“ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
น้ำเสียงเจือด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่รู้ตัว หลุดออกมาจากลำคอแกร่งของอชิวาระ หลังจากโทรตามหมอประจำตระกูลให้มาตรวจอาการป่วยของภรรยาถึงในห้องนอน
โชคดีที่เธอไม่ได้เป็นอะไรมากนอกจากไข้หวัดธรรมดา หมอจึงสั่งยาลดไข้และบอกวิธีการดูแลคนป่วยแกชายหนุ่ม ก่อนจะขอตัวกลับโดยมีแม่บ้านเดินออกไปส่ง ทำให้ห้องนอนใหญ่เหลือเพียงสามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น
“ปาป๊าคับ มามี้เป็นอะไรคับ ทำไมลุงหมอต้องฉีดยาด้วย”
“มามี้ไม่สบายครับ”
“แล้วมามี้จะหายไหมคับ”
“หายสิครับ แต่มามี้ต้องนอนเยอะ ๆ ต้องกินยา ต้องกินข้าว ถึงจะหายป่วย”
“หายจริง ๆ นะคับปาป๊า”
“จริงสิครับ แต่หนูต้องไม่กวนมามี้ โอเคไหม”
“โอเคคับ”
“งั้นไปอาบน้ำ แต่งตัว เดี๋ยววันนี้ปาป๊าไปส่งหนูที่โรงเรียนเอง”
“คับปาป๊า”
เด็กน้อยหน้าสลดลงเล็กน้อย เมื่อหันไปมองมารดานอนนิ่งอยู่บนเตียง ก่อนจะเดินกลับห้องของตนเองเพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน จริง ๆ มาริษาป่วยมาสองวันแล้วแต่ไม่ยอมไปหาหมอ เพราะไม่ชอบโรงพยาบาลเป็นทุนเดิม สามีจึงตัดสินใจให้หมอมาดูอาการที่บ้านแทน
หลังจากอาบน้ำ แต่งตัว และรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย สองพ่อลูกก็ออกเดินทางไปยังโรงเรียนนานาชาติที่อชิระกำลังเรียนทันที
ในระหว่างทางลูกชายไม่ปริปากพูดสักคำ มีอาการซึมอย่างเห็นได้ชัด ผิดจากนิสัยปกติของเขาที่ชอบพูดเจื้อยแจ้ว ถามนั่น ถามนี่ตลอดเวลาที่นั่งรถไปข้างนอก ทำให้บิดาอดเป็นห่วงไม่ได้จึงเอ่ยถาม
“พี่รักเป็นอะไรคับ ทำไมเงียบจัง”
“พี่รักคิดถึงมามี้คับปาป๊า”
“เดี๋ยวตอนเย็นก็ได้เจอครับ พอถึงเวลาปาป๊าจะมารับพี่รักกลับบ้านนะครับ”
“คับ” เด็กชายตัวน้อยซึ่งอยู่ในชุดอนุบาลแสนน่ารักพยักหน้า
หงึก ๆ ราวกับเข้าใจ
“เก่งมากครับ ถึงโรงเรียนแล้ว”
“ไข่มุก” ความสนใจของอชิระตกไปอยู่ที่เพื่อนร่วมชั้นซึ่งมีชื่อเล่นว่า ไข่มุก กำลังเดินลงจากรถพอดิบพอดี พร้อมด้วยคุณพ่อที่มีดีกรีความหล่อและความรวยไม่แพ้อชิวาระ
เมื่อรถของพวกเขาจอดเรียบร้อย เด็กน้อยก็รีบลงไปหาเพื่อนทันที พร้อมกับหันไปทักทายพ่อของเพื่อนด้วยรอยยิ้ม อย่างเช่นทุกวันที่เจอหน้ากัน ราวเป็นคนละคนกับตอนที่นั่งอยู่บนรถ
“ลุงเข้มสวัสดีคับ” อชิระยกมือป้อม ๆ ของตนเองขึ้นมาทำความเคารพพ่อของเพื่อน ก่อนจะหันไปยิ้มให้ไข่มุกที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ บิดาด้วยความขวยเขิน
“สวัสดีครับพบรัก วันนี้ใครมาส่งเอ่ย มามี้ไม่มาเหรอครับ”
เข้ม หรือ เขมิกรณ์ พ่อหม้ายลูกหนึ่งชะเง้อคอมองทางข้างหลังสองพ่อลูกด้วยความสงสัยในขณะตั้งคำถาม เมื่อเห็นเพื่อนของลูกสาวมากับคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า เพราะปกติอชิวาระไม่ค่อยมาส่งลูกชาย หน้าที่รับส่งลูกไปโรงเรียนเป็นของมาริษาเสียมากกว่า ชายหนุ่มจึงไม่รู้จักบิดาของอชิระ
“มามี้ไม่สบายคับ วันนี้ปาป๊ามาส่งคับ”
“สวัสดีครับ ผมคริส อชิวาระ พ่อของพบรัก”
“สวัสดีครับ ผมเข้ม เขมิกรณ์ พ่อของน้องไข่มุก คุณมาริษาไม่สบายเป็นอะไรครับ ปกติผมไม่เคยเห็นเธอป่วยเลย”
“เป็นไข้หวัดธรรมดาครับ ผมเลยมาส่งลูกเอง”
“อ้อ งั้นเหรอครับ ผมคิดว่าวันนี้เธอมาเอง เลยซื้อขนมมาฝาก”
“พี่รักเอากลับไปให้มามี้เองคับลุงเข้ม”
“ขอบคุณมากครับ ลุงฝากพี่รักด้วยนะครับ”
“ได้ครับ” เด็กชายตัวกลมยิ้มแป้นเมื่อเห็นถุงขนมซึ่งเป็นของฝากของมารดา ต่างจากบิดาของตนเองที่ยืนนิ่งราวกับกำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่าง ก่อนจะยิ้มตามมารยาทเมื่อทางนั้นยื่นขนมมาให้พร้อมด้วยคำอวยพร ขอให้มาริษาหายป่วยเร็ว ๆ
หลังจากส่งลูกชายเรียบร้อย อชิวาระก็รีบขับรถกลับบ้านทันที เปลี่ยนใจไม่เข้าบริษัท โดยให้เหตุผลว่า ภรรยากำลังป่วยต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ควรให้คนอื่นดูแล รถคันหรูจึงเข้ามาจอดในลานจอดรถอีกครั้ง พร้อมด้วยของพะรุงพะรังที่เขาหอบเอาลงมาจากรถ ทั้งของกิน ของฝาก และพวกเอกสารต่าง ๆ
“อ้าวคุณคริส ไม่ไปทำงานเหรอคะ มาค่ะป้าช่วยถือ”
หัวหน้าแม่บ้านเห็นเจ้านายเดินเข้ามาพร้อมของมากมายจึงรีบเข้าไปช่วยพลางตั้งคำถามด้วยความสงสัย ปกติเจ้านายหนุ่มไม่เคยหยุดงาน ยกเว้นวันหยุดเท่านั้น
“ไม่เป็นไรครับป้าน้อม ผมจัดการเองได้ วันนี้ริไม่ค่อยสบาย ผมไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียว” เขาให้เหตุผลตามที่คิดสร้างความประหลาดใจแก่แม่บ้านคนสนิทไม่น้อย เพราะรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาคู่นี้ โดยเฉพาะอชิวาระ นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ตนเองได้เห็นความห่วงใยของชายหนุ่มที่มีต่อมาริษา
“เดี๋ยวป้าดูแลให้เองค่ะ เด็ก ๆ ก็อยู่หลายคน คุณคริสไม่ต้องห่วง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลเองสะดวกกว่า”
“เอางั้นเหรอคะ”
“ครับ ป้าน้อมมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ค่ะ อ้อ เมื่อสักครู่เพื่อนของคุณริมาหานะคะ”
“ใครครับป้าน้อม”
“คุณพิมพ์ฝันค่ะ”
“แล้วเธออยู่ไหนครับ”
“อยู่ในห้องของคุณคริสกับคุณรินั่นแหละค่ะ”
“โอเคครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดพร้อมด้วยของฝาก ที่ตนเองไม่เต็มใจรับสักเท่าไหร่ แต่กลัวเสียมารยาทจึงรับมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะไม่ชอบใจก็ตาม
ในขณะที่อชิวาระกำลังก้าวขาเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นมาหาภรรยา ภายในห้องนอนก็กำลังคุยกันอย่างเคร่งเครียด ถึงเรื่องข้อความที่มาริษาได้รับ คนป่วยไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครจึงตัดสินใจปรึกษาเพื่อนสนิทที่มีอยู่คนเดียวอย่างพิมพ์ฝัน
พิมพ์ฝันตั้งใจมาหามาริษาหลายวันแล้ว แต่ติดงานเลยมาไม่ได้ เมื่อจัดการเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยก็รีบนั่งรถมาหาเพื่อนที่บ้านหลังใหญ่ทันที และตกใจไม่น้อยที่รู้จากป้าน้อมว่าเพื่อนสนิทกำลังป่วย
แต่ความตกใจเรื่องป่วยยังไม่เท่าเรื่องขู่ฆ่า ใบหน้าของพิมพ์ฝันจึงเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ในขณะตั้งคำถาม
“แกจะเอายังไงริ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะ ถึงขั้นขู่ฆ่าเลย”
“ฉันไม่รู้เหมือนกันพิมพ์ ตอนนี้ฉันมืดแปดด้านไปหมด แกก็รู้ฉันไม่เคยมีศัตรูที่ไหนยกเว้น”
“ยกเว้นใครริ”
“แฟนเก่าของพี่คริส กับ คนนั้น”
“คนนั้น คือ คนที่แกสงสัยว่าฆ่าพ่อกับแม่แกใช่ไหม”
“อืม แต่ฉันไม่อยากเชื่อ แฟนเก่าพี่คริสออกจะเรียบร้อยแล้วนางก็ไปอยู่เมืองนอกตั้งนาน ส่วนคนนั้น ฉันเองยังไม่แน่ใจเลยว่าฆ่าพ่อแม่ของฉันจริงไหม ทุกอย่างมันไม่มีหลักฐาน”
“ริ ฉันว่าแกปรึกษาคุณคริสดีไหม ยังไงเขาก็เป็นผัวแก เรื่องความเป็นความตายเขาน่าจะไม่ใจร้ายหรอก”
“อย่าเลย ฉันไม่อยากให้พี่คริสเดือดร้อน แค่ทุกวันนี้เขาก็ทุกข์เพราะฉันมากพอแล้ว”
“เอาเถอะไม่ว่าแกจะทำอะไร ฉันอยู่ข้างแกเสมอ จำไว้นะริ นอกจากน้องพบรัก แกยังมีฉัน”
“ขอบใจมากพิมพ์ ถ้าฉันเป็นอะไรไป ฉันฝากลูกด้วย แกรับปากฉันได้ไหม”
“แกอย่าพูดแบบนี้สิ แกไม่เป็นอะไรหรอก”
“ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ฉันฝากแกเอาไว้เผื่อฉันไปอย่างกะทันหัน”
“โอเค ๆ แกสบายใจเถอะ ถ้ามันมีอะไรจริง ๆ ฉันจะดูแลน้องพบรักให้ เอาเป็นว่าตอนนี้แกพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวฉันช่วยคิดหาวิธีช่วยแกเอง”
“ขอบใจนะพิมพ์ ขอบใจจริง ๆ ถ้าไม่มีแกฉันแย่แน่”
“อืม ๆ นอนเถอะ”
เมื่อคนป่วยหลับพิมพ์ฝันจึงค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องนอน พร้อมด้วยการถอนหายใจเบา ๆ หลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อย โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนแอบฟังเรื่องที่พวกเขาคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ
หลังจากแผ่นหลังของพิมพ์ฝันหายไปจากสายตา อชิวาระก็
ค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่อยากเชื่อว่าอดีตคู่หมั้นของตนเองจะเป็นคนสั่งการฆ่ามาริษา แล้วคนนั้นที่สองสาวหมายถึงคือใครกัน เห็นทีเขาต้องลงมือสืบเรื่องนี้แล้ว