6

1471 คำ
สุทธิดานั้นสั่งคนรับใช้ที่บ้านเอาไว้ว่าถ้าหาญโทร. มาหา ก็ให้บอกไปว่าไม่อยู่ ออกไปข้างนอก ทั้งๆ ที่บางครั้งก็อยู่ แต่พักหลังมานี้ สุทธิดาออกไปเรียนพิเศษข้างนอกบ่อย เพราะมารดาอยากให้เข้าสังคม จึงอยู่ไม่ติดบ้าน ในขณะที่หนึ่งธิดาโดนใช้งานงกๆ อยู่ก้นครัว ยิ่งนับวันความห่างเหินของหนึ่งธิดากับบิดายิ่งมากขึ้นจนแทบไม่ได้คุยกันเลย หนึ่งธิดาทำใจได้แล้วในระดับหนึ่ง เธอยึดเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง มองว่าหากโลกนี้ไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้ เธอก็ต้องเอาตัวรอดด้วยตนเอง และหาญคือคนเดียวที่ทำให้หัวใจเธอชุ่มชื่น เพราะจดหมายของเขาในแต่ละฉบับ บ่งบอกถึงความมุมานะ อุสาหะและความตั้งใจพยายามของเขา เธอก็อยากทำให้ได้แบบเขาบ้าง จึงตั้งใจเรียน แม้มารดาเลี้ยงจะไม่ให้เงินไปเรียน แต่เธอก็หางานพิเศษอย่างอื่นทำได้ ด้วยว่าครูอาจารย์มักเมตตาเอ็นดูเธออยู่เสมอ กอปรกับเธอเป็นคนขยันจึงมีงานให้ทำอยู่ตลอดไม่เคยขาด ถึงพี่หาญที่รัก น้องดีใจที่พี่หาญทำสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว และต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ ดีใจที่พี่หาญเขียนจดหมายมาหาไม่เคยขาด แม้ไม่ได้ยินเสียงแค่เห็นลายมือของพี่น้องก็ดีใจจนน้ำตาไหลแล้ว ยามเหงา เศร้าและเหว่ว้า แค่เอาจดหมายของพี่มาอ่าน ก็มีความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกไม่กี่ปีน้องก็จะเรียนจบแล้วนะคะ อยากไปเที่ยวไร่ของพี่หาญเหลือเกินค่ะ รักพี่หาญเสมอ หนึ่งธิดาน้ำตาซึมจริงๆ เพราะการเขียนจดหมายถึงหาญเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความสุข อยากจะเล่าเรื่องอะไรๆ ให้เขาฟังมากมาย แต่เธออยู่ในฐานะที่ไม่สามารถเล่าอะไรให้เขาฟังได้ เนื่องด้วยชีวิตของน้องสาวนั้นดิบดีเหลือเกิน มันไม่ได้ทนทุกข์ทรมานเหมือนกับชีวิตของเธอ แล้วการที่จะเล่าชีวิตความเป็นอยู่ของน้องสาวให้เขาฟังมันก็เหมือนกับเป็นการโกหก จึงได้แต่ส่งกำลังใจให้เขาเท่านั้น เธอเก็บจดหมายของเขาเอาไว้ทุกฉบับ หาญเขียนมาเล่าให้ฟังในฉบับต่อไปว่าเขาเริ่มเลี้ยงจระเข้ เธอประหลาดใจที่เขาบอกว่าจะเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ กลายเป็นเลี้ยงจระเข้ไปเสียแล้ว แต่เขาบอกว่าเจอผู้ใหญ่ใจดีช่วยแนะนำ คงถูกชะตากันเนื่องจากคุณตาเองก็เป็นคนพื้นเพที่นั่น หาญเลยตัดสินใจทำฟาร์มจระเข้เพราะเขามองเห็นรายได้ที่งดงาม เขายังปลูกยูคาลิปตัสอีกร้อยไร่          วันเวลาผ่านไป หาญยิ่งได้คนงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนฝูงของภูผาและคนงานในไร่ชักชวนกันมาทำงานเพราะหาญดูแลครอบครัวของลูกน้องอย่างดี สวัสดิการต่างๆ ทั้งค่ารักษาพยาบาล ที่อยู่อาศัย ซึ่งในไร่มีพื้นที่กว้างมาก       การปลูกบ้านหลังเล็กๆ ให้คนงานไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะช่วยกันสร้างแป๊บเดียวก็เสร็จ บ้านหลังหนึ่งใช้เวลาไม่นานก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย หาญมีหัวก้าวหน้า เขาหาโรงเรียนดีๆ ส่งลูกหลานคนงานเข้าไปเรียนในเมือง จัดรถรับส่งให้อย่างดี คิดว่าในอนาคต เด็กๆ พวกนี้จะเป็นอนาคตที่ดีที่จะกลับมาช่วยกันพัฒนาที่ดินผืนนี้ให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป นอกจากที่หาญจะปลูกพืชแล้ว ยังเลี้ยงสัตว์อีกด้วย เขาต้องการ          สัตวแพทย์ ต้องการคนที่เรียนจบด้านการเกษตรมาช่วยงานอีกหลายอย่าง    ส่วนคนงานก็มีความสุขที่จะเห็นลูกๆ มีการศึกษาที่ดีและเป็นที่พึ่งของครอบครัว หาญอ่านจดหมายของของคู่หมั้นสาวแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน                  ในจดหมายมันแฝงไปด้วยความเศร้าอย่างไม่น่าเชื่อ เขามัวแต่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่เคยแวะเวียนไปหาสุทธิดาตามที่สัญญากันเอาไว้เลย ในยามนี้เขาจึงคิดว่าอยากจะไปหาเธอสักครั้ง แต่การจะเขียนจดหมายไปบอกกล่าวกันก่อนเธอคงไม่เซอร์ไพร้ส์ เขาอยากเซอร์ไพร้ส์เธอ จึงคิดว่าจะแอบไปหาแบบเงียบๆ “คุณหาญจะเข้ากรุงเทพฯ เหรอครับ” ภูผาเอ่ยถามผู้เป็นนาย เมื่อได้ยินว่าเจ้านายบอกให้เตรียมตัว “ใช่...” หาญรับคำเสียงเรียบ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “ครับ” ภูผารับคำ คิดว่าเจ้านายไปทำงานเหมือนทุกครั้ง ตลอดระยะเวลาหลายปี เขาเห็นเจ้านายมุ่งมั่นกับการทำงาน เรียกว่า ทำงานหามรุ่งหามค่ำและขยันเขียนจดหมาย อ่านจดหมาย แล้วก็ทำงาน แต่ไม่เคยเห็นไปมาหาสู่คนเป็นคู่หมั้นที่คอยตอบจดหมายเลยสักครั้งเดียว “ผมถามหน่อยสิครับ” “ถามว่า...” หาญเลิกคิ้วขึ้นเหลือบสายตามองลูกน้องคนสนิทที่กำลังขับรถออกจากไร่ “ผมเห็นคุณหาญทำงานหนักมาหลายปีแล้ว ไม่คิดจะไปหาคุณสุทธิดาบ้างเลยเหรอครับ” “ก็จะไปนี่ไง” “จริงเหรอครับ ดีจังเลยครับ ผมเองก็อยากเห็นหน้าคู่หมั้นคุณหาญเหมือนกัน” “เดี๋ยวก็ได้เห็น” คนพูดอมยิ้ม แต่เสียงแตรรถที่ดังไล่หลังมาทำให้หาญต้องสั่งให้ภูผาหยุดรถ “หยุดรถก่อนภู คนที่ไร่ขับรถตามมา” หาญพูดแค่นั้นเมื่อรถจอดสนิท    เขาก็ลงจากรถในทันที คนงานในไร่เปิดประตูรถลงมา หน้าตาตื่น พูดลิ้นพันกันขณะวิ่งมาถึงตัว “คุณหาญครับ คุณตาเสียแล้วครับ” หาญช็อกกับประโยคของคนงาน เขาหมุนกายกลับขึ้นรถ รีบให้ภูผาขับรถกลับในทันที พอถึงบ้าน มารดาก็กำลังนั่งร้องไห้อยู่ใกล้ศพของภัทรพล “คุณตาเสียแล้วลูก” “คุณตา...” หาญเข้าไปหาคุณตา ท่านจากไปอย่างสงบด้วยโรคชรา เรียกว่าหมดอายุขัยแล้วนอนหลับไปเฉยๆ “คุณตาไปดีแล้วครับคุณแม่” หาญปลอบมารดา บีบมือของท่านเบาๆ ชายหนุ่มก้มลงกราบแทบเท้าผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ในชีวิต เขาน้ำตาไหล คุณตาเป็นคนที่มอบชีวิตใหม่ให้เขาและมารดา คอยสนับสนุนเขามาตลอด แถมยังมีคำพูดดีๆ คอยให้กำลังใจเขาเรื่อยมา หากไม่มีท่านก็คงไม่มีเขาที่ได้ดิบได้ดีจนถึงทุกวันนี้ ตลอดระยะเวลาหลายปี เขาทำทุกอย่างให้ท่านมีความสุขที่สุดในบั้นปลายชีวิต ตอบแทนพระคุณที่ท่านชุบชีวิตเขาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แผนการที่จะไปหาสุทธิดาจึงพับเก็บลงไป เพราะต้องอยู่จัดงานศพให้ผู้มีพระคุณ หลังงานศพของคุณตา เพื่อนของมารดาที่ชอบปฏิบัติธรรมก็มาหาที่ไร่ ท่านเปิดร้านดอกไม้อยู่หลายสาขา อากาศที่ไร่ของเขาดีและยังมีที่ดินเหลืออยู่อีกหลายร้อยไร่ พอได้พูดคุยกันหาญก็ผุดไอเดียคิดโปรเจ็กต์ใหม่ขึ้นมาอีกครั้งคือปลูกดอกไม้ขายอีกสองร้อยไร่ ดอกไม้ยอดนิยมที่ขายดิบขายดีคือดอกดาวเรือง กล้วยไม้ เบญจมาศ และดอกไม้เศรษฐกิจอีกหลายชนิด การบุกเบิกไร่ดอกไม้อีกสองร้อยไร่ ทำให้หาญต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจอีกครั้ง ความตั้งใจที่จะไปหาสุทธิดาจึงต้องพับเก็บไปอีกครั้ง การทำไร่ดอกไม้เป็นงานใหม่ นั่นทำให้หาญมุ่งมั่นกับการทำงานในไร่จนลืมวันลืมคืน วันเวลาเปลี่ยนผันจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี หนึ่งธิดาเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เธอเกือบจะไม่ได้เรียนหนังสือ หากไม่เพราะว่าได้ทุนเรียนต่อ ยิ่งนานวันชีวิตในบ้านคือผู้อาศัยอย่างแท้จริง ต้องทำงานแลกข้าว แลกน้ำ     เมื่อได้ทุนการศึกษา มารดาเลี้ยงก็ยุแยงบิดาว่าไม่จำเป็นต้องส่งเสียให้เล่าเรียนอีก ให้ส่งเสียสุทธิดาจะดีกว่า แล้วบิดาก็เชื่อตามนั้น ทำให้หนึ่งธิดาต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย และต้องอยู่ในบ้านของบิดาให้ได้จนกว่าจะเรียนจบ         เธอเคยคิดว่าจะออกไปอยู่ข้างนอก แต่มีค่าเช่าหอ ค่าอาหารการกิน สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไปอีกหลายอย่าง ชีวิตในช่วงวัยสาวที่ขลุกตัวอยู่ก้นครัวและทำงานบ้านจึงเป็นความเคยชินของเด็กสาวไปโดยปริยาย เด็กสาวบอกตัวเองว่าต้องอดทน ความหวังของเธอมาจากหาญ การได้อ่านจดหมายของเขาทำให้เธอมีกำลังใจในการใช้ชีวิต หาญเป็นคนใจสู้และขยัน ตอนนี้ฐานะของเขามั่นคง ทำฟาร์มจระเข้ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม