เมฆสีครึ้มและท้องฟ้าที่มืดมัว ก่อนที่จะเริ่มมีสายฝนโปรยปรายลงมาทีละนิด และค่อยๆ เพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำเริ่มท่วมขังบริเวณถนน
ถนนและการจราจรที่แออัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเจอกับฝนที่ตกหนักก็ยิ่งล่าช้าลงไปกว่าเดิมมาก
ญาดามองดูรถยนต์ที่จอดเรียงกันติดอยู่ที่ไฟแดงท่ามกลางฝนตกหนักก็พลันคิดถึงชีวิตที่ริมทะเลขึ้นมาทันที
“เป็นไรเหรอลูก”
“หนูญาแค่รู้สึกไม่ชินกับบรรยากาศของที่นี่น่ะค่ะ”
“เอาหน่า เดี๋ยวปิดเทอมก็ได้กลับไปหาตากับยายแล้ว”
“ค่ะ” ญาดานั่งเงียบมาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้นานกว่าสิบสามปี
“พ่อให้คนมาทำความสะอาดไว้แล้วล่ะ เราเข้าไปกันเถอะ”
บ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ตลอดสิบสามปีที่ผ่านมามีคนติดต่อเข้ามาซื้อตลอด แต่ภูผาไม่ยอมขายเพราะอยากจะเก็บเอาไว้ แม้ที่นี่จะมีความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาก็ตาม
“ที่นี่ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคะ”
“ไหนๆ ลูกสาวพ่อก็โตจนเข้ามหาลัยแล้ว พ่อมีของขวัญจะให้หนูด้วย”
“อะไรเหรอคะ”
“บัตรเครดิตของพ่อและบัญชีเงินฝากที่พ่อกับแม่เก็บมาให้หนูตั้งแต่เด็ก”
“ให้หนูญาทำไมคะ พ่อก็ให้เงินหนูญาทุกวันอยู่แล้ว”
“หนูญาโตแล้วนะลูก มีของที่ต้องซื้อต้องใช้ เอาไปใช้เถอะ เงินแค่นี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งพ่อร่วงหรอก” ญาดาจำใจรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ แม้จะไม่ค่อยอยากได้เท่าไรนัก เพราะพ่อก็ให้เงินเธอใช้เป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่าของพวกนี้จำเป็นสำหรับเธอเลยสักนิด
“พ่อจัดห้องไว้ให้หนูใหม่แล้วนะ”
“จริงเหรอคะ” ญาดารีบวิ่งไปบนห้องของตัวเองที่มีตุ๊กตาหมีติดอยู่ที่ประตูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ห้องที่เต็มไปด้วยสีชมพูในอดีต ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นโทนสีขาวสีครีมดูเหมาะกับบุคลิกของเจ้าของห้อง เตียงขนาดสามจุดห้าฟุตก็กลายเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ มีโต๊ะทำงาน ถัดมาก็จะมีห้องเสื้อผ้าที่ทำเพิ่มขึ้นมาใหญ่ ด้านในมีห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำใหญ่เพิ่มขึ้นมา
“ชอบไหม ถ้าไม่ชอบเดี๋ยวพ่อโทรให้คนมาเปลี่ยนให้ก็ได้นะ”
“ชอบค่ะ หนูญาชอบมากเลยค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะพาหนูญาไปช็อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ มาใส่ไว้ในตู้ให้เต็มเลย”
“ขอบคุณนะคะพ่อ หนูญารักพ่อนะคะ”
“พ่อก็รักหนูเหมือนกัน”
กระเป๋าเดินทางรวมสองใบใหญ่ ทำให้ญาดาเหนื่อยกับการจัดของทั้งหมดมาก ยังดีที่เธอไม่เอามามากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงได้จัดต่อไปอีกหลายวัน
ห้องของเธอมีระเบียงที่หันหน้าเข้าหาสวนหย่อมข้างบ้าน ซึ่งก็คงไม่พ้นพ่อของเธอเป็นคนทำมันขึ้นมาใหม่ มีทั้งชิงช้า สวนดอกไม้ และโต๊ะทานอาหาร มีสระน้ำพุเล็กๆ วางตั้งอยู่กลางสวนหย่อมโอบล้อมไว้ด้วยไม้พุ่ม
บรรยากาศในบริเวณบ้านร่มรื่นย์ต่างจากเหตุการณ์ด้านนอกลิบลับ หากเธอได้ใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้กับพ่อตลอดไปก็คงจะดีเหมือนกัน
ทันทีที่ฝนเริ่มเบาลงและก้อนเมฆก็เคลื่อนตัวไปอีกทาง พระอาทิตย์ส่องแสงแดดลงมา ท้องฟ้าก็ปรากฏสายรุ้งขึ้นทันที
“ญาดา ลงไปทานข้าวได้แล้ว”
“ค่ะพ่อ” หญิงสาวรีบตามพ่อลงไปด้านล่างก็ต้องตกตะลึง
แม่บ้านห้าคนยืนเรียงกันอยู่บริเวณโต๊ะทานอาหาร ทุกคนยืนส่งยิ้มให้เธอจนแก้มแทบปริ
“นี่แม่บ้านที่เคยทำงานอยู่ที่นี่ พ่อจ้างพวกเขาให้กลับมาทำงานน่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณหนู ไม่เจอกันตั้งนาน ยิ่งโตยิ่งสวยจริงๆ เลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ทุกคนแยกย้ายกันไปพักเถอะ” กลุ่มแม่บ้านสลายตัวกันทันทีที่ได้รับอนุญาต
ญาดาเกร็งไปหมด เมื่อต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบนี้อีกครั้ง เมื่อก่อนเธออาจจะไม่รู้สึกอะไรเพราะยังเด็ก แต่ตอนนี้เธอโตมากแล้วและไม่ได้โตมากับการมีแม่บ้านแบบนี้
“ไม่ชอบเหรอ”
“เปล่าค่ะ หนูญาแค่ยังไม่ค่อยชินค่ะ”
“พ่อแค่ให้แม่บ้านมาช่วยดูแลทำความสะอาดบ้านให้เรา ถ้าหนูอึดอัดหรือไม่ชอบอะไรก็คุยกับพ่อตรงๆ นะ” ภูผาเข้าใจลูกสาวดี จนคนเป็นลูกไม่ต้องเอ่ยปากบอกเลยสักคำ
“ค่ะ คือหนูญามีเรื่องอยากถามพ่อด้วยค่ะ” สีหน้าลังเลของญาดาทำให้ภูผารู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอดีต
“พ่อว่าเราทานข้าวกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยคุย”
“งั้นก็ได้ค่ะ”
ญาดาก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเงียบๆ แต่ก็แอบแสดงท่าทางเป็นกังวลออกมาจนผู้เป็นพ่อจับสังเกตได้
“พ่ออิ่มแล้ว อยากถามอะไรล่ะ”
“หนูญาอยากรู้ว่าบริษัทของพ่อยังอยู่กับพ่อไหมคะ”
“ตอนนี้พ่อถือหุ้นแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัท ส่วนที่เหลือพ่อขายให้กับเพื่อนสนิทของพ่อไป หนูญาถามทำไมเหรอ”
“หนูญาก็แค่อยากให้พ่อกลับไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบบ้าง ไม่ต้องมาคอยดูแลหนูญาเหมือนเดิมก็ได้ พ่อควรจะได้ใช้ชีวิตบ้างนะคะ”
“แต่พ่อมีความสุขที่ได้ดูแลหนูญานะลูก”
“หนูญารู้ค่ะว่าพ่อมีความสุข แต่หนูญาคิดว่าพ่อน่าจะมีความสุขได้มากกว่านี้อีก ถ้าได้ทำงานที่พ่ออยากจะทำต่อ”
“...” ภูผานิ่งเงียบไปเล็กน้อย
“ถ้าเป็นไปได้ พ่อกลับไปทำงานก็ได้นะคะ หนูญาโตแล้วดูแลตัวเองได้แล้วค่ะ”
“หนูญารู้ใจพ่อดีจริงๆ เลยนะ เดี๋ยวพ่อจะเก็บเอาไว้พิจารณาดู”
“ค่ะ อย่าลืมบอกหนูญาด้วยนะคะ