เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อคืนในห้องหมีโหด ผู้ชายหน้าตาดีที่แสนอาภัพอย่างผมโดนเท้าของเอฟายันหน้ามาจริงๆ ไงเล่า! ไม่น่าเลย... ไม่น่าทำให้ยัยนั่นตกใจเลย แค่จะจับมัดจุกเอาคืนแบบที่เธอทำตอนผมหลับ ไม่เห็นต้องถีบกันขนาดน้าน! ถึงหลังจากนั้นเอฟาจะตกใจกุลีกุจอเข้ามาดูว่าผมจะตายในห้องเธอมั้ย แต่ได้ข่าวว่ามันสายไปแล้วเฟ้ย
ศักดิ์ศรีของเอสเพรสโซ่... ป่นปี้ไม่มีเหลือหลอตั้งแต่วินาทีที่ถูกฝ่าเท้าเล็กๆ บรรจงวางบนหน้าหล่อๆ นี่แล้ว T_T
“ปล่อยนะเอสโซ่! เจ็บโว้ย! หน้ามึงหื่นมากเลยรู้ปะ กูเริ่มกลัวจริงๆ แล้วอะ”
คิมร้องเสียงแหลมได้น่าอะเฟรดมาก ตอนนี้ผมกำลังกดตัวมันลงกับโต๊ะเรียนจากทางด้านหลัง แล้วสำเร็จโทษมันด้วยการ... ดีดหู! ฮ่าๆๆ
แชะ
ผมชะงัก เมื่อเสียงหัวเราะใสๆ ดังขึ้นด้านหลังพร้อมกับเสียงคล้ายชัตเตอร์ของกล้องหรือโทรศัพท์ พอหันกลับมองไปก็พบว่าที่ตรงนั้นราวมีแสงออร่าสาดส่องลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ *0*
โอ... กระต่ายน้อย กระต่ายน้อยของผม แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผิวขาวๆ ของเธอเป็นประกายสวย พอรวมกับหน้าหวานๆ ที่กำลังฉีกยิ้มกว้างจริงใจ ก็ราวกับโลกนี้เหลือเพียงเราสอง~
“จะจ้องอีกนานมั้ย เคยบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าเดี๋ยวสึก”
เสียงห้วนที่เอ่ยบอกทำให้ผมร่วงลงจากสวรรค์ตกแอ่กลงมาสู่ความเป็นจริงทันที -_- และแน่นอนว่าร่างเพรียวบางที่ยืนทำหน้าเซ็งเป็ดอยู่ข้างๆ กระต่ายน้อยของผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหมีโหดที่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีและหน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตรของผมเมื่อคืนนี้นั่นเอง
“สวัสดี”
ผมยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ กระต่ายน้อยก็ประนมมือไหว้อย่างสวยงาม และเอ่ยปากทักทายด้วยภาษาไทยชัด ไหนเมื่อวานปริ๊นซ์บอกว่าเธอเพิ่งย้ายมาจากเกาหลีไง?
“เราชื่อคยูริ... แพ คยูริ แต่เรียก ‘คิวริ’ ก็ได้นะ ง่ายดี เราเป็นลูกครึ่งไทย-เกาหลีน่ะ เพิ่งย้ายมาอยู่ห้องคิงเมื่อวาน ตอนนี้เป็นเพื่อนเอฟาด้วยละ ^O^ นายเป็นฝาแฝดที่ปูโน่บอกว่าอย่าเข้าใกล้เด็ดขาดใช่มั้ย ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
นี่ปูโน่มันสั่งไม่ให้กระต่ายน้อยเข้าใกล้ผมเหรอ เห็นเอ๋อๆ แบบนั้นที่จริงมันแอบร้ายกาจนี่หว่า ไอ้ที่ผมแอบรู้สึกผิดเรื่องเอาน้ำไปเทรดหัวมันเมื่อวาน ขอคืนได้มะ สมควรโดนแล้ว! -_-*
พอแนะนำตัวเองจบ มือบางก็ยื่นมาตรงหน้าให้ผมจับ นุ่ม... นุ่มชะมัด~
ให้ชีวิตผมดับดิ้นสิ้นไปตรงนี้ก็ยอมแล้วครับพระเจ้า!! TOT
“จะบีบให้เละไปเลยมั้ย มือยัยนั่นน่ะ“
เสียงเรียบๆ นิ่งๆ ของหมีโหดที่ยังยืนกันท่าอยู่ข้างๆ คิวริทำให้ผมรู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาทกับกระต่ายน้อยอย่างมากมายมหาศาล ด้วยการจับมือเธอไม่ยอมปล่อย พอผมยิ้มแหย ค่อยปล่อยมือมา คิวริก็เอียงคอยิ้มใส ดูจะไม่ติดใจโกรธอะไรเลยสักนิด
น่ารัก... น่ารัก... น่าร้ากกกก!
“นี่ๆ พวกนายเป็นอะไรกันเหรอ”
คิวริถามยิ้มๆ พร้อมกับชี้นิ้วระหว่างผมกับ... ใครหว่า =_= พอหันมองตามนิ้วขาวๆ นั่น หน้าผมก็เกือบชนกับหน้าคิมที่ยืนคลำหูป้อยๆ อยู่ข้างกัน
ชักไม่เข้าใจคำถามแฮะ?
“เป็นเพื่อนกันดิ อ้อ! ฉันชื่อเอสเพรสโซ่นะ เรียกสั้นๆ ว่าเอสโซ่ก็ได้ ส่วนนี่คิม แล้วนั่นก็ปริ๊นซ์”
คิมเหยียดยิ้มยักคิ้วทักทายกระต่ายน้อยกวนๆ ตามสไตล์ ส่วนปริ๊นซ์ก็ยืนเก๊กหล่อ ส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้หวานใจของผม(ในอนาคต)แบบไม่มีการเกรงอกเกรงใจ
มันน่า... - -^
“เพื่อนเหรอ~”
ชักรู้สึกว่าเสียงใสๆ กับรอยยิ้มหวานๆ นั่นดูมีลับลมคมในพิลึกแฮะ กระต่ายน้อยหัวเราะคิกคัก ก่อนขยับมายืนข้างผมจนแขนชนกัน นุ่ม... หอม...
ให้ตายตรงนี้ก็ยอมครับ!! T_T
“ดูนี่ซี่~”
ระหว่างที่กำลังเคลิ้มๆ กระต่ายน้อยก็ยื่นโทรศัพท์มือถือราคาแพงลิบมาตรงหน้า ที่หน้าจอชัดแจ๋วปรากฏภาพผู้ชายสองคนกำลังคร่อมตัวกันจากทางด้านหลังในห้องเรียน ฮ่าๆ สองคนนี้คงเป็นแฟนกันสินะ ไปถ่ายมาจากหนะ...
เฮ้ย! นี่มันผมกับคิมเมื่อกี้นี่หว่า!!
อ๊าก!! ผมฉวยโทรศัพท์อันนั้นมาขว้างลงพื้น ก่อนกระทืบๆ ด้วยความขยะแขยงขั้นเทพ!
ผัวะ!
“เฮ้ย ใครวะ”
กล้าโบกหัวท่านเอสเพรสโซ่ เดี๋ยวก็ได้วิ่งโร่ไปนอนโรงพยาบาลหรอก -*-
“นายทำแบบนั้นกับของของคนอื่นได้ยังไง?”
เอฟากดเสียงต่ำ มองดุผมสลับกับซากโทรศัพท์มือถือบนพื้นห้อง พอผมหันไปมองเจ้าของเครื่อง กระต่ายน้อยก็มองมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ จนผมรีบก้มลงเก็บซากโทรศัพท์ขึ้นมาแทบไม่ทัน แต่พอจะยื่นคืนให้ เธอก็ขยับหนีผมไปซุกตัวเข้าเกาะแขนเอฟาน้ำตาคลอเบ้า
...งานเข้าแล้วเอสโซ่!