เธอเคยเป็นเลขาเก่าของแม่ แต่หลังจากคลอดลูกเธอก็ขอลาออกไปเลี้ยงลูก ตอนนี้แม่เอ่ยชื่อคุณโสภาออกมาแสดงว่าเธอกลับมาทำงานกับแม่แล้วสินะ
เฮ้อ ห้าปีที่ไปอยู่ที่นู่น มีอะไรที่นี่เปลี่ยนไปเยอะแยะเลย แต่ทำไมใจของคนบางคนถึงได้มั่นคงจนฉันเริ่มรู้สึกท้อแบบนี้
[เจ้าจันทร์ได้ยินแม่ไหมลูก]
"ได้ยินค่ะ เมื่อกี้สัญญาณไม่ดี แม่ว่าอะไรนะคะ"
เผลอใจลอยอีกแล้วเรา...
[เดี๋ยวหนูช่วยจัดชุดให้แม่สักสองชุดแล้วให้คนที่บ้านเอามาให้แม่หน่อยนะ]
"เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวเจ้าจันทร์ขับรถเอาไปให้ก็ได้ค่ะ"
[แม่อยากให้เราพักผ่อนเยอะ ๆ เมื่อคืนก็นอนดึก ไม่อยากให้ขับรถตอนร่างกายเพลีย ๆ]
ได้แต่ยิ้มให้ความคิดมากที่ออกมาจากความเป็นห่วงของแม่คนสวย
"เจ้าจันทร์ไหวค่ะ" ฉันรู้จักร่างกายตัวเองดี ไหวก็คือไหว
[เอางั้นก็ได้ แต่ยังไม่ต้องมาตอนนี้ก็ได้นะ พักผ่อนไปก่อน สักเย็น ๆ ค่อยแวะมา]
"ได้ค่ะ เดี๋ยวเจ้าจันทร์แวะเอามื้อเย็นเข้าไปฝากด้วยเลย"
[จ้าลูก งั้นแม่กลับไปเคลียร์งานต่อก่อนนะ]
"อย่าหักโหมนะคะ"
[จ้า ๆ แค่นี้นะลูก]
สัญญาณดับไปเพราะแม่วางสายไปแล้ว
ตอนนี้แม่ก็เริ่มจะอายุเยอะแล้ว ฉันคงต้องเริ่มเข้าไปเรียนรู้งานขนส่งที่ท่าเรือบ้างแล้วล่ะ เผื่อจะได้แบ่งเบาภาระของท่านได้บ้าง
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปนานแค่ไหน พอลืมตาอีกทีห้องที่ไม่ได้เปิดไฟไว้ก็มืดสลัวแล้ว
"ตายจริง!" อุทานด้วยความตกใจเมื่อดูเวลาที่นาฬิกาตรงเตียงนอน
สิบแปดนาฬิกากับอีกสิบห้านาที...
ป่านนี้แม่ไม่หิวไส้กิ่วแล้วเหรอก็ดันไปบอกว่าจะซื้อมื้อเย็นติดมือเข้าไปด้วย
ครืด ครืด...
คนกำลังรีบ ๆ น้ำท่ายังไม่อาบตั้งแต่กลับมาจากบ้านป้าขจี เสียงสั่นของเครื่องมือสื่อสารก็สั่นรัว
"สวัสดีค่ะ" เพราะเห็นเป็นเบอร์แปลกเลยรีบแบบมีมารยาทเล็กน้อย
[นี่เจ๊เอง] ฉันจำเสียงได้แต่ก็แอบแปลกใจเล็กน้อยที่เธอมีเบอร์มือถือฉัน
"เจ๊แยมได้เบอร์เจ้าจันทร์จากไหนคะ"
[คุณป้าให้มา]
อา... แบบนี้นี่เอง
"แล้วโทร.มาตอนนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ"
แอบสงสัยเล็กน้อยว่าเจ๊แยมโรลโทร.มาหาฉันทำไม
[คืนนี้ว่างไหม]
"ค่ะ"
[เจ๊จะพาไปเปิดหูเปิดตา]
"ที่ไหนคะ" ชวนกันซะดิบดี สุดท้ายจะได้ไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขนาดเมื่อคืนจะแดนซ์ให้ลืมคนเย็นชา ยังไม่ได้ทำเลย
เบื่อคนมีคู่ เจ้าจันทร์ไม่ชอบเลย (พาลค่ะทุกคน)
[ไม่บอก เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์]
ทำเป็นมีความลับนะคุณพี่
"แต่เจ้าจันทร์ต้องเอาเสื้อผ้าไปให้แม่ที่ท่าเรือก่อนนะคะ" นี่ก็มัวแต่เมาท์จนทำเวลาหล่นหายไปหลายนาทีแล้ว
[บ้านเจ้าจันทร์เป็นทางผ่านเจ๊พอดี อีกสิบนาทีก็ถึงแล้วเดี๋ยวเจ๊แวะไปรับ]
"จะดีเหรอคะ"
[ดีสิ ทางเดียวกันไปด้วยกันลดมลภาวะโลกร้อน]
ก็ช่างคิดเนอะ
"งั้นเดี๋ยวเจ้าจันทร์รีบไปเตรียมของให้แม่ก่อนนะคะ"
[ตามนั้นจ้า]
คุยกับเจ๊แยมโรลทีไรลืมตัวทุกทีนึกว่าคุยกับพี่สาวแท้ ๆ หรือว่ายัยลิซที่เป็นเพื่อนสนิท เพราะนิสัยน่ารักและกันเองแบบนี้หรือเปล่านะ เฮียกิเลนถึงได้หวงหนักหวงหนา
"แล้วจะซื้ออะไรไปฝากแม่ดีเนี่ย"
ถ้ายิ่งแวะซื้อนู่นซื้อนี่อีกคงนานน่าดู แต่ถ้าไม่ซื้อเลยแล้วแม่รอทานนี่สิ แย่กว่า
สุดท้ายฉันก็มาถึงออฟฟิศที่ท่าเรือขนส่งในเวลาเกือบจะทุ่มครึ่งเพราะรถติดมาก
"เที่ยวให้สนุกนะลูก น้าฝากหนูแยมดูแลน้องด้วยนะ" แม่เดินมาส่งที่รถเจ๊แยมโรลหลังจากฉันขออนุญาตท่านเที่ยวกลางคืน
"ขอโทษนะคะหนูนอนเพลินไปหน่อย" รู้สึกผิดที่สุดท้ายแม่ต้องให้คุณโสภาแวนซ์มอเตอร์ไซค์ออกมาซื้อกับข้าวที่ร้านประจำกินกันก่อน
"คิดมากลูก หนูเพิ่งลงเครื่อง แล้วไหนจะต่องานเลี้ยงเมื่อคืนอีก ร่างกายก็เพลียเป็นธรรมดา"
แม่ก็คือแม่ ไม่เคยโกรธหรือโทษลูกสาวคนนี้สักครั้งเดียว
"รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะดึกแล้วเที่ยวได้น้อย"
เข้าใจวัยรุ่นจริง ๆ คุณจันทร์เพ็ญเนี่ย
"ถ้ากลับไม่ดึกมาก เจ้าจันทร์จะโทร.หานะคะ"
"ไม่เป็นไร ส่งข้อความมาก็พอ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่เปิดอ่านจะได้รู้ว่ากลับกี่โมง"
แหม เหมือนกำลังโดนสั่งว่าอย่ากลับดึกยังไงไม่รู้
"บายค่ะ แม่ก็อย่าทำงานดึกเกินไปนะคะ"
"จ้า ไป ๆ พี่เขารอแล้วนั่น"
หันหลังกลับไปมองเห็นเจ๊แยมโรลยืนรอที่ประตูฝั่งคนขับแล้ว ฉันไม่อยากเสียเวลาให้คนอื่นรอเลยรีบเข้าไปสวมกอดแม่แล้ววิ่งมาขึ้นรถยุโรปสีเหลืองสะดุดตาทันที
"เรากำลังจะไปไหนคะ" ขึ้นรถได้ คาดเบลล์เสร็จจึงเอ่ยถาม
"ที่ที่มีคนในหัวใจเจ้าจันทร์อยู่ไง"
เล่นแซวตรง ๆ แบบนี้ฉันก็เขินแย่สิ
แต่พอมาคิดถึงความเป็นจริง ถ้าไปที่นั่นเขาเจอหน้าฉันแล้วใช้สายตาเดิม ๆ มองมาจะทำยังไงนะ
"อย่าคิดมากสิ"
"ไม่ให้คิดมากได้ไงคะ ญาติคนนี้ของเจ๊น่ากลัวจะตาย"
"น่ากลัว แต่ไม่เห็นเราจะล้มเลิกเลยนี่"
"ก็รักแล้วนี่ค่ะ จะตื๊อจนกว่าจะเหนื่อยกันไปข้างเลย"
อยู่กับเจ๊แยมโรลรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมาก ๆ เหมือนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่คุยกันได้ทุกเรื่อง
"ไม่ต้องห่วง เจ๊จะคอยเป็นเจ๊ดันให้เราเอง น้องสะใภ้เจ๊ต้องเป็นคนที่เจ๊เห็นด้วยเท่านั้น"
ฟังแล้วก็ชื่นหัวใจ รู้สึกดีต่อใจเจ้าจันทร์มาก ๆ
ว่าแต่... ดันกันขนาดนี้ถ้าเขาไม่เอาจะเป็นยังไงนะ
ให้ทายว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน?
"เร่งมือหน่อยสิ เช็กความเรียบร้อยให้ดี ๆ ละ วันนี้นัดสำคัญนะพวกมึง"
"เฮียเบิ้ม อะไหล่จัดชุดใหญ่ของแพงเลยใช่ไหมครับ"
"ก็เออสิ นี่รถลูกพี่มึงนะเว้ย!"
"ฮ่า ๆ ผมล้อเล่นน่า รถเฮียราชันย์ใครจะจัดอะไหล่ถูกให้กัน"
"มึงรีบ ๆ ทำ ปากพูดได้มืออย่าหยุด เดี๋ยวเจ้าของแม่งมาพวกมึงก็แข็งเป็นตอ"
"เออ เร่งมือพวกเรา เดี๋ยวพญาน้ำแข็งมาจะซวย"
"ปากดีนะไอ้ม่อน เดี๋ยวเฮียแกมาได้ยินโดนเด้งนะมึง"
ฉันกับเจ๊แยมโรลที่นั่งรอคนที่ถูกช่างทั้งหลายแหล่พูดถึงต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า 'พญาน้ำแข็ง'
ช่างสรรหามาเปรียบเปรยได้เหมือนเอกลักษณ์เขาจริง ๆ นั่นแหละ
"อีกนานไหมเฮีย กว่าสองคนนั้นจะกลับมา" เจ๊แยมโรลถามคนที่ร่างออกท้วม ใส่สร้อยทองหนักไม่ต่ำกว่าสามบาทกำลังเดินมาทางที่พวกเรานั่งอยู่
"ออกไปได้สักพักแล้วนะ ถ้าช้าแบบนี้สงสัยไปลากคอไอ้ลัคกี้ออกมาจากผ้าห่มเมียอยู่แน่ ๆ" คนตอบคำถามพูดเองก็ขำเอง
"ไม่คิดว่าโตขึ้นจะสวยขนาดนี้นะเรา" เจ้าของสนามแข่งเอ็กซ์ซี้ดเอ่ยแซว
"เมื่อก่อนเจ้าจันทร์ขี้เหร่มากเหรอคะ" ฉันถามออกไปแบบไม่ได้จริงจัง
"ไม่ใช่ ๆ เมื่อก่อนสวยแบบเด็ก ๆ แต่ตอนนี้เป็นสาวแล้ว สวยขึ้นเยอะ"
ก็กำกวมอยู่ดี
เห็นฉันคุยกับเฮียเบิ้มเหมือนรู้จักกันเพราะเมื่อก่อนฉันเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง น่าจะสักมัธยมต้นมั้ง ตอนนั้นติดรถเฮียราชย์กลับบ้านแล้วสนามแข่งเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อยเขาเลยต้องพาฉันมาด้วย
มันก็นานมากแล้วฉันเลยจำเฮียเบิ้มที่เมื่อก่อนไม่ได้อ้วนขนาดนี้ไม่ค่อยได้ ส่วนเฮียแกเองก็จำฉันแทบไม่ได้เหมือนกัน
"นั่นไงมาแล้ว กูว่าแล้ว ไปแยกผัวแยกเมียออกจากกันมาอีกจนได้"
พวกเรามองตามแสงไฟหน้าของรถคันหรูสองคัน สีน้ำเงินเข้มคันหนึ่ง สีแดงเพลิงคันหนึ่ง จอดควบคู่อยู่ตรงหน้าอู่
"มานานยัง" เฮียกิเลนรีบลงจากรถมาหาภรรยาคู่ใจที่นั่งข้างฉัน
โอ๊ย! เจ้าจันทร์อิจฉา เมื่อไหร่จะมีโมเมนต์แบบนี้กับคนในหัวใจบ้างนะ
"ไม่นาน แต่ตอนนี้หิวมาก"
คิดเหมือนกันเด๊ะเลย ฉันยังไม่ได้ทานอะไรอีกตั้งแต่กลับจากบ้านเฮียราชย์เลย
"แล้วไม่สั่งเด็กที่นี่ไปซื้อมาให้" คนผมสีเงินมองดุสาวในอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามคนอื่น ๆ
"มีใครเอาอะไรไหม"
"แดกไม่ลง"
"อย่ามาทำหน้าเหมือนตูด เมียมึงไม่หายไปไหนหรอกไอ้ลัค"
"ทีมึงยังเร่งไอ้เฮียให้รีบขับเพราะกลัวเมียหายเลย ทำไมทีกูพูดหมา ๆ แบบนี้วะ"
"ก็กูคิดถึงเมีย"
"กูก็เหมือนมึง เสือกไม่เข้าใจ"
"พอ ๆ เลยพวกกลัวเมีย"
ทั้งเฮียกิเลนและเพื่อนเขาที่กำลังเถียงกันเงียบกริบทันทีที่เสียงทุ้มดังขึ้นเพียงประโยคเดียว
"มันไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ" เฮียเบิ้มมองเจ้าของผมแดงเพลิงที่ทำหน้าพร้อมไฝว้คนอื่นอย่างงง ๆ
ฉันได้แต่กำมือแน่นอยากจะตอบคำถามนั้นมากว่า เขาไม่ได้ไปกินรังแตนที่ไหนมาหรอก แต่เพราะเห็นฉันนั่งเสนอหน้าอยู่ตรงนี้มากกว่า
"มีใครอยากได้อะไรไหมคะเดี๋ยวเจ้าจันทร์ไปซื้อให้" เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ไม่ถูกที่เลยอยากไสหน้าสวย ๆ ไปที่อื่นแทน
"จะไปคนเดียวได้ยังไง อันตรายนะ" เจ๊แยมโรลรีบห้าม
"ร้านอยู่แค่ด้านหลังนี่เอง คงไม่มีอะไรมั้งคะ"
จำได้ว่าตอนเดินมาที่อู่จากทางเข้าด้านหลังเห็นร้านค้าที่ไว้สำหรับขายอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ อยู่ร้านหนึ่ง
"ถึงไม่ไกลก็อันตราย งั้นเดี๋ยวเจ๊ไปด้วย"
"ฉันพาไป"
"อยู่นี่แหละกิล ให้เวลาผู้หญิงเขาเฉิดฉายกันบ้าง"
"อยากตายคาเตียง?"
"ชิ!!"
ดูท่าแล้วจะให้คู่ข้าวใหม่ปลามันแยกกันตอนนี้ไม่น่าเวิร์กแล้วล่ะ
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรีบไปรีบกลับ"
"แน่ใจนะ"
"ค่ะ เจ้าจันทร์โตแล้วนะคะ"
"ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นบอกว่าเป็นคนของเฮียเบิ้มแล้วกัน"
"ได้ค่ะเฮีย"
ทุกคนดูเป็นห่วงฉันมาก อาจจะเพราะฉันเพิ่งมาครั้งแรกในรอบหลายปีและไม่ชินทางละมั้ง
"เจ๊ขออะไรแซ่บ ๆ"
"ขออะไรแรง ๆ มาล้างคอด้วย" คนที่มาใหม่ที่เพิ่งเถียงกับเฮียกิเลนเอ่ยขึ้น ถ้าจำไม่ผิดเขาชื่อเฮียลัคกี้
"คอแข็งใช่ไหมคะ" ฉันแซวเล่น ๆ
ก็เคยบอกแล้วว่าฉันน่ะคอแข็งกว่าผู้ชายบางคนซะอีก
"จะดวลไหมล่ะ"
อา... สายตาแบบนี้น่ากลัวจัง ฉันก็แค่หยอกเล่นแค่นั้นเอง