ตอนที่ 4 บุคคลในความลับ

2569 คำ
เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งฟังดูคล้ายกับเสียงดนตรีขับกล่อมในยามเช้า ชายหนุ่มปริศนาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่เพราะได้กลิ่นอาหารลอยเข้ามาแตะจมูก ทันทีที่เปิดประตูห้องออกก็พบว่าสองพี่น้องกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปใกล้หม้อใบใหญ่ที่ยังตั้งอยู่บนไฟด้วยความอยากรู้ แต่กลับถูกสายน้ำห้ามไว้เสียก่อน “เดี๋ยวก่อนสิคุณ ไปล้างหน้าล้างตาก่อน” “ออ” เสียงตอบรับมาจากริมฝีปากบางสั้นๆแต่ทำเอาทั้งสายน้ำและสายป่านต่างอ้าปากเหวอออกมาตามๆกันด้วยความตกใจราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง “เมื่อกี้พี่พูดเหรอ” “ออ” ชายหนุ่มตอบกลับไปแต่เพียงสั้นๆก่อนจะตัดบทด้วยการเดินเข้าห้องน้ำไปในทันที “เขาพูดได้นี่พี่ แล้วทำไมเขาไม่ยอมพูดอ่ะ” สายป่านหันไปเอ่ยถามผู้เป็นพี่สาวด้วยความไม่เข้าใจ “จะไปรู้เหรอ มาๆมาช่วยกันตักข้าวนี่ เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน” ข้าวต้มกุ้งร้อนๆถูกตักมาใส่ถ้วยไว้สามถ้วย จากนั้นร่างสูงจึงเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกับสายน้ำ ก้มหน้าตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเงียบๆ ในขณะที่สายป่านยังคงจับจ้องใบหน้าขาวใสของเขาราวกับจะจับผิด จนผู้เป็นพี่สาวขมึงตาใส่ แม่สาวตัวแสบถึงยอมก้มลงตักข้าวใส่ปากตัวเองบ้าง แต่ไม่ทันจะได้กลืนมันลงไป ดวงตากลมโตกลับเหลือบไปเห็นร่างหนึ่งกำลังเดินตรงมาทีบ้านผ่านหน้าต่างบานเล็ก ข้าวต้มที่เพิ่งกลืนลงไปจึงพุ่งออกมาจนสำลักหน้าดำหน้าแดง “แค่กๆๆ” “อะไรของแกเนี่ย จะรีบไปไหนเดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก” สายน้ำค้อนขวับพลางหันไปหยิบแก้วน้ำส่งให้น้องสาว “พ่อ...พ่อกลับมาแล้วพี่” “ฮะ!” และแล้วคนที่เป็นฝ่ายตกใจก็กลายเป็นเธอเสียเอง ร่างเล็กดีดตัวตัวยืนขึ้นอัตโนมัติ มองออกไปนอกหน้าต่างตามที่สายป่านบอก หลังจากเพ่งมองจนแน่ใจแล้วว่าคนที่กำลังย่ำเท้ามาบนผืนทรายนั้นเป็นบิดา หญิงสาวจึงรีบคว้าแขนร่างสูงที่กำลังนั่งกินข้าวหน้าตาเฉยให้ยืนขึ้นแล้วลากให้เขาเดินตามเข้าห้องไปในทันที “คุณอยู่ในห้องนี่ก่อนนะ อย่าออกไปไหน ถ้าพ่อฉันเห็นว่ามีผู้ชายเข้ามาอยู่ในบ้าน พ่อต้องเล่นฉันตายแน่ๆอ่ะ” “...” ถึงแม้จะเสียดายข้าวต้มที่ยังกินค้างอยู่มากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องจำใจพยักหน้าตอบกลับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะลึกๆเองเขาก็ไม่อยากให้ใครรู้อีกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในเกาะแห่งนี้ หลังจากที่จัดการซ่อนตัวพ่อพายุเสร็จ สองพี่น้องจึงแกล้งทำเป็นมานั่งกินข้าวต้มตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งนทีย่างเข้ามาในบ้าน สายป่านจึงแกล้งทำทีเป็นกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจที่เห็นบิดากลับมาถึงบ้าน “พ่อกลับมาแล้ว คิดถึงพ่อจังเลย” สาวน้อยสวมกอดร่างสูงของบิดาอย่างเต็มรัก พลางส่งยิ้มให้พี่สาวอย่างมีเลศนัย “พ่อทานอะไรมาหรือยังคะ น้ำกับป่านกำลังกินข้าวต้ม พ่อมานั่งกินด้วยกันสิคะ” “ทำดีกับพ่อจะเอาอะไรเนี่ย” นทีขมวดคิ้วมองหน้าลูกสาวทั้งสองคนสลับกันไปมาก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเก่าที่พายุเพิ่งจะลุกไป “จะเอาอะไรล่ะคะ เห็นพ่อกลับมาเหนื่อยๆพวกเราก็อยากจะคลายเหนื่อยให้บ้างแค่นั้นเอง” สายป่านยิ้มกริ่ม ก้มลงเก็บกระเป๋าสะพายของบิดาที่วางอยู่บนพื้นไปเก็บไว้ นทีหันไปมองตามร่างนั้นครู่หนึ่งแล้วจึงก้มลงมาสนใจกับถ้วยข้าวต้มตรงหน้าต่อ “อันนี้คงไม่ได้ตักให้พ่อใช่ไหม เพราะดูเหมือนจะมีคนกินไปแล้ว” ผู้เป็นบิดามองถ้วยข้าวต้มตรงหน้าอย่างเพ่งพิจารณา จนสายน้ำอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายเพราะดันลืมเก็บถ้วยของพ่อหนุ่มเจ้าปัญหาไว้ก่อนที่นทีจะกลับมา “อ๋อ อันนี้ถ้วยของพี่สมใจน่ะพ่อ พี่เขาแวะมาคุยด้วยเมื่อตอนเช้าเพิ่งจะกลับไปเมื่อกี้นี่เอง” เป็นครั้งแรกที่สายน้ำอยากจะจับแก้มนุ่มนิ่มซ้ายขวาของน้องสาวเข้ามากอดสักฟอดใหญ่ ที่เจ้าตัวสามารถไหลลื่นไปตามน้ำได้โดยไม่เป็นที่ผิดสังเกตุ “ใช่จ่ะพ่อ มาเดี๋ยวน้ำตักถ้วยใหม่ให้นะคะ” สายน้ำรู้งานรีบตอบรับ น้ำถ้วยใบเก่าไปเก็บแล้วตักถ้วยใหม่มาให้บิดาแทน รู้สึกโล่งอกอย่างบอกมถูกที่นทีไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ ถึงแม้หางตาจะแอบเหลือบมองไปที่ประตูห้องนอนของตัวเองเป็นระยะก็ตาม “เออนี่...อีกกี่วันถึงจะขึ้นไปเรียนล่ะ” ผู้เป็นพ่อเปิดประเด็นพูดคุยบนโต๊ะอาหารขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งเงียบๆกันอยู่นาน “อีกสองอาทิตย์ค่ะพ่อ” “เห็นว่าจะขึ้นไปฝึกงานใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ฝึกงานอีกห้าเดือนก็จบแล้ว” สายน้ำยิ้มตอบ แอบรู้สึกภูมิใจในตัวเองนิดๆที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคร้อยแปดจนจบได้ ถึงแม้ว่าหัวสมองจะไม่ค่อยเก่งด้านภาษาก็ตาม “แล้วจะไปฝึกที่ไหนล่ะ” “หนูยังไม่รู้เลยพ่อ ฝากเพื่อนจัดการให้อยู่ค่ะ” คำถามนี้เธอไม่กล้าตอบบิดาไปตามตรง เพราะถ้าหากนทีรู้ว่าเธอต้องบินไปฝึกงานไกลถึงประเทศ คงไม่ยอมให้ไปแน่ๆ “แล้วทำไมไม่ลงฝึกกับโรงแรมในเครือคุณชาณาทิปเขาล่ะ” “เอ่อ...” สายน้ำเลิกลั่กหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากน้องสาว “ก็ถ้าทำแบบนั้น คนอื่นเขาจะไม่ว่าเป็นเด็กเส้นเหรอพ่อ ให้พี่น้ำเขาลองไปหาประสบการณ์จากที่อื่นดูบ้างสิคะ เผื่อจะนำมาปรับใช้กับรีสอร์ทที่จะสร้างเสร็จนี้ได้” สายป่านจะรู้งานรีบตอบกลับบิดาไปในทันที ถึงเธอจะขี้เกียจเรียนหนังสือให้สูงๆเหมือนพี่สาว แต่เรื่องหัวไวนี่เธอไม่เป็นรองสายน้ำแน่นอน “ใช่ค่ะพ่อ ตอนฝึกภาคฤดูร้อนครั้งก่อนหนูก็ไปฝึกที่โรงแรมคุณชาณาทิปมาแล้ว คราวนี้ให้หนูลองไปหาประสบการณ์ใหม่ๆที่อื่นบ้างนะคะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ” นทีเริ่มถอดใจที่ไม่สามารถโน้มน้าวลูกสาวตัวแสบได้จึงก้มลงตักข้าวต้มทานต่อ “ตามกำหนดพ่อต้องกลับพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมรอบนี้ถึงกลับมาเร็วจัง” “คุณเตมินทร์เขาขอให้พ่อไปช่วยงานที่รีสอร์ทพรุ่งนี้น่ะ วันนี้เขาเลยให้พ่อกลับมานอนพักที่บ้านก่อนสักวัน” “จอมบงการ ชอบสั่งทุกเรื่องเลย อีตานี่” สายป่านคิดแต่ดูเหมือนว่ามันจะดังเกินไปจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆทั้งสองคนจ้องตาเขม็ง “ทำไมไปว่าคุณเตมินทร์แบบนั้นล่ะป่าน ไม่น่ารักเลย” “ก็เขา...” เสียงใสถูกกลืนลงคอไปในทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่สมควรจะบอกความจริงกับบิดาว่าลูกชายเจ้าของเกาะที่นทีนับถือนักหนาเป็นคนขโมยจดหมายรักของเธอไป “ก็หนู...ไม่ชอบหน้าเขานี่คะ” “จะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ควรแสดงออกมาแบบนั้น เพราะถึงยังไงเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อเรา” “รู้แล้วค่ะ ทีหลังหนูจะไม่ทำอีก” สายป่านรับปากแบบขอไปทีจนบิดาส่ายหน้าอย่างเอือมระอา หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ นทีจึงใช้เวลาเกือบทั้งวันไปกับการนอนพักเก็บแรงบนเตียงไม้เล็กๆที่ทำจากไม้ไผ่ตรงห้องรับแขกเพราะพักหลังมานี้เขารู้สึกนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว รู้สึกร้อนรุ่มกลุ้มใจอย่างบอกไม่ถูก สายน้ำจึงทำทีเป็นเข้าออกห้องนอนตัวเองอยู่บ่อยครั้งพร้อมกับข้าวปลาอาหารเต็มมือ โดยอ้างว่าจะช่วยเพื่อนหาที่ฝึกงานอีกแรงจึงไม่อยากให้ใครเข้าไปกวนในห้อง นทีจึงไม่ได้เอะใจอะไร “หิวไหม ฉันเห็นคุณกินข้าวไปได้นิดเดียวเอง” สายน้ำกระซิบถามร่างสูงที่กำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง เขาไม่ตอบแต่เมื่อหันมาเห็นจานข้าวในมือเล็กจึงรีบคว้ามาถือไว้แล้วจัดการกับอาหารในนั้นจนหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาทีเพราะความหิวโหย เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า หมู่เมฆฝนก็เริ่มตั้งเค้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงฟ้าร้องก้องดังเป็นระยะ เมื่อโทรศัพท์มือถือและทีวีไม่ได้ถูกใช้งาน สามคนพ่อลูกต่างแยกย้ายกันไปตามมุมของตัวเอง นทีกำลังง่วนอยู่กับแผนงานก่อสร้างของรีสอร์ทที่เขาจะต้องเข้าไปช่วยเตมินทร์ดูงานในวันพรุ่งนี้ ส่วนสายป่านก็เข้าห้องนอนหลับปุ๋ยไปตั้งแต่หัวค่ำ และคนที่น่าจะมีปัญหาสุดคงจะเป็นร่างเล็กที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงมุมห้องเล็กๆของตัวเองในตอนนี้ สายน้ำนั่งสัปงกอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรดใกล้กับฟูกนอน เพราะเธอออกปากไปแล้วว่าจะให้ชายหนุ่มแปลกหน้านอนพักในห้องของตัวเองส่วนเธอก็หอบผ้าห่มและหมอนไปนอนที่ห้องสายป่านตั้งแต่เมื่อคืนและยังไม่ได้เอากลับมา เพราะบิดานั่งดูงานอยู่หน้าห้องทั้งคืนหลังจากที่นอนพักเก็บแรงไปแล้วในตอนบ่าย ร่างสูงขยับกายไปนั่งใกล้ๆแล้วใช้นิ้วชี้สะกิดต้นแขนเล็กเบาๆ สายน้ำจึงลืมตาขึ้นมองใบหน้าเขาครู่หนึ่งเพราะความง่วงเต็มประดาจึงหาวหวอดออกมาอีกครั้งอย่างลืมอาย “มีอะไรเหรอ” “...” พายุไม่ตอบแต่กลับชี้ไปที่ฟูกซึ่งมีหมอนแค่ใบเดียววางอยู่บนนั้นเพื่อให้เธอขึ้นไปนอน แต่สายน้ำกลับปฏิเสธ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันรอให้พ่อหลับก่อนแล้วค่อยย่องไปนอนที่ห้องสายป่านก็ได้” สายน้ำตอบกลับไปตามแผนที่คิดไว้แล้วเพราะถ้านทีรู้ว่าเธอไม่ได้นอนห้องตัวเองคงต้องสงสัยอีกเป็นแน่ “...” ร่างสูงส่ายหน้าพัลวันก่อนจะถือวิสาสะลากแขนเล็กให้ไปนอน “ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง ฉันบอกคุณไปแล้วว่าจะให้คุณนอนที่นี่จะให้ฉันกลืนน้ำลายตัวเองได้ไงเล่า” ร่างบางค้อนขวับแต่เขากลับไม่ยอมฟัง มือหนายังคงออกแรงฉุดแขนของเธอจนเกิดสงครามขนาดย่อมขึ้นภายในห้อง เพล้ง! เสียงแจกันใบเล็กตกลงมากระแทกพื้นเสียงดังเพราะหญิงสาวพยายามสะบัดแขนเขาออกจนมือไปโดนมันเข้าเต็มแรง แม้จะได้ยินเสียงฝนตกจากภายนอกแต่มันก็ดังมากพอที่จะทำให้คนที่อยู่ข้างนอกได้ยิน “น้ำ...เป็นอะไรหรือเปล่าลูก พ่อได้ยินเสียงของตก” บิดาตะโกนถามจากหน้าประตูห้อง สายน้ำหน้าตาตื่นก่อนจะพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติตอบกลับไป “ไม่มีอะไรค่ะพ่อ น้ำซุ่มซ่ามทำของตกเองจ่ะ” “ให้พ่อเข้าไปช่วยเก็บไหม” “มะ...ไม่...ไม่เป็นไรค่ะพ่อ น้ำจัดการเองได้” “แน่ใจนะ...” “ค่ะพ่อ” เสียงบิดาเงียบหายไปแล้ว ร่างบางจึงหันมาค้อนขวับคนที่เป็นต้นเหตุทันที “เห็นไหม คุณทำพ่อฉันสงสัยแล้ว” ร่างเล็กทำแก้มป่องอย่างนึกขัดใจ แต่อีกคนกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าหวานของหญิงสาวนิ่ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กระตุกตรงมุมปากครู่หนึ่งพร้อมกับมือหนาที่เลื่อนไปแตะแก้มใสนั้นแผ่วเบา แค่เสี้ยววินาทีร่างเล็กจึงหลับตาพริ้มหมดสติไปในอ้อมกอดของเขาอย่างง่ายดาย อ้อมแขนแข็งแร็งโอบกอดร่างเล็กไว้อย่างโหยหา มือหนาเลื่อนขึ้นไปปัดปอยผมที่ยุ่งเหยิงปิดหน้าหวานนั้นออกอย่างเบามือ ดวงตากลมโตที่มองค้อนเขาเมื่อครู่ปิดลงจนเห็นขนตาเรียงหนาต่อกันเป็นแพ จมูกเล็กจิ้มลิ้มรับกับริมฝีปากบางรูปกระจับสีชมพูระเรื่อนั้นอย่างลงตัว ร่างสูงยกยิ้มมองคนในอ้อมกอดหลับใหลอย่างไม่วางตา ต่อให้ผ่านมานานหลายร้อยปี สตรีตรงหน้าก็ยังงดงามเสมอไม่เคยเปลี่ยน อุตส่าห์ดั้นด้นออกตามหามานานคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าพรหมลิขิตจะนำพาเขาให้มาเจอกับเธอจนได้ “ซองอึนนา...” เขาพึมพำเรียกชื่อเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลางลูบไล้ใบหน้าหวานอย่างเต็มรัก คนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังฝันดี เสียงฝีเท้าย่ำไปมาอยู่หน้าห้องก่อนที่ไฟทุกดวงในบ้านจะถูกดับลง ชายหนุ่มมองลอดออกไปผ่านช่องว่างใต้ประตูแล้วขบกรามแน่น ทั้งที่ในใจอยากจะออกไปหาเจ้าของบ้านหลังนี้ใจจะขาดว่าเหตุใดถึงต้องผิดคำพูดกับเขาด้วย แต่เมื่อหันมาเห็นร่างน้อยๆในอ้อมกอดความคิดนั้นจึงหายไปในทันที เพราะถ้าหากเขาวู่วาม ทำอะไรใจร้อนเกินไป เวลาที่เขารอคอยมาหลายปีก็จะต้องสูญเปล่า คิดแล้วร่างใหญ่จึงออกแรงโอบอุ้มหญิงสาวในอ้อมกอดไปวางไว้บนฟูกนอนหนานุ่มของเธออย่างเบามือ จากนั้นจึงยกมือขึ้นดีดนิ้วแค่หนึ่งครั้งไฟในห้องจึงถูกปิดลงเหลือเพียงแค่แสงวูบวาบจากฟากฟ้าส่องเข้ามาผ่านช่องไม้เป็นระยะเท่านั้น หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาจึงตัดสินใจกระตุกสร้อยคอของตัวเองให้หลุดออกมาอีกครั้ง ก่อนที่ดวงตาสีแดงเพลิงและเส้นเลือดสีแดงเข้มตรงลำคอหนาจะปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แต่เมื่อประสาทการได้กลิ่นที่เป็นเลิศรับรู้ถึงกลิ่นกายอ่อนๆของแม่สาวน้อยที่นอนอยู่ตรงหน้า สีของนัยน์ตาจึงค่อยๆแปรเปลี่ยนกลับเป็นสีอำพันตามเดิมเช่นเดียวกับร่องรอยแปลกประหลาดบนคอที่หายไปเช่นเดียวกัน เหตุการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ทว่ามันกลับสร้างความพอใจให้กับร่างสูงไม่น้อย ชายหนุ่มก้มลงมองจี้สีสวยซึ่งมีแหวนเงินคล้องอยู่ข้างกันสลับกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับฝันดีบนที่นอน ก่อนจะก้มลงจุมพิตแผ่วเบาบนหน้าผากกลมกลึงนั้นเพื่อจะแสดงความเป็นเจ้าของ ถึงเวลาแล้วสินะที่เขาจะมอบแหวนวงนี้ให้กับหญิงสาวที่เขารอคอยมานานหลายร้อยปี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม