วันเวลาผ่านไปพร้อมกับลมมรสุมที่พัดขึ้นฝั่งทางภาคใต้ ชาณาทิปเดินทางมาที่เกาะเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของรีสอร์ทอีกครั้งโดยที่คุณหญิงพิมพ์พาไม่ได้มาด้วย หลังจากเสร็จภารกิจที่รีสอร์ทจึงพากันกลับมาที่เรือนใหญ่เพื่อร่วมทานอาหารและพูดคุยกันเรื่องแผนการก่อสร้างของรีสอร์ทกันต่อโดยมีนที ตะวัน และพนักงานส่วนหนึ่งร่วมโต๊ะด้วย
สายน้ำหมกตัวอยู่แต่ในครัวเกือบทั้งวันเพราะต้องช่วยสมใจเตรียมข้าวปลาอาหารชุดใหญ่ ส่วนสายป่านซึ่งไม่มีฝีมือด้านนี้เท่าไหร่นักจึงอาสาเป็นคนช่วยยกอาหารไปเสิร์ฟให้ เพราะจะได้ถือโอกาสนี้ใกล้ชิดกับตะวันหัวหน้าคุมงานก่อสร้างไปด้วยในตัว โดยมีสายตาอำมหิตจากร่างสูงข้างๆชาณาทิปส่งมาเป็นระยะแต่เธอก็หาได้สะทกสะท้านแต่อย่างใดไม่
“พี่ตะวันดื่มน้ำอัดลมดีกว่านะคะ ของมึนเมามันไม่ดีต่อสุขภาพ”
“ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มพลางรับแก้วน้ำอัดลมจากสายป่านขึ้นมาจิบ สายป่านยกยิ้มด้วยความปลื้มปริ่มแล้วจึงเดินหายเข้าไปในครัวเพื่อช่วยยกสำรับ
อาหารมากมายถูกลำเลียงมาวางไว้บนโต๊ะใหญ่ใต้ต้นไม้ริมหาดส่งกลิ่นหอมชวนน่ารับประทาน แต่น่าแปลกที่เตมินทร์แทบไม่แตะมันเลยจนบิดาต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรล่ะ พ่อเห็นแกกินน้อยมาก อาหารไม่ถูกปากรึไง”
“เปล่าครับพ่อ ผมเพิ่งทานไปตอนบ่ายน่ะครับ ยังอิ่มอยู่เลยทานไม่ค่อยได้” พูดจบจึงหยิบแก้วไวน์สีสวยขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด สายป่านแอบมองท่าทีของเขาแล้วแบะปากด้วยความหมั่นไส้ ทำไมถึงได้เกลียดขี้หน้าผู้ชายคนนี้หนักหนาก็ไม่รู้
“เออ แล้วไหนหนูน้ำล่ะ กลับมาเกือบเดือนยังไม่เจอหน้ากันเลย” ชาณาทิปหันไปเอ่ยถามนที
“เดี๋ยวป่านไปตามให้ค่ะ” สายป่านที่ยืนอยู่ใกล้ๆจึงอาสาไปตามพี่สาวออกมาพบประมุขของเกาะในทันที
เพียงชั่วครู่ร่างบางจึงปรากฏตัวขึ้น ถึงแม้ผมเผ้าจะดูยุ่งเหยิงเพราะหมกตัวอยู่แต่ในครัวทั้งวันแต่ใบหน้าหวานนั้นยังคงขาวใสเสมอไม่เคยเปลี่ยนแม้จะมองยังไงก็ไม่ใกล้เคียงกับสายป่านผู้เป็นน้องสาวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบนเกาะแห่งนี้คงจะมีแต่สองพี่น้องนี่แหละกระมังที่หน้าตาและผิวพรรณไม่ได้ติดมาทางใต้เลยสักนิด สายป่านแม้จะมีผิวขาวแต่ก็ดูสวยเข้มกว่าพี่สาวที่ออกไปแนวไปทางสาวหมวยเสียมากกว่า
“อ่ะ มาพอดีเลย ไหว้คุณท่านเขาสิ” นทีเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรหรอก ยังไงซะเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว อย่าถือชนชั้นกันเลยนะ” น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความเมตตาเช่นเดียวกับสีหน้าและรอยยิ้มตอบไปตามความรู้สึก เขาไม่เคยคิดว่าพนักงานบนเกาะแห่งนี้จะเป็นคนอื่นเลยด้วยซ้ำ เมื่อร่างบางทิ้งตัวนั่งลงเคียงข้างบิดามือหนาจึงเลื่อนไปลูบศีรษะเล็กอย่างนึกเอ็นดูเหมือนเธอเป็นลูกสาวอีกคน
“น้ำต้องขอโทษคุณท่านด้วยนะคะที่ไม่ได้มาต้อนรับตั้งแต่วันแรก”
“ต้อนรับอะไรกันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบพิธีรีตอง แล้วนี่ใกล้จะจบแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เหลือแค่ฝึกงานแล้วก็เรียนเสริมอีกสองสามวิชาก็จบค่ะ” สายน้ำหลบตาตอบ เธอไม่อยากใช้คำพูดตรงว่าเรียนเสริมของเธอหมายถึงการเรียนแก้เอฟและไอที่ติดอยู่อีกหลายตัว
“หาที่ฝึกงานไว้แล้วเหรอ ทำไมไม่บอกพี่เตล่ะให้เขาฝากงานที่รีสอร์สาขาอื่นให้”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยากลองไปหาประสบการณ์ที่อื่นดูบ้างน่ะค่ะ” เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวไม่กล้าตอบไปตามความจริงว่าเพื่อนสนิทชักชวนไปฝึกงานไกลถึงต่างประเทศ
“อืม แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน ลองเรียนรู้งานจากที่อื่นดูเผื่อจะเป็นประโยชน์จะได้นำมาปรับใช้กับรีสอร์ทที่กำลังจะสร้างเสร็จ...แล้วจะไปฝึกที่ไหนล่ะ”
“เอ่อ...” สายน้ำก้มหน้างุด เพราะไม่รู้จะตอบชาณาทิปไปยังไง ครั้นจะบอกไปตามความจริง บิดาที่นั่งฟังอยู่ใกล้ๆก็คงต้องรู้แน่ๆ
“ยังหาไม่ได้สินะ ไม่เป็นไรลองหาไปก่อนถ้ายังไม่ได้จริงก็ขอให้บอกจะให้เจ้าเตมันหาที่ลงให้”
“ขอบคุณคุณท่านมากนะคะที่เมตตาน้ำ” สายน้ำพุ่มมือไหว้ชาณาทิปอีกครั้งอย่างสำนึกในบุญคุณ แม้จะแอบรู้สึกผิดอยู่ลึกๆที่ตนไม่ได้ฉลาดปราดเปรื่องจนคว้าเกีรยตินิยมมาได้เหมือนคนอื่นเขา
สายป่านแอบมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังสนใจกับการสนทนาของพี่สาว ร่างเล็กจึงค่อยๆย่องหายเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะตรงดิ่งไปที่ชั้นสองเพื่อตามหาสิ่งของที่ถูกขโมยไปอีกครั้งในทันที โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเจ้าของห้องมองเห็นท่าทีทุกอย่างของเธอ
“เดี๋ยวผมมานะครับ” ร่างสูงหันไปขอตัวกับบิดาและคนอื่นที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจากนั้นจึงหยิบแก้วไวน์กรอกเข้าปากอีกครั้ง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้านอีกคน
เสียงกุกกักดังอยู่ในห้องแต่งตัวในขณะที่เจ้าของห้องค่อยๆปิดล็อคประตุอย่างเบามือที่สุดเพื่อไม่ให้ไก่ตื่น
“อีตานั่นไปเก็บไว้ไหนนะ”
“หาเจอรึยัง” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามอยู่ตรงหน้าประตูโดยที่คนถูกถามยังไม่ทันได้ตั้งหลักจึงตอบกลับไปในทันทีด้วยความลืมตัว
“ยังอ่ะดิ...โอ๊ะ!” ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังเข้ามาเยือน
คลิ๊ก!
เสียงล็อคประตูห้องแต่งตัวดังขึ้นในขณะที่ร่างเล็กยังคงนั่งนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม จากนั้นเสียงเท้าจึงดังขึ้นช้าๆกระทั่งสัมผัสได้ว่ามันมาหยุดอยู่ด้านหลัง ร่างเล็กกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแล้วรีบดีดตัวยืนขึ้นด้วยความไวแสง
“คุณ ไม่อยู่สังสรรค์กับพ่อคุณเหรอ ขะ...ขึ้น มาทำไม” รู้สึกราวกับคอแห้งผากเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ยิ่งได้มองสายตาคู่คมที่จ้องมองมาราวกับจะแผดเผานั่นแล้ว ความกล้าที่แสดงออกมาก่อนหน้าที่โต๊ะอาหารกลับมลายหายไปจนหมดสิ้น
“...” เตมินทร์ไม่ตอบแต่กลับย่างสามขุมไปหาร่างนั้นช้าๆ สมองจึงสั่งการให้เธอก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติในทันที กระทั่งแผ่นหลังเล็กแนบชิดกับกระจกบานใหญ่
“ฉะ...ฉันกำลังออกไปแล้ว ขอตัว...”
“เธอแอบเข้ามาในห้องของฉันถึงสองครั้งแล้ว คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆอีกรึไง ต่อให้เท้าเธอหายดีเป็นปลิดทิ้งแล้วก็เถอะ คราวนี้เธอไม่หลุดมือฉันแน่” ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปาก ก้าวเข้าไปหาร่างเล็กของสายป่านช้าๆ
“จะทำอะไร อย่าเข้ามานะ” ริมฝีปากเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ท่าทางของเขาดูราวกับสัตว์ร้ายหมายเอาชีวิตก็มิปาน
“ตอนอยู่ข้างล่าง อย่านึกว่าฉันไม่เห็นว่าเธออ่อยไอ้ตะวันนั่น แล้วทำไมตอนนี้ถึงทำตัวยังกับไม่เคยผ่านผู้ชายมาล่ะ”
“อย่านะ ฉันไม่เล่นแล้ว ถอยไปฉันจะลงไปช่วยพี่น้ำ” มือเล็กออกแรงผลักร่างใหญ่ของเขาออกไปให้พ้นทางแต่มันก็เปล่าประโยชน์เพราะขนาดตัวที่ต่างกันลิบลับ
“จะลงไปช่วยสายน้ำหรือจะลงไปอ่อยไอ้ตะวันกันแน่”
“ฉันจะอ่อยใครมันก็เรื่องของฉัน ไม่เห็นเกี่ยวกับคุณเลยสักนิด”
“แก่แดด!”
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันแก่แดด” ดวงตากลมโตค้อนขวับ แม้ตัวเธอจะเล็กกว่าเขาแต่ใช่ว่าเธอจะยอมให้เขารังแกง่ายๆหรอกนะ
“งั้นเหรอ...พิสูจน์สิ ทำให้ฉันดูหน่อยว่าเธอไม่ใช่เด็ก” ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับลูกเสี้ยวทางยุโรปโน้มใบหน้าลงไปหาร่างเล็กช้าอย่างท้าทายจนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงกับกลิ่นไลน์จากกายเขา คำพูดสบประมาทของเขาทำให้สติของสายป่านขาดสะบั้นไปชั่วขณะ
หญิงสาวกัดฟันกรอดด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่กำลังประทุเงยหน้าจ้องมองเขากลับไปอย่างไม่นึกเกรง
“ว่าไงล่ะ พิสูจน์ได้ไหม...” คำพูดนั้นเงียบหายไปในทันทีเมื่อแขนเรียวโอบลำคอหนาของเขาเอาไว้ก่อนจะรั้งให้ใบหน้านั้นเข้ามาใกล้อีกนิดแล้วตัดสินใจเขย่งปลายเท้าเพื่อใช้ปากตัวเองประกบจูบริมฝีปากบางของชายหนุ่มเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว จนคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเบิกตาโตด้วยความตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าแม้สาวน้อยที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กจะใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้
เด็กกว่าแล้วไงล่ะ...ในเมื่อหญิงสาวเป็นคนเริ่มก่อนเองนี่ มีเหรอที่เสือผู้หญิงอย่างเขาจะไม่สนอง มือหนาโอบกระจับเอวบางให้เข้ามาแนบกายในขณะที่อีกมือจับศรีษะเล็กไว้ก่อนจะแสดงให้สายป่านดูว่าปรมาจารย์การจูบเขาทำกันอย่างไร
ลิ้นหนาบุกเข้าไปควานหาความหอมหวานภายในช่องปากเล็กอย่างช่ำชอง จนคนที่ทำได้เพียงการเอาปากแตะๆกันเมื่อครู่รู้สึกคล้อยตามอารมณ์เขาไปชั่วขณะ เมื่อตั้งสติได้จึงพยายามผลักร่างใหญ่ให้ออกห่างในทันที แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ให้ความร่วมมือแม้ร่างเล็กจะเริ่มผลักไสแต่ไฟในกายที่ประทุขึ้นก็มิอาจจะหยุดได้อีกต่อไป
เตมินทร์ออกแรงโอบอุ้มร่างนั้นให้ลอยติดมือมาอย่างง่ายดายจากนั้นจึงวางร่างนั้นลงบนโต๊ะหน้ากระจกอีกด้านนึงของห้องทั้งๆที่ยังไม่ปล่อยให้ริมฝีปากเล็กเป็นอิสระ เมื่อวางร่างนั้นได้ถูกตำแหน่งเหมาะสมแล้วมือหนาจึงเริ่มทำงานต่อด้วยการเลิกชายเสื้อยืดสีสวยขึ้นก่อนจะลูบไล้ไปตามเอวคอดลากไปจนถึงแผ่นหลังเนียน และเป้าหมายต่อไปที่เขาจะทำการสำรวจนั่นก็คือประทุมถันคู่งาม
“อื้อ” ไม่ทันที่มือหนาจะได้สัมผัสโดนส่วนสำคัญ สายป่านก็เริ่มประท้วงขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เขายอมละจากริมฝีปากแล้วจูบลากไซ้ไปตามลำคอขาวระหงนั้นแทน จนในที่สุดเจ้าของเรือนร่างจึงต้องติดสินใจยอมแพ้เขาอย่างสิโรราบ “พะ...พอได้แล้ว ฉันยอมแล้ว”
“หือ” เสียงครางในลำคอดังขึ้นเมื่อถูกขัดจังหวะ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องมองอีกคนทันทีด้วยความไม่เข้าใจ
“ฉันแค่จะเอาชนะคุณแค่นั้นเอง...ฉันคิดว่าคุณไม่...” หญิงสาวก้มหนาหลุบตาตอบเสียงอ่อน ทั้งๆที่ยังนั่งอยู่บนโต๊ะ ขาเรียวอ้าออกกว้างโดยมีร่างสูงของคนที่เธอชังน้ำหน้ายืนอยู่ตรงกลาง
“เธอหมายความว่าไง”
“ฉันแค่อยากแสดงให้คุณรู้ว่าฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วก็เท่านั้นเอง” มือเล็กเลื่อนขึ้นมาเช็ดปากตัวเองป้อยๆ รู้สึกได้ถึงรสข่มเฝื่อนของไวน์ราคาแพงที่เขาดื่ม
“โอเค ฉันเชื่อแล้ว...งั้นเรามาทำให้จบดีกว่าไหม” เขาเอ่ยขึ้นเสียงแหบพร่าราวกับจะอ้อนวอนให้แม่สาวน้อยช่วยดับไฟในกายให้ แต่สายป่านกลับไม่เห็นด้วย
“ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ คิดว่าเป็นเจ้านายแล้วจะมาข่มขู่คนอื่นเขาแบบนี้ได้เหรอ”
“ไม่ได้ข่มขู่สักหน่อย ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อกี้เธอเป็นคนเริ่มก่อนเอง ฉันก็แค่ตามน้ำ จะว่าไปจูบของเธอเมื่อกี้มันจืดชืดไปหน่อยอ่ะ คงมัดใจไอ้ตะวันไม่ได้หรอก...มาเดี๋ยวฉันสอนให้”
“ทุเรศ!”
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าคมคร้ามของเขาจนมันหันไปตามแรงเหวี่ยง เตมินทร์ขบกรามแน่นแล้วจึงหันมาจับใบหน้าหวานของสายป่านไว้ก่อนจะก้มลงปิดปากเล้กนั้นไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้หวานละมุนเหมือนครั้งก่อน
“อื้อ!” ต่อให้พยายามดิ้นหนีแค่ไหน ก็คงไม่สามารถหยุดซาตานร้ายอย่างเขาได้ หญิงสาวจึงต้องยอมให้เขาเอาเปรียบได้ตามสบายจนกว่าเขาจะพอใจ แอบรู้สึกผิดลึกๆที่เธอตัดสินใจขึ้นมาจดหมายในห้องของเขาเพียงเพราะอยากสารภาพความในใจกับคนที่เธอรักในคืนนี้ก็เท่านั้นเอง
ก๊อกๆๆ
“คุณเตคะ คุณเต! คุณท่านให้มาตามค่ะ”
เสียงสมใจดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ประหนึ่งเสียงระฆังดังช่วยชีวิต เมื่อสบโอกาสร่างเล็กจึงผลักเขาออกไปจนพ้นทางแล้วจึงดีดตัวยืนขึ้นจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเปิดประตูห้องแต่งตัวไปยืนเงี่ยหูฟังที่ประตูห้องใหญ่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าสมใจไม่ได้อยู่หน้าห้องแล้ว เธอถึงจะออกไปได้
“คุณเต อยู่ในห้องหรือเปล่าคะ” ไม่ทันที่มือเล็กจะเลื่อนไปเปืดประตู เสียงสมใจก็ดังขึ้นอีกครั้งจนสายป่านต้องชักมือหนี ร่างสูงที่เดินตามออกมายืนอยู่ข้างหลังจึงเป็นฝ่ายตะโกนตอบกลับไปแทน
“ไปบอกคุณพ่อนะ ว่าเดี๋ยวฉันลงไป”
“ค่ะ ได้ค่ะ” สมใจตอบรับก่อนที่หน้าห้องจะมีแต่ความเงียบ ร่างบางแนบหูกับบานประตูอีกครั้งจนแน่ใจแล้วว่าไม่ใครอยู่ จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปทันที แต่กลับถูกมือหนาคว้าตัวไว้ได้เสียก่อน
“ไว้วันหลัง เรามาต่อกันใหม่นะ”
“ได้สิคะ”
ผั๊วะ!
หญิงสาวหันกลับมาตอบเสียงแผ่วเบา จากนั้นมือที่กำหมัดไว้แน่นจึงพุ่งไปหาจมูกที่โด่งเป็นสันของชายหนุ่มสุดแรงด้วยความไวแสงก่อนที่แม่สาวตัวดีจะรีบวิ่งออกจากห้องไป
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้ตัวแสบ” เตมินทร์จับปลายจมูกของตัวเองไว้เพื่อจะบรรเทาความเจ็บปวด สัมผัสได้ถึงของเหลวสีแดงสดที่ไหลออกมาจนต้องรีบหาอะไรมาเช็ด จากนั้นเขาจึงต้องกลับไปนั่งเคียงข้างบิดาอีกครั้งเพื่อจะคุยกันเรื่องงานกันต่อ
“เป็นอะไรไป ทำไมสภาพเป็นแบบนั้น” ชาณาทิปเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเดินกลับออกมาจากบ้านพร้อมกับทิชชู่ที่เจ้าตัวใช้มันซับที่จมูก
“คงร้อนในน่ะครับ เลือดกำเดาเลยไหล ขอโทษด้วยนะครับที่หายไปนาน” ชายหนุ่มเลี่ยงตอบไปตามความจริงก่อนจะปรายตามองไปที่ตัวต้นเหตุซึ่งยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาวๆอยู่ใกล้ๆกับสายน้ำเพื่อช่วยเก็บจานจากโต๊ะ
“คงจะดื่มมากไปล่ะสิ เพลาๆลงบ้างก็ได้” บิดาปรามเพราะกลัวเรื่องสุขภาพของลูกชายที่จะต้องรับหน้าที่เป็นผู้บริหารต่อจากเขา
“ครับพ่อ” ชายหนุ่มรับปากเหลือบมองไปที่ร่างบางซึ่งกำลังยืนแลบลิ้นปลิ้นตาอย่างสาแก่ใจอีกครั้งเพื่อรอวันเอาคืน!