ญาดาตื่นตั้งแต่เช้าเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยวันแรกโดยมีพ่อรับหน้าที่เป็นคนขับรถไปส่งเธอ
การจราจรในช่วงเช้าไม่ค่อยแออัดมากนัก เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นท้องถนนที่โล่งแบบนี้ในกรุงเทพ ก็ได้แต่หวังว่า การเริ่มต้นชีวิตมหาลัยจะราบรื่นเหมือนที่เธอคาดหวังเอาไว้
“หนูญาไปก่อนนะคะพ่อ”
“เลิกเรียนแล้วก็โทรมาบอกพ่อนะ”
“ค่ะ พ่อก็ตั้งใจทำงานนะคะ” ภูผาส่งยิ้มให้กับลูกสาว หลังจากที่ได้พิจารณาดูแล้ว เขาก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ญาดาพูดจึงได้คุยกับเพื่อนสนิทเรื่องที่จะกลับไปทำงาน ทุกคนก็ยินดีที่เขาจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งในทีมผู้บริหารเช่นกัน
บรรยากาศคึกครื้นพลอยทำให้ญาดาสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอแค่กำลังมีความสุขกับการเริ่มต้นใหม่แบบนี้ทุกครั้ง เป้าหมายของการเรียนมหาลัยครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรมาก อย่างแรกคือต้องหาเพื่อนให้ได้สักหนึ่งคน
“ตึก C อยู่ตรงไหนนะ” ยังไม่ทันที่จะได้เริ่ม เธอก็หลงทางแล้ว วนเดินหาตึกอยู่ตั้งนานแต่ก็หาไม่เจอสักที
“ขอโทษนะคะ”
“ครับ?”
“ตึก C อยู่ตรงไหนเหรอคะ” ญาดาขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินผ่านมา
“เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายจะมีตึกที่แยกออกไปจากตึกหลัก ตรงนั้นคือตึก C ครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
ภาพหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่ไม่ว่าใครๆ ก็มองออกว่าเป็นเด็กปีหนึ่งกำลังรีบวิ่งไปที่ตึกเรียนคาบแรกของตัวเองอย่างเร่งรีบ
ขณะเดียวกันก็เจอกับเพื่อนร่วมทางที่วิ่งมาจากอีกทางหนึ่งก่อนจะขึ้นมาวิ่งข้างๆ เธอ มุ่งตรงไปยังตึกเดียวกัน
“เธอก็เรียนตึกนี้เหรอ” เพื่อนร่วมทางเอ่ยถามเธอขึ้น
“ใช่”
“คณะบัญชีเหรอ”
“ใช่”
“เหมือนกันเลย” อีกฝ่ายออกอาการดีใจเมื่อรู้ว่าเจอเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันแล้ว
“เดี๋ยวค่อยคุยนะ รีบไปก่อนจะสายเถอะ” ญาดารีบตัดบท อีกไม่ถึงห้านาทีก็จะเข้าเรียนแล้ว
แอ๊ดดดด~
หญิงสาวพยายามเปิดประตูเข้าไปในห้องให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของนักศึกษาคนอื่นๆ ที่มาถึงก่อนแล้ว
“เธอชื่ออะไรเหรอ” เพื่อนร่วมทางที่มาถึงพร้อมกันเอ่ยถาม และทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอ
“ฉันชื่อ ญาดา แล้วเธอล่ะ”
“ฉันชื่อ แก้วตา”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“เหมือนกัน” แก้วตาส่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ก่อนจะรีบหันไปมองด้านหน้าของห้องเรียนเมื่ออาจารย์เดินเข้ามา
เนื่องจากเพิ่งเปิดเทอมเป็นวันแรกอาจารย์ส่วนใหญ่จึงยังไม่ค่อยเริ่มสอนแต่จะอธิบายถึงเนื้อหาในรายวิชาและกฎของอาจารย์ที่ต้องปฏิบัติตาม
นักศึกษาใหม่ทุกคนจะถูกดึงเข้ากรุ๊ปไลน์ของคณะและมีรุ่นพี่ปีสองและปีสามที่จะมาจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องเพื่อให้ทุกคนสนิทกันมากยิ่งขึ้น
“เรียนเสร็จไปกินชาบูด้วยกันไหม”
“ชาบูเหรอ?” เด็กชอบกินอย่างญาดาไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้ แต่คงจะต้องขอกับพ่อก่อนถึงจะไปได้
“ตรงข้ามมหาลัยนี่เอง”
“ขอคิดดูก่อนนะ”
“มีโปรโมชันด้วยนะ ราคาพิเศษสำหรับนักศึกษาใหม่” แก้วตาใช้อาวุธไม้ตายอย่างเรื่องราคามาล่อลูกหมูตัวน้อยอย่างญาดาให้ตกลงไปกับเธอ
“ไปๆๆ แต่ขอโทรบอกพ่อก่อนนะ”
“โอเค”
ญาดารีบโทรหาบอกพ่อทันทีและก็ได้คำตอบกลับมาว่าอนุญาต ทำให้หญิงสาวยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งและรีบติดสอยห้อยตามแก้วตาไปกินชาบูที่ร้านตรงข้ามมหาลัยด้วยกัน
“อร่อยจัง ว่าแต่เธอกลับบ้านยังไงเหรอ” แก้มสองข้างกลมตุ่ยขยับไปมาพลางเอ่ยถาม
“ฉันเช่าหออยู่ฝั่งนู้นเอง”
“งั้นเดี๋ยวให้พ่อฉันไปส่งหน้าหอของเธอแล้วกัน”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเดินไปเองก็ได้”
“ไม่เป็นไร ฉันผ่านทางนั้นอยู่แล้ว”
“ก็ได้” แก้วตายอมตอบตกลง ไม่อย่างนั้นก็คงเถียงกันไม่จบแน่ๆ
ญาดาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการกินชาบูอย่างคุ้มค่า จนแก้วตายังแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ถึงญาดาจะไม่ใช่ผู้หญิงผอม แต่ก็ไม่ได้อวบหรืออ้วน เธอไม่คิดว่าเพื่อนสาวจะกินได้เยอะถึงขนาดนี้
“สวัสดีค่ะพ่อ”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อของญาดา” ภูผารีบรับไหว้ทั้งสองคน
“เดี๋ยวแวะส่งแก้วตาตรงตึกฝั่งโน้นหน่อยนะคะ”
“ได้สิ ขึ้นรถกันเลย” เมื่อได้รับอนุญาตทั้งสองก็รีบขึ้นรถทันที
“พ่อรอหนูญานานไหมคะ”
“ไม่นานหรอก”
“หนูญา? เธอแทนตัวเองว่าหนูญาเหรอ”
“ใช่ คุณตาคุณยายชอบเรียกแบบนี้ ฉันก็เลยติดมาน่ะ” ญาดารีบอธิบาย แม้จะรู้สึกอายเพื่อนเล็กน้อย
“ก็น่ารักดีนะ”
“พ่อฝากหนูญาด้วยนะ ถ้าหนูญาดื้อก็จัดการได้เลย” ภูผาแกล้งหยอกลูกสาว
“ได้ยังไงคะพ่อ หนูญาไม่ดื้อหรอก”
“ถ้างั้นจะกลัวทำไมล่ะ”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวแก้วจะจัดการยัยลูกหมูหนูญาให้เองค่ะ” แก้วตารีบรับปากพลางตั้งฉายาใหม่ให้ญาดาโดยไม่ถามเจ้าตัวเลยสักคำ
“งั้นลูกหมูตัวนี้จะทับแก้วตาให้แบนเลยดีไหม”
“แบร่~ คุณพ่อญาดาจอดตรงนี้เลยก็ได้ค่ะ” หญิงสาวแลบลิ้นใส่ญาดาก่อนจะรีบเอ่ยบอกเมื่อถึงหน้าหอพักของเธอ
“จะเรียกลุงหรือเรียกพ่อเหมือนญาดาก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ คุณลุง ขอบคุณที่มาส่งนะคะ พรุ่งนี้เจอกันนะ ยัยลูกหมูหนูญา” แก้วตารีบขอบคุณและบอกลาญาดา ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยฉายาที่เธอตั้งให้กับญาดา
รอจนแก้วตากลับเข้าไปด้านในหอพักแล้ว ภูผาจึงพาลูกสาวกลับบ้าน เมื่อได้เห็นสีหน้าและรอยยิ้มที่มีความสุขของลูกสาว คนเป็นพ่อก็มีความสุขไม่ต่างกัน
“ทำงานเป็นยังไงบ้างคะพ่อ”
“ก็โอเคนะ แต่พ่อยังไม่ค่อยชินกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เลย”
“สู้ๆ นะคะ พ่อของหนูญาเก่งขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะทำไม่ได้หรอกค่ะ” ญาดารีบให้กำลังใจทันที เมื่อเห็นสีหน้าของพ่อที่ดูเป็นกังวล
“เดี๋ยวไว้ว่างๆ พ่อจะพาหนูญาไปเที่ยวบ้างนะ”
“ได้เลยค่ะ หนูญาจะรอนะคะ”
ไม่นานนักก็กลับมาถึงบ้าน วันนี้แม่บ้านต่างก็กลับที่พักกันไปหมดแล้ว เพราะภูผาโทรมาสั่งว่าไม่ต้องทำอาหารเย็น
ญาดาก็กลับมาถึงบ้านด้วยความสุขที่เต็มปริ่มจนแทบจะทะลักออกมาจากหัวใจ เธอไม่เคยเจอใครที่เข้ากับเธอได้ดีขนาดนี้มาก่อนเลย