บุษบามินตราทอดสายตามองสายฝนที่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเมื่อไหร่ ก่อนจะถอนใจอย่างหงุดหงิด วันนี้เธอขอลาพักร้อนเพราะตั้งใจจะมาหาซื้อของฝากให้ญาติผู้ใหญ่ที่บ้านต่างจังหวัด แต่ถ้าฝนยังตกกระหน่ำอยู่แบบนี้เห็นทีอาจจะต้องเปลี่ยนความตั้งใจ รถยนต์ก็ไม่ได้ขับมาเพราะรู้ว่าแถวนี้หาที่จอดลำบาก แล้วก็ดันมาเจอกับสภาวะแบบนี้อีก
เจ้าของร่างระหงชำเลืองมองร่างเปียกชุ่มโชกของใครหลายคนที่เข้ามาทีหลังอย่างเห็นใจ โชคยังเข้าข้างเธอที่สามารถวิ่งหลบฝนได้ทันท่วงที มิฉะนั้นสภาพของเธอคงไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ นัก หญิงสาวก้มลงปัดละอองฝนที่เกาะตามกระโปรงยีนสั้นเหนือเข่า นับว่าวันนี้ตัดสินใจถูกที่เลือกเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนมาสวม เพราะแม้จะเปียกชื้นไปบ้างแต่ก็ดูไม่น่าเกลียดอะไรนัก
บุษบามินตราสะดุ้งนิดๆ เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าที่ตั้งไว้เป็นเสียงเพลงเฉพาะของเจ้านายกรีดร้องขึ้น จำต้องหยิบขึ้นมากดรับพลางนึกบ่นเจ้านายในใจอย่างหงุดหงิด ไม่รู้ว่าจะโทร.มาทำไมตอนนี้ ช่างไม่รู้ว่าเธอไม่สะดวกเอาเสียเลย แต่ที่พูดออกไปคือ
“มีอะไรหรือคะพี่ต้น ลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้นุชลาพักร้อน” ที่เธอกล้าพูดกับผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเช่นนี้ได้ นั่นเพราะอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ที่คณะของเธอด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง
“พี่รู้ว่านุชลาพักร้อน แต่มีธุระด่วนจะไหว้วานให้ทำหน่อย เพราะพี่ไม่รู้จะพึ่งพาใครได้เลยจริงๆ”
คนในสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเกรงใจแกมขอร้อง ทำให้คนฟังฟังแล้วต้องระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะเอ่ยถามออกไปตรงๆ
“พี่ต้นจะให้นุชช่วยทำอะไรก็บอกมาเลยดีกว่าค่ะ”
“คือ...จะรบกวนให้นุชช่วยไปขอนัดสัมภาษณ์ลูกค้าคนสำคัญของบริษัทให้พี่หน่อย” คนเป็นเจ้านายเพิ่มคำว่า ‘สำคัญ’ ลงไปคล้ายจะบอกกลายๆ ว่าเป็นเรื่องที่เธอไม่ควรปฏิเสธ
“แล้วคุณแนนไม่อยู่เหรอคะพี่ต้น” บุษบามินตราหมายถึงนันท์นภัสซึ่งเป็นคนรับผิดชอบหน้าที่นี้โดยตรง
“คุณแนนติดธุระกะทันหัน พี่ถึงต้องขอร้องให้นุชช่วยเหลือไงล่ะ แล้วตอนนี้นุชอยู่ตรงไหนเหรอจ๊ะ” น้ำเสียงของคนในสายยังแฝงความเกรงใจไม่หาย
“อยู่สีลมค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวนุชแวะไปให้ก็ได้ พี่ต้นบอกรายละเอียดมาก็แล้วกัน” นี่แหละคือบุษบามินตรา ต่อให้หงุดหงิดไม่พอใจอย่างไร หญิงสาวก็ไม่เคยแล้งน้ำใจ
“นุชช่วยแวะไป ที เอ แอดเวอร์ไทซิง แล้วขอนัดสัมภาษณ์คุณเทวินทร์ อัครวิทย์ ให้พี่หน่อย”
“ใครนะคะพี่ต้น!” หญิงสาวย้อนถามเสียงหลง เพราะคิดว่าตัวเองหูฝาดได้ยินไม่ชัดเจน ก่อนจะค่อยๆ ลดเสียงลง เมื่อเห็นว่าคนรอบข้างต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว
“ขออีกครั้ง จะให้นุชไปพบใครนะคะ”
“คุณเทวินทร์ อัครวิทย์จ้ะ” ธนะวิทย์ย้ำเสียงดังอีกครั้ง เพราะคิดว่าลูกน้องสาวฟังไม่ถนัด
“ผู้ชายคนนี้อีกแล้วหรือ” คราวนี้บุษบามินตราพึมพำเสียงดัง เมื่อได้ยินชัดเต็มสองหูว่าคนที่เจ้านายไหว้วานให้ไปพบนั้น เป็นคนคนเดียวกับที่เธอเคยพบเขาเมื่อเดือนก่อน ทั้งอดนึกโมโหตัวเองไม่ได้ที่พอได้ยินเจ้านายเอ่ยชื่อผู้ชายคนนี้ขึ้นมาเธอก็จำหน้าเขาได้ในฉับพลัน
ดวงหน้าสวยเกินชายที่มีรอยลิปสติกติดอยู่ข้างแก้ม ชอบมาลอยวนเวียนให้เห็นในมโนภาพ แม้จะพยายามลบออกไปเท่าไรก็ลบไม่ได้ มันน่าโมโหนัก!
“นุช ทำไมเงียบไปล่ะ” เสียงร้อนรนของเจ้านายดังมาตามสาย
“ฟะ...ฟังอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงอึกอัก เธอนิ่งคิดเพียงไม่กี่วินาที แล้วก็รีบพูดข้อเสียของเทวินทร์ที่เธอเคยรับรู้มาให้คนในสายฟัง
“พี่ต้นคะ คุณเทวินทร์ที่จะให้นุชไปขอนัดสัมภาษณ์มีแต่ข่าวคาวเรื่องผู้หญิง ทั้งจากคอลัมน์ซุบซิบทางหน้าหนังสือพิมพ์รวมทั้งนิตยสารต่างๆ อีก ไม่เห็นมีเรื่องไหนที่เขาทำคุณประโยชน์เพื่อสังคมที่ควรค่าจะนำมาลงในนิตยสารของเราได้เลยนะคะ และเท่าที่นุชรู้ เขาไม่เคยยอมให้หนังสือเล่มไหนสัมภาษณ์มาก่อน” ถึงจะไม่ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารของบริษัทเธอ ชื่อเสียงของเขาก็ดังกระฉ่อนไปทั่วอยู่แล้วนี่ หญิงสาวคิดหยันๆ อยู่ในใจ
“นุชฟังพี่พูดดีๆ นะ ข่าวเรื่องผู้หญิงของคุณเทวินทร์มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราเอามาเป็นประเด็นสำคัญไม่ได้ พี่แค่ต้องการสัมภาษณ์เขาเกี่ยวกับทักษะเรื่องงานและความคิดเท่านั้น ตัวเขาเป็นนักธุรกิจที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังด้วยความสามารถล้วนๆ นุชลองนึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาในภายหลังสิ นิตยสารของเราจะขายดีแค่ไหนถ้าได้ผู้ชายคนนี้มาขึ้นปก ยิ่งเขาไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อฉบับไหนมาก่อนด้วยแล้ว รับรองยอดขายต้องถล่มทลายแน่ๆ”
เจ้านายหนุ่มอธิบายให้ลูกน้องสาวฟังตามสายอย่างใจเย็น ก่อนจะสรุปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นุชควรแยกแยะเรื่องงานของเรากับเรื่องส่วนตัวของเขาให้ขาดกันนะ”
บุษบามินตราฟังคำอธิบายของคนเป็นเจ้านายแล้วก็ต้องยอมรับและจำนนด้วยเหตุผล ในเมื่อเจ้าตัวยืนกรานที่จะให้เธอไปพบนายเทวินทร์นั่นให้ได้ เธอก็คงไม่อาจจะปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงได้ หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่
สายฝนยังโปรยปรายลงมาแล้วพูดเสียงอ่อนลง
“ขอโทษค่ะพี่ต้น ที่นุชใช้ความรู้สึกของตัวเองมากไปหน่อย แล้วบริษัทเขาอยู่แถวไหนเหรอคะ”
“อยู่ทองหล่อ ซอยแปด”
“ตกลงค่ะ เดี๋ยวนุชนั่งรถไฟฟ้าไปแล้วกันค่ะ” บุษบามินตราคิดว่าสภาพฝนตกแบบนี้รถไฟฟ้าน่าจะเหมาะสมกับการเดินทางเป็นที่สุด
“จ้ะ นุชลงที่สถานีทองหล่อนะ ถ้าฝนยังตกอยู่ค่อยเรียกแท็กซี่เข้าไป” ธนะวิทย์บอกกับลูกน้องสาวด้วยน้ำเสียงโล่งใจ
“แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่านุชจะไปขอนัดให้ ส่วนเรื่องที่เขาจะยอมตกลงหรือไม่นั้น นุชไม่ขอรับผิดชอบ พี่ต้นจะมาว่านุชทีหลังไม่ได้นะคะ” หญิงสาวรีบพูดป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา แค่นุชขอนัดให้พี่ก็พอแล้วจ้ะ” ผู้เป็นเจ้านายยอมรับเงื่อนไขก่อนจะวางสาย
ร่างระหงยืนกระสับกระส่ายอยู่อีกพักใหญ่ ครั้นเห็นว่าสายฝนค่อยซาลงบ้างแล้ว จึงตัดสินใจวิ่งฝ่าไปยังสถานีรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เธอยืนอยู่นัก เพื่อเดินทางไปยังที่หมายตามที่รับปากเจ้านายไว้