บทที่ 3 สามีได้โปรดอ่อนโยน

1395 คำ
บทที่ 3 สามีได้โปรดอ่อนโยน ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป กะ...กลัว! จู่ๆ หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น ขาที่ยกชันและอ้าค้างเอาไว้ถึงกับสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม นั่นเพราะความทรงจำในชาติก่อนหวนคืนมา ความเจ็บปวดจากการสอดใส่โดยปราศจากการเล้าโลม แม้ว่าแม่นมจะชโลมน้ำมันลงบนเครื่องเพศจนชุ่มฉ่ำแต่นั่นก็หาได้ช่วยคลายความเจ็บปวดไม่ ความเจ็บปวดเทียบได้กับการถูกขืนใจไม่ผิดเพี้ยน และเพราะการร่วมสังวาสในครั้งนั้นทำให้นางหวาดกลัวการหลับนอนกับบุรุษ ชาติก่อนแม่นมพยายามหา ‘ชายยาใจ’ มาให้นางคนแล้วคนเล่าเพื่อบำบัดความใคร่ แต่นางกลับหวาดกลัวบุรุษเหล่านั้นจนตัวสั่น ท้ายที่สุดนางก็ไม่เคยหลับนอนกับใครอีกเลยนอกจากสามี ซึ่งเคยหลับนอนด้วยกันเพียงครั้งเดียวและเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต เป็นดั่งบาดแผลที่ตราประทับอยู่ในหัวใจไม่ยอมลืมเลือน ‘ข้าต้องเปลี่ยนแปลง ข้าจะไม่ยอมให้ความเจ็บปวดเหล่านั้นมาทำให้ชีวิตของข้าต้องทุกข์ทรมาน ตะ...แต่ว่า แล้วข้าต้องทำอย่างไรเล่า ในเมื่อข้าอ่อนประสบการณ์เรื่องเพศเหลือเกิน’ ในขณะที่หัวสมองกำลังวิ่งวุ่น โสตประสาทตื่นตัวด้วยความหวาดหวั่น ยิ่งเมื่อรับรู้ได้ว่าสามีกำลังถอดกางเกงอยู่กลางห้องก่อนจะย่างเท้ามาถึงปลายเตียง ปลายเตียงยวบลงตามน้ำหนักของคนตัวโตทำให้ไป๋หลันถึงกับตัวสั่น ‘ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง!’ หัวใจเต้นแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ นางรับรู้ได้ว่าเขากำลังใช้ฝ่ามือชักแท่งหยกของตนเองเพื่อให้มันแข็งตัว แล้วอีกไม่นานเขาจะสอดใส่มันเข้ามา ชาติก่อนด้วยความเจ็บทำให้นางพ่นคำหยาบคายด่าทอเขา และนั่นยิ่งทำให้เขากระแทกกระทั้นอย่างแรง เร่งให้หลั่งเร็วที่สุดเพื่อที่จะออกไปจากห้องนี้ “สะ...สามี อะ...เอ่อคุณชายจ้าว” ในที่สุดไป๋หลันก็เอื้อนเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกำลังจะร้องไห้อยู่ในที ซึ่งนั่นทำให้มือเรียวที่กำลังถอกแท่งหยกใหญ่ยาวของตนถึงกับสะดุดกึก คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจเพราะปกติแล้วภรรยาชั่วของเขามักพูดจาหยาบกระด้างไม่น่าฟัง ทำหน้าบึ้งตึงราวกับยักษ์ อีกทั้งยังจ้องเขม็งมองเขาด้วยความเกลียดชังอย่างไม่ปิดบัง “ดะ...ได้โปรดอ่อนโยนกับข้าด้วยเจ้าค่ะ” เสียงที่คล้ายจะร้องไห้ทำให้หัวใจของคนตัวโตอ่อนยวบ เขาไม่ได้ตอบรับหรือเอื้อนเอ่ยคำใดออกไปนั่นเพราะกำลังงุนงงและสับสน การแต่งงานที่ปราศจากความรัก นั่นเพราะจู่ๆ ตระกูลเกอก็ทวงถามถึงการหมั้นหมายที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน สัญญาหมั้นที่มีตราประทับของบิดาและมารดาผู้ล่วงลับทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธ อีกทั้งเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลจ้าวต่างก็เห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานในครั้งนี้ นั่นเพราะมารดาของเขาและมารดาของภรรยาเป็นสหายรักร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ซีฮั่นเป็นบุตรเพียงคนเดียวจึงยอมทำตามเจตนารมณ์ของมารดาผู้ล่วงลับโดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า... การแต่งงานนี้จะทำให้เขารู้สึกราวกับตกนรกทั้งเป็น สามปีที่ ‘เกอไป๋หลัน’ แต่งงานเข้าสกุลจ้าว นางวางอำนาจ พูดจาจองหองหยิ่งผยอง เฆี่ยนตีบ่าวไพร่อย่างโหดร้ายทารุณ อีกทั้งยังใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เกียจคร้านไม่เคยหยิบจับงานใดๆ แล้วเหตุใดจู่ๆ นางจึงพูดจาน่าสงสารเช่นนี้เล่า! จ้าวซีฮั่นงุนงงไม่น้อย ลำคอแห้งผากเมื่อมองไปยังความอวบอูมแห่งอิสตรีที่กำลังอ้ากว้างเพื่อให้เขาเติมเต็มและฉีดสายน้ำชาติพันธุ์เข้าไปเพื่อก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิต ขะ...เขาไม่เคยเห็นบุปผาแห่งอิสตรีมาก่อน ไม่รู้เลยว่ามันจะอวบอูมและมีสีชมพูระเรื่อเช่นนี้ ในเมื่อนางอ้อนวอนให้เขาอ่อนโยน เขาก็ควรจะเมตตานางมิใช่หรือ คิดเช่นนั้นเขาก็ใช้นิ้วมือสัมผัสลงบนกลีบบุปผาแผ่วเบา ได้ผลนางสะดุ้งน้อยๆ จนขาที่อ้ากว้างหุบเข้ามากว่าครึ่ง จ้าวซีฮั่นนั้นไม่เคยมีประสบการณ์กับสตรีมาก่อน ที่ผ่านมาเขาปลดปล่อยกำหนัดผ่านฝ่ามือของตนเองมาโดยตลอด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เคยอ่านตำราปกขาว และรู้ว่าการร่วมสังวาสที่ดีนั้นต้องเล้าโลมจนกว่าสตรีจะพร้อม ซึ่งการจะดูว่านางพร้อมหรือไม่นั้นให้ดูว่านางขับน้ำใสๆ ออกมาจากรูแคบชื้นมากเพียงใด ยิ่งสตรีขับน้ำใสๆ ออกมามากเท่าไหร่ ก็แสดงว่านางกำลังเสียวและตื่นตัวพร้อมสำหรับการสอดใส่จากบุรุษเพศนั่นเอง เขาค่อยๆ ใช้นิ้วถูไถผ่านร่องบุปผาอวบอูม แหวกกลีบบุปผาทั้งสองกลีบออกแล้วใช้นิ้วโป้งบี้บดลงไปยังเมล็ดสวาทสีชมพูระเรื่อ ‘อะ...อืม มะ...มันนุ่มลื่นและชื้นแฉะให้ความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดใจเหลือเกิน’ “อะ...อื้อ” คนตัวโตถึงกับหัวใจกระตุกแรงเมื่อได้ยินเสียงร้องครวญออกมาจากหลังผ้าม่าน เขารับรู้ได้ว่าเรียวขาของนางกำลังสั่นระริก เรือนกายของนางกำลังกระสับกระส่าย และบริเวณปากทางบุปผาเริ่มมีหยาดน้ำใสๆ ซึมออกมา ตึก! ตึก! ตึก! จ้าวซีฮั่นตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของภรรยาเป็นไปตามตำราปกขาวไม่ผิดเพี้ยน เขาเองก็ยังเด็กนักหากเทียบกับชายหนุ่มทั่วไปที่ออกเรือน ด้วยมีอายุเพียงสิบเก้าปีก็ต้องทำหน้าที่ผู้นำตระกูลหุ่นเชิด อีกทั้งยังถูกเหล่าผู้อาวุโสบีบบังคับให้มีทายาทโดยเร็วที่สุด ใช้ชีวิตดั่งคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ดั่งใจเลยแม้แต่อย่างเดียว คิดพลางใช้นิ้วบดคลึงเมล็ดสีชมพูนุ่มนิ่ม ยิ่งขยี้ก็ยิ่งมีน้ำไหลเยิ้มออกมาเปรอะเปื้อนนิ้วมือของเขาจนเปียกชุ่ม “อะ...อึก” ฉายชัดว่าคนที่นอนอยู่หลังม่านพยายามกลั้นเสียงครวญครางเอาไว้อย่างสุดกำลัง และนั่นทำให้จ้าวซีฮั่นถึงกับเผลอหยักยิ้มที่มุมปากราวกับพึงใจกับปฏิกิริยาที่นางตอบสนองต่อสัมผัสของเขา “ร้องออกมาเถอะ ข้าจะได้รู้ว่าข้าอ่อนโยนต่อเจ้าเพียงพอแล้วหรือไม่” ไป๋หลันใบหน้าแดงก่ำ มือเล็กสั่นเทิ้มกำลังอุดปากตัวเองเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียง เมื่อได้ยินสามีพูดเช่นนั้นนางจึงปล่อยมือออก แปรเปลี่ยนเป็นจิกทึ้งฟูกนอนจนยับยู่ หอบหายใจแรงจนทรวงอกกระเพื่อมไหวส่งผลให้ผ้าแพรผืนบางที่ปิดบังเรือนกายส่วนบนเอาไว้ค่อยๆ เลื่อนหลุดออกโดยไม่รู้ตัว “อะ...อื้อ อื้อ” หญิงสาวครางเสียงระทวย ไม่คิดไม่ฝันว่าการถูกนิ้วสัมผัสจะทำให้ซ่านเสียวจนแทบพูดไม่เป็นภาษาเช่นนี้ ยิ่งเขาบดคลึงมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งบิดเกร็งซ่านสะท้านไปทั้งสรรพางค์กาย “สะ...สามี อะ...อื้อ” ไป๋หลันครวญเรียกเขาเสียงหลงเมื่อเขาบดขยี้รัวเร็วขึ้นจนร่างกายของนางบิดเกร็งกระตุกแรง ไหล่บางห่องุ้มเข้าหากัน สองขาที่อ้าออกหุบแน่นเบียดชิด รับรู้ได้ถึงแรงกระตุกรึงรัดจากภายในร่างกาย ก่อนที่เลือดทุกหยาดหยดจะสูบฉีดอย่างรุนแรงจนร่างกายเห่อร้อนราวกับถูกเปลวเพลิงแห่งกามาแผดเผาจนมอดไหม้ “อะ...ฮึก อาห์” นะ...นี่สินะที่เรียกว่าการถึง ‘จุดสุดยอด’ ในชาติก่อนนางไม่เคยรู้จักความรู้สึกที่สร้างความหฤหรรษ์เช่นนี้มาก่อนเลย ไม่รู้เลยว่าเพียงปลายนิ้วของบุรุษจะนำพาความรื่นรมย์มาให้ได้มากมายเพียงนี้ คนหลังม่านเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ยิ่งเห็นว่านางกระตุกเกร็ง เขาก็ยิ่งมั่นใจว่านางเพิ่งจะสุขสมด้วยฝีมือของเขา ยิ่งเห็นว่าภายในรูแคบชื้นกระตุกคล้ายตอดรัด แท่งหยกของเขาก็ชูผงาดแข็งขึงโดยไม่ต้องพึ่งพาฝ่ามืออีกต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม