แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านม่านสีฟ้าครามคล้ายสีของน้ำทะเล ร่างเล็กพลิกตัวตื่นจากฝันหวานก่อนจะหรี่ตามองไปรอบกายเพื่อมองหาร่างสูงที่ฉุดกระชากลากถูกับเธอทั้งคืนจนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน
มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาตัวเองแรงๆอีกครั้งเมื่อพยายามมองไปรอบๆกลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า แจกันดอกไม้ที่เธอจำได้ว่ามันหล่นแตกไปแล้วเมื่อคืนกลับตั้งตระหง่านเช่นเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พบแม้แต่เงาของชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอพาเข้ามารักษาตัวในบ้านแต่อย่างใด
ก๊อกๆๆ
“พี่น้ำ พี่น้ำ ตื่นยังเนี่ย”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นตามมาด้วยเสียงแหลมเล็กของน้องสาวกำลังยืนเรียกอยู่หน้าห้อง ทำให้สายน้ำละสายตาจากแจกันบนโต๊ะ ปรี่ไปที่ประตูห้องทันที ไม่แน่สายป่านอาจจะรู้ก็ได้ว่าชายหนุ่มหายไปไหน
“ป่าน ป่านเห็นพายุไหม” ประตูถูกเปิดออกไปไม่ทันที่สายป่านจะเอ่ยเรียกอีกครั้ง ผู้เป็นพี่กลับยิงคำถามออกไปเสียก่อน
“เห็นสิพี่...ทำไมถามแปลกๆ”
“เขาอยู่ไหน พี่หาเขาจนทั่วห้องแล้วแต่ไม่เจอ”
“อะไรพี่ เขาไหน ก็พายุมันก็มาเกือบทุกวันไม่ใช่รึไง พี่นี่น่าจะเป็นเอามากแฮะ” คำตอบของสายป่านทำเอาร่างเล็กนิ่งงันไปชั่วครู่ พยายามคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนอีกครั้ง
“พี่หมายถึงผู้ชายที่พี่พามาจากชายหาด ที่พี่บอกว่าเขาน่าจะถูกพายุซัดเข้ามาติดเกาะนี่ต่างหาก”
“หือ...ผู้ชายที่ไหนกันพี่ มีแต่พ่อนี่แหละที่เพิ่งกลับมาเมื่อวาน”
“ป่าน พี่ไม่ตลกด้วยนะ เราก็เห็นว่าเขามานั่งทานข้าวกับเราอยู่ก่อนที่พ่อจะกลับมาไง”
“หนูว่าพี่นั่นแหละตลก ที่นี่มันเกาะส่วนตัวนะพี่ คนแปลกหน้าที่ไหนจะขึ้นมาได้ พูดเป็นตุเป็นตะ หนูว่าพี่ต้องฝันไปมากกว่า” สายป่านตอบด้วยสีหน้าจริงจัง จ้องมองพี่สาวราวกับกำลังจับผิดก่อนจะยื่นมือไปแตะหน้าผากสายน้ำดูว่ามีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า ถึงได้พูดจาเลื่อนเปื้อนแบบนี้ไปได้ “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่...”
“นี่มันเรื่องอะไรกันทำไมป่านถึงจำเขาไม่ได้” หญิงสาวสะบัดมือที่อังหน้าผากตัวเองเบาๆ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่บนนิ้วนางด้านซ้ายกลับทำให้สายป่านเป็นฝ่ายอ้าปากเหวอตกใจเสียเอง
“โห พี่น้ำ...ใครให้แหวนพี่อ่ะ สวยจัง” มือเล็กๆเอื้อมไปจับมือของสายน้ำขึ้นมาดูด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม “เมื่อวานหนูยังไม่เห็นพี่ใส่เลย”
“นั่นน่ะสิ แหวนใคร มาอยู่ที่มือพี่ได้ไง” ดวงหน้าหวานก้มลงมองแหวนเงินตรงนิ้วของตัวเองด้วยความรู้สึกสับสน ก่อนที่สมองจะสั่งงานให้เธอออกมันออกในทันที แต่ทว่าพยายามถอดเท่าไหร่ก็ถอดไม่ออก
“จะถอดทำไมล่ะพี่ สวยดีออก” สายป่านยกมือพี่สาวขึ้น จนแสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาปะทะกับเรือนแหวนเกิดเป็นแสงกระทบดูสวยงามแปลกตา
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน แหวนนี่มาได้ไงแล้วทำไมป่านถึงจำพายุไม่ได้ ทั้งๆที่เราสองคนเป็นคนตั้งชื่อใหม่ให้เขาเองนะ”
“โอ๊ยพี่น้ำ หนูว่าพี่น่าจะนอนหลับแล้วฝันไปจนเก็บมาพูดเป็นตุเป็นตะมากกว่านะพี่”
“พี่ไม่ได้ฝัน...”
“โอเค โอเค ไม่ฝันก็ไม่ฝัน ป่านแค่จะมาถามพี่ว่าพี่เอาหมอนกับตุ๊กตาเน่าไปไว้ในห้องป่านตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ ปกติพี่ติดตุ๊กตาเน่าพี่มากไม่ใช่เหรอ” สายป่านเอ่ยถามพี่สาวพลางเกาหัวแกรกๆ
“ก็พี่ไปนอนกับแกคืนก่อนไง”
“ไปตอนไหน ทำไมป่านจำไม่ได้ แล้วทำไมต้องไปนอนห้องป่านล่ะ ห้องพี่ฝนตกหลังคารั่วเหรอ”
“ก็พายุ...”
“น้ำๆ” เสียงบิดาเอ่ยเรียก ทำให้บทสนทนาของสองพี่น้องถูกตัดลงเพียงแค่นั้น ก่อนที่ร่างบางจะเดินตามเสียงเรียกของบิดาไป
“คะพ่อ เรียกน้ำมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“มาช่วยพ่อหาเสื้อยืดหน่อยสิ พ่อจำได้ว่าพ่อถอดไว้ในตู้นี้ว่าจะจัดกระเป๋าไปรีสอร์ท แต่หายังไงก็หาไม่เจอ”
สายน้ำนิ่งเงียบเพราะนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นคนหยิบเสื้อยืดตัวนั้นให้ชายหนุ่มแปลกหน้าใส่เมื่อวันก่อน จึงทำทีแกล้งช่วยบิดาหาอีกแรงเพื่อไม่ให้นทีรู้ว่าเธอกำลังมีพิรุทธ์ จนกระทั่งสายป่านเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับเสื้อยืดตัวโปรดและกางเกงฮังเลสีเข้มในมือ
“นี่ไงพ่อ พ่อไปพับไว้ตรงโต๊ะกินข้าวเองนี่ แก่แล้วเริ่มเลอะเลือนนะคะเนี่ย” สายป่านยิ้มร่าพลางนำเสื้อในมือพับใส่ในกระเป๋าสะพายใบเก่าของบิดา
“พ่อไปวางไว้ตอนไหน ทำไมนึกไม่ออก”
“ก็เพราะว่าพ่อแก่แล้วไงล่ะคะ”
สายน้ำมองน้องสาวและบิดาพูดคุยหยอกล้อกันไปมาด้วความสับสนวุ่นวายตีกันจนประติดประต่อเรื่องราวไม่ถูก ก่อนที่สมองจะสั่งการให้เธอเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งเพื่อค้นหาเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีดำของชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอซักทำความสะอาดและเก็บมันไว้ในตู้
“เสื้อผ้าก็หายไป นี่มันเรื่องอะไรกัน...” เสียงใสพึมพำไปกับสายลมพลางก้มลงมองแหวนเงินตรงนิ้วมืออีกครั้ง พยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้ฝันไปแน่ๆ แล้วทำไมสายป่านถึงจำไม่ได้ล่ะ “โอ้ย! หรือว่าฉันจะโดนผีหลอก...ไม่น่าใช่”
“เป็นอะไรไปน้ำ ไม่สบายหรือเปล่า” เสียงบิดาเอ่ยถามหลังจากที่จะเดินมากล่าวลาเพื่อจะไปดูงานอีกเกาะหนึ่งแล้วพบว่าลูกสาวกำลังนั่งกุมขมับอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง
“เอ่อ...คือ...น้ำ...”
“พี่น้ำเขาคงกำลังกลุ้มใจเรื่องที่ฝึกงานอยู่น่ะพ่อ” คนที่หัวไวกว่าเป็นฝ่ายตอบแทน “พ่อรีบไปขึ้นเรือก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณเตมินทร์จอมบงการจะไม่พอใจ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“ค่ะพ่อ” สายน้ำอือออตอบไป
“งั้นพ่อไปก่อนนะ” นทีไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ร่างสูงลูบศีรษะเล็กของลูกสาวอย่างรักใคร่แล้วจึงหันหลังเดินออกจากห้องไป โดยมีสายป่านเป็นคนอาสาเดินไปส่งบิดาถึงท่าเรือ
เมื่อสบโอกาสอยู่ตามลำพัง หญิงสาวจึงพยายามเดินหาชายหนุ่มปริศนาจนทั่วบ้านอีกครั้งแต่ก็ยังคงไร้วี่แววตามเดิม
“แปลก...เราไม่ได้ฝันไปแน่” สายน้ำกุมขมับ จ้องมองแหวนปริศนาตรงนิ้วนางอีกครั้งอย่างคนใช้ความคิด เหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่เธอไปเจอเขานอนหมดสติที่ชายหาดแล้วพากลับมาที่บ้าน หุงหาอาหารให้กิน เอาเสื้อผ้าบิดามาให้เปลี่ยนมันยังติดตรึงอยู่ในหัว เธอไม่ได้ฝันไปแน่ “แล้วทำไมสายป่านถึงจำไม่ได้”
“พี่บ่นอะไรคนเดียวอีกแล้วเนี่ย” คนที่สายน้ำกำลังบ่นถึงชะโงกหน้าเข้ามาในห้องหลังจากที่ไปส่งนทีขึ้นเรือข้ามฝั่งไปเรียบร้อย
“ป่าน...มาพอดีเลย” ร่างบางถลาไปที่ประตูห้องเอ่ยถามน้องสาวให้แน่ใจอีกครั้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า “ป่านจำพายุไม่ได้จริงๆเหรอ”
“เอาอีกละ ถามหาพายุอีกละ เห็นคนทีท่าเรือเขาคุยกันว่าวันนี้พายุคงไม่เข้าแล้วมั้งพี่”
“ป่าน พี่ไม่ได้หมายถึงพายุแบบนั้น พี่หมายถึงผู้ชายที่ตัวสูงๆหน้าตาเหมือนคนจีน ที่เขาไม่ยอมพูดไง ป่านเป็นคนช่วยพี่ทำข้าวต้มให้เขาเมื่อวานเองจำไม่ได้เหรอ”
“โอ๊ะ! จริงด้วย พูดถึงข้าวต้มแล้วหิวขึ้นมาทันที พี่รีบไปอาบน้ำเหอะละมาทำข้าวต้มกุ้งให้หนูที หิวจะแย่อยู่แล้ว” สายป่านตัดบทเสร็จสรรพจึงเดินเข้าห้องไปก่อนจะออกมาอีกครั้งพร้อมกับหมอนใบใหญ่และตุ๊กตาหมูกระต่ายมอมแมมตัวโปรดของพี่สาว “อ่ะ เอาหมอนเน่าของพี่คืนไปด้วย”
สายน้ำรับสัมภาระของตัวเองมาถือไว้ มองตามแผ่นหลังของน้องสาวที่เดินหายเข้าไปในครัวด้วยความรู้สึกสับสนที่ตีกันมั่วไปหมด
“คุณเป็นใครกันแน่...พายุ”