หลังจากที่ทำอาหารเย็นเอาไว้แล้วเธอก็รอให้สองพี่น้องมากินด้วยกัน กว่าที่ทั้งสองจะมานั้นก็เกือบจะ 6โมงเย็นแล้ว
“ ทำไม่เพิ่งมากันล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ” ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยถาม
“ พวกเราทำความสะอาดบ้านค่ะ แล้วก็ซักเสื้อผ้าด้วย “
“ อ้อ แบบนั้นพี่ก็สบายใจหน่อย “ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเอาใจตัวเองไปผูกติดกับสองพี่น้องนี้เอาไว้ ทั้งกังวลและเป็นห่วงเป็นไยราวกับว่าตนเองเป็นญาพี่น้องกับเด็กๆก็ไม่ปาน
“ คืนนี้พวกเราจะกลับไปนอนมี่บ้านนะคะ “ เหวินหนวนเอ่ยบอกเธอคิดมาดีแล้วว่าจะไม่เข้ามารบกวนบ้านไป๋มากจนเกินไป นั่นเพราะเมื่อตอนบ่ายเธอถูกป้าสะใภ้บ้านหวังเรียกไปถาม อีกทั้งยังสอนให้เธอกับน้องสาวแอบขโมยอาหารในบ้านไป๋ไปให้พวกเขาที่บ้านด้วย
“ ทำไมล่ะ “ ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยถาม
“ พวกเราโตแล้วค่ะ อีกอย่างรบกวนพี่สาวมากไปไม่ดี อีกหน่อยพี่สาวต้องแต่งงานมีครอบครัว พวกเราเองก็เหมือนกัน และพวกเราก็เป็นคนนอกไม่สมควรที่จะเข้ามาวุ่นวายค่ะ “
“ งั้นหรือ “ ไป๋เฟิ่งจื่อไม่คิดที่จะถามอะไรต่อ เพราะดูจากสีหน้าและแววตาของเหวินหนวนแล้วมันเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ และกังวล ไม่รู้ว่ามีใครพูดอะไรให้เด็กน้อยคนนี้ต้องคิดมากหรือเปล่า แต่ก็นั่นแหละ อีกหน่อยพวกเธอก็ต้องเติบโตขึ้น มีครอบครัวของตนเองในวันหน้าอย่างที่เหวินหนวนบอกนั่นแหละ เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ต่อไปคงเหงาอยู่คนเดียวสินะ
” ถ้าพวกเธอคิดว่าแบบนั้นดีกว่า พี่ก็ไม่ขัดข้องจ้ะ “ ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยบอกหลังจากที่พวกเธอทั้งสามกินอาหารตรงหน้าอิ่มแล้ว และสองพี่น้องเหวินก็ขอล้างถ้วยชามให้เธอเพื่อแลกกับการที่มากินอาหารที่นี่
รุ่งเช้าเธอตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืดและอาบน้ำออกไปรอรถโดยสารตั้งแต่เช้ามืด เพราะต้องการไปจัดเตรียมอาหารที่ชาวบ้านขอให้เธอเป็นคนจัดการซื้อมาขายต่อให้พวกชาวบ้าน
“ ไปแต่เช้าเลยหรอ “ ชาวบ้านที่ตื่นขึ้นมาพอดี มองเห็นแผ่นหลังบอบบางออกจากหมู่บ้านไปรอรถแต่เช้ามืด
“ นั่นสิ อากาศเย็นๆแบบนี้ด้วย คงหนาวน่าดู เฮ้อ !”
ไปเฟิ่งจื่อนั้นเธอไม่ได้สนใจอะไร นอกจากตั้งหน้าตั้งตารอรถโดยสารเพียงคนเดียวที่ริมถนน ไม่นานนักรถก็มาจอดรับและเธอก็มาถึงตลาดในที่สุด …
ไป๋เฟิ่งจื่อเดินผ่านร้านขายรถมอเตอร์ไซค์ เธอจึงหยุดยืนมองรถสามล้อสีแดงที่จอดเด่นเป็นสง่าอยู่ในร้าน ด้วยความคิดที่ว่าหากเธอซื้อรถไว้ใช้เองน่าจะดีกว่าที่จะต้องมาคอยรอรถโดยสารทุกวันแบบนี้
“เถ้าแก่ สามล้อคันนั้นราคาเท่าไหร่คะ “
“ คันนี้เป็นคันสุดท้ายพอดี ถ้าเธอสนใจฉันจะขายให้ราคาพิเศษเลย “
“ ตกลงเท่าไหร่คะ “
“ ไม่แพงๆๆ 800 หยวนเท่านั้น “ ชายแก่พุงพลุ้ยคิดว่าเธอไม่รู้ราคาของรถสามล้อจึงโก่งราคาขึ้นมาอีก 100 หยวน
“ ลดอีกหน่อยได้ไหมคะ “ ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยถาม เธอคิดว่าราคานี้แพงเกินไป ไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ซื้อมัน
“ 780 หยวน ไม่ลดแล้ว “
“ งั้นฉันไม่เอาดีกว่าค่ะ ที่จริงก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้เท่าไหร่ “ เธอเอ่ยก่อนที่จะเดินจากไป แต่ชายแก่กลับคิดว่าเพราะหญิงสาวรู้ว่าราคารถสามล้อคันนี้อยู่ที่ 680 หยวนก็เลยไม่ซื้อ เขาจึงรีบเอ่ยบอกเธอทันที เพราะเกรงว่าเธอจะไปฟ้องร้องที่หน่วย อาจจะทำให้เขาต้องปิดร้านค้าไปเลยก็ได้
” เดี๋ยวก่อน ถ้าเธอสนใจจริงๆ ฉันจะขายให้ 680 หยวน “
“ 650 “ ไป๋เฟิ่งจื่อเข้าใจแล้วว่าตาแก่คนนี้คิดจะโก่งราคาตั้งแต่แรกไม่อย่างนั้นจะยอมลดราคาให้เธอตั้งร้อยหยวนเชียวหรอ !
“ เอ่อราคานี้ ได้ๆ เธอมาเอาไปได้เลย “ ชายแก่ได้แต่กัดฟันขายให้เธอไปโดยที่เขาได้กำไรไม่มากก็อดที่จะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรหญิงสาวตรงหน้า เนื่องจากการแต่งตัวของเธอนั้นไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าหล่อนอาจจะเป็นลูกสาวคนใหญ่คนโตในเมืองนี้ก็ได้
ไป๋เฟิ่งจื่อนั้นไม่สนใจชายแก่ที่เดี๋ยวหน้าดำหน้าแดงอยู่ด้านหลังของเธอ เพราะเธอต้องการที่จะขี่รถสามล้อไปจอดที่ร้านของตนเอง จากนั้นก็ทยอยนำอาหารในมิติออกมาใส่จนเต็มรถสามล้อของตนเอง แล้วขี่มันกลับเข้าไปที่หมู่บ้านในช่วงบ่าย
ชาวบ้านที่นั่งรอต่างก็รีบเข้ามาดูที่รถสามล้อของเธอ ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารที่พวกเขาต้องการ จึงพากันกลับไปเอาเงินที่บ้านของตนเองและออกมารอซื้อของกับเธอ
“ ข้าวสารถุงละ 5 ชั่งค่ะ ถุงละ 3 หยวน เนื้อหมูทุกแบบ ชั่งละ 4หยวน ผลไม้ชั่งละ 2 หยวนค่ะ “ ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยบอกจากนั้นก็รอให้ชาวบ้านมาเลือกซื้ออาหารบนรถของตนเอง เพียงแค่สองชั่วโมงอาหารที่เธอนำมาขายก็หมดเกลี้ยงแล้ว ถือว่าวันนี้เธอได้เงินมาไม่น้อยเลย
“ คุณหนูไป๋ เธอจะเอามาขายให้พวกเราได้อีกวันไหน พวกเราจะได้เตรียมเงินเอาไว้ ขางตามตรง ที่ซื้อไปกินได้แค่ 3-4 วันก็ไม่เหลือแล้ว “ ชาวบ้านเอ่ยถามขึ้น
“ อีกสามวันค่ะ ฉันจะพยายามหามาให้ได้มากกว่าเดิม แต่ไม่รับปากนะคะว่าจะได้มากแค่ไหน “ ไป๋เฟิ่งจื่อเอ่ยบอกออกไป
“ ได้ๆ พวกเราจะรอ “ ชาวบ้านเอ่ยบอกก่อนจะทยอยถือของกลับเข้าบ้านของตนเองไป