ไม่รู้ว่าผมเผลอหลับไปนานแค่ไหน มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อรู้สึกถึงแรงขยับยุกยิกที่ศีรษะ พอตะปบจับตัวการไว้ได้! ก็พบว่าเป็นมือ... มือเล็กๆ นุ่มๆ
“ทำไรอะ จะลักหลับกันเหรอ”
หยอกไม่ทันจบ ร่างเพรียวบางที่นอนคว่ำหน้าอยู่ใกล้ก็จับแก้มผมดึงออกจากกันด้วยท่าทางเข่นเขี้ยว ก่อนละมือลุกขึ้นนั่ง ทอดสายตามองมาอย่างจับผิด
“ไม่เห็นจริงนะ”
“เห็นไร?” ผมถามแบบเอ๋อสนิทเพราะลืมไปแล้วจริงๆ แต่พอค่อยทบทวนความจำทีละนิดจึงถึงบางอ้อ
อ๋อ! เรื่องที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าสินะ
“ช่างเหอะ”
เอฟาว่าพลางถอนใจแรง พร้อมกับยกมือขึ้นรวบผมเป็นมวยแบบง่ายๆ แล้วเดินกลับไปนั่งหน้าโต๊ะเล็กกลางห้องสำหรับอ่านหนังสือ หืม? เพิ่งเห็นนี่ละว่าเธอถอดแว่นแล้ว ยัยนี่ก็พิลึกคน สายตาไม่ได้สั้นซะหน่อยแต่ชอบใส่แว่นตอนอยู่โรงเรียน เห็นบอกว่าดูภูมิฐานดี (ตรงไหน?)
พอมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่าภายนอกตัวบ้านมืดสนิท หลับยาวเลยแฮะเรา... ผมลุกจากเตียงมานั่งตรงหน้าเอฟาที่กำลังอ่านหนังสือ จ้องมองเธอเงียบๆ แค่ไม่นาน หมีโหดก็เงยหน้าขึ้นส่งสายตาพิฆาตมาให้ยิกๆ อย่างที่คิดไว้เด๊ะ
“มองไร?”
“มองคนสวย”
“...”
“โกหกอะ เชื่อด้วย O_O”
ผมปล่อยก๊ากดังลั่นห้องเมื่อเอฟายกดินสอขึ้นมาขู่ฟอด แยกเขี้ยวอวดฟันขาวเหมือนลูกแมวมากกว่าหมีโหดอย่างเก่า ไม่หรอก... ที่จริงเธอก็เป็นแบบนี้มานานแล้วละ แต่ไหนแต่ไรมาในสายตาผมเอฟาก็เป็นได้แค่ลูกแมวตัวน้อยๆ ที่ดุกว่าสิงโตแค่นั้นแหละ (?) อันที่จริงเธอน่ารักน่าแกล้งดี เสียอย่างเดียวบ้าเรียนไปหน่อย! คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ก็จริง แต่บางทีก็ควรสนใจสิ่งที่อยู่นอกตำราบ้างสิ!
อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เดินทางสายกลางไง -_-+ (ว่าแต่คนอื่น ผมเองก็เอาแต่เล่นมากกว่าเรียน ฮ่าๆ)
“เฮ้ย! แขนเธอช้ำเลยนี่”
ผมอุทานอย่างตกใจพลางคว้าข้อมือเอฟาข้างที่ถือดินสอมามองใกล้ๆ และพบว่าจุดที่ถูกลูกบาสกระแทกใส่ช้ำเป็นจ้ำสีม่วงเลยอะ ลูกบาสเหรอ... อ๊ะ! กระต่ายน้อย ผมว่าจะมาสืบเรื่องกระต่ายน้อยนี่หว่า
ลืมซะสนิท -_-;
“ช่างฉันเหอะน่า”
เอฟาสะบัดมือไปเขียนหนังสือต่อ และเพียงไม่นานก็เข้าโหมดโลกส่วนตัว ปล่อยให้ผมนั่งขัดสมาธิ จับข้อเท้าโยกตัวหันมองไปโดยรอบอย่างไม่มีอะไรทำ แล้วภาพตัวเองที่ฉายให้เห็นในกระจกก็ทำเอาผมตาโต อ้าปากค้าง โหย...ยัยหมีโหดนี่ฉวยโอกาสตอนผมหลับ แกล้งถักเปียเล็กๆ บนหัวผมเต็มเลยอะ
ทีแรกก็คิดว่าจะลักหลับกันซะอีก -..-
“เอฟา”
“...”
“เอฟา เอฟา เอฟา”
“โอ๊ย! รำคาญ จะพูดอะไรก็พูดมาสิ”
เอฟาเงยหน้าขึ้นแหวใส่ ก่อนมุ่นคิ้วเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้นั่งอยู่ที่เก่า แล้วหันมองมาข้างตัวที่ผมนั่งยองอยู่ใกล้ๆ เธอทำตาโต เมื่อเห็นผมเก็บหนังยางรัดผมเกือบยี่สิบอันจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้งรัดข้อมือไว้ และยื่นมือไปหาอย่างหื่นๆ ฮ่าๆ
“เธอเสร็จฉันละ!”
สิบนาทีต่อมา...
ผมไม่ได้อยู่ทานข้าวเย็นกับบ้านนั้นหรอก เพราะเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยที่ทำให้ผมหมดอารมณ์ลัลล้ากับทุกเรื่อง - -^ พอกลับเข้ามาในบ้าน เห็นปูโน่กำลังบิดรูบิคอย่างสบายอารมณ์ในห้องนั่งเล่นก็อดหมั่นไส้มันตงิดๆ ไม่ได้ ฮึ่ย! ทำไมพระเจ้าส่งให้สุดหล่อแบบผมมาเกิดแล้วต้องส่งไอ้คุณชายบอบบางนั่นตามมาขัดหูขัดตาผมด้วยวะ!
ซ่า! “โอ๊ะ... โทษที มือลื่นว่ะ”
แกล้งบอกไปงั้นหลังจากหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะเดินอ้อมไปข้างหลังแล้วเทลงบนหัวมันอย่างจงใจ เหอะๆ จะว่าไปนานแล้วนะที่ปูโน่ไม่ยุ่งกับผม และผมไม่ยุ่งกับมันเหมือนกัน ถ้าเป็นตอนเด็กๆ ผมแกล้งมันประจำแหละ -_-v ก็มันน่าหงุดหงิดนี่หว่า... ทั้งที่ผมกับมันเกิดมาจากไข่ใบเดียวกัน หน้าตาก็เหมือนกันขนาดนี้ แต่ทำไมไม่ว่าจะเป็นป๊า แม่ หรือญาติคนไหน ก็เอาแต่เทความรักไปให้มันคนเดียวล่ะ!
ปูโน่น่ารักอย่างนั้น ปูโน่เรียนเก่งอย่างนี้! ทีผมแข่งบาสชนะมากี่ครั้ง ได้เหรียญทองจากกรีฑาในงานกีฬาสีของโรงเรียนปีละเป็นสิบๆ เหรียญ
ไม่เห็นมีใครรับรู้หรือสนใจผมเลย!
คนตัวเปียกไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองหรือด่าผมสักคำอย่างที่ผมอยากให้มันทำ อยากตอบโต้มาบ้าง! ปูโน่ก็ยังเป็นปูโน่ที่พอโดนผมแกล้ง ก็ลุกเดินหนี ไม่ต่อว่า ไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจหรือคิดจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องใครเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้ผมมองตามหลังพี่ชายที่เดินเอื่อยขึ้นชั้นสองไปโดยไม่รู้สึกสะใจอย่างที่อยากรู้สึกเลยสักนิด... มือที่ถือแก้วบีบแน่นจนสั่น ก่อนคลายออก และถอนหายใจออกมาเบาๆ
ผมทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย...
@ เช้าวันต่อมา
บรรยากาศในห้องเรียนยามเช้าก็วุ่นวายเหมือนทุกวัน เสียงตะโกนโหวกเหวกดังจากตรงนี้ ตรงนั้น และผมที่กำลังนั่งเซ็งโคตรๆ ก็โดนจรวดกระดาษพุ่งตรงมาประทับจูบที่หน้าผากพอดีเป๊ะเป็นอันที่ล้านแล้ว (เวอร์) ปัดโธ่! ไอ้เพื่อนเฮงซวยพวกนี้ คนยิ่งหงุดหงิดๆ อยู่
เดี๋ยวพ่อก็เตะเรียงตัวซะนี่!
“เฮ้ย เอสโซ่ ทำไมวันนี้หน้ามึงเ**ยกกว่าปกติอีกวะ” คิมเดินมาตบหัวทักผม แล้วหัวเราะกิ๊กกั๊ก นี่เห็นทรงผมโคตรเท่ของผมเป็นของเล่นรึไง
ผมปัดมือมันออกและตวัดสายตามองคาดโทษ แต่ปากบางๆ นั่นก็ยังพ่นหมาออกมาไม่หยุดอยู่ดี และสุดท้ายก็หันไปหาแนวร่วมอย่างปริ๊นซ์ที่เดินตามมาข้างหลัง
“มึงว่ามั้ยปริ๊นซ์ หน้าเอสโซ่แม่มเหมือนโดนใครเอา Teen ยันมาเลยว่ะ ฮ่าๆ”
ปึ้ด…
เสียงเส้นประสาทความอดทนของผมขาดผึง...
“ไอ้คิม! เตรียมตัวตาย!!!”
“ว้าก เอสโซ่! ไอ้ระยำ! ถ้ามึงจะเตะ กูจะวิ่งจริงๆ นะ T[]T”
มันจะบอกทำเพื่อ? ก็ในเมื่อระหว่างที่โวยลั่นอยู่ตอนนี้มันก็ไล่เกียร์หมาวิ่งหนีผมไปรอบห้องเรียนแล้ว ชนคนนั้นคนนี้ไปทั่วจนเพื่อนๆ รีบหาที่หลบกันเป็นแถว กระทั่งที่ผมกระโดดข้ามโต๊ะ แล้วคว้าคอเสื้อมันไว้ได้ที่หน้าประตูห้องเรียนพอดี
คิมหยุด ผมก็หยุด คนทั้งห้องแทบจะกลั้นหายใจเมื่อผมยิ้มเหี้ยมๆ ขณะกำลังประมวลผลในสมองว่าจะสำเร็จโทษมันแบบไหนดี
ไอ้ลิงนี่... บังอาจมาจี้ใจผมได้ T^T!