บทที่ 8 ความสุข
สิบห้าปีผ่านไปอย่างมีความสุข
บัดนี้เด็กชายตัวน้อยนามว่าภาสกร หรือน้องปูนของแม่เอมอรและพ่อสาธรเริ่มแตกเนื้อหนุ่มแล้ว หน้าตาผิวพรรณของเขากระเดียดไปทางบิดาเกือบหมดแม้กระทั่งนิสัย
เอมอรดีใจที่ลูกชายมีเค้าไปทางสาธรมากกว่าหล่อน แต่ถ้าว่ากันตามจริงเค้าหน้าของเขาเหมือนสาธรก็ไม่ต่างกับเหมือนคนที่เป็นพ่อแท้ๆ สักเท่าไหร่ เพราะพี่น้องสองคนนั้นหน้าตาคล้ายกันมาก เพียงแต่สาธิตจะขาวและดูสำอางกว่าสาธรที่ออกแนวบู๊ๆ เท่านั้น..
ห้าปีต่อมา
เอมอรประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ครั้งนั้นเธอออกจากบ้านพร้อมกับคนดูแลและคนขับรถ เพื่อไปทำบุญทอดกฐินที่วัดป่าแห่งหนึ่ง โดยไม่มีสามีและลูกชายติดตามไปด้วยเหมือนทุกครั้ง ขากลับจากวัดเกิดฝนตกหนัก ทำให้รถบรรทุกที่ขับตามหลังมาลื่นเสียหลักชนรถที่เธอนั่งอย่างแรง
อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เธอที่นั่งอยู่เบาะหลัง ได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกอย่างแรง อวัยวะภายในบอบช้ำอย่างหนัก กว่าจะรักษาหายก็ใช้เวลาหลายเดือน แต่หลังจากหายก็เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เธอรู้ตัวดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ไม่เคยท้อเพราะเธอเฝ้ารอสิ่งหนึ่งอยู่..
สามปีต่อมา
สิ่งที่เธอเฝ้ารอก็กลับมา เอมอรกางแขนรอกอดลูกชายที่กำลังสาวเท้าเร็วๆ เข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มปนน้ำตา ด้านหลังของบุตรชายคือสามีที่ยิ่งอายุมากก็ยิ่งดูดีเดินตามเข้ามา
“ลูกแม่ แม่คิดถึงลูกมากเหลือเกิน” น้ำตาแห่งความดีใจเอ่อล้นดวงตาเพราะกลั้นไม่อยู่
“ปูนก็คิดถึงแม่ครับ” ภาสกรหอมแก้มซ้ายขวาของมารดาอย่างเอาใจ
“วันนี้นอนกอดกันให้หายคิดถึงเลยนะแม่ลูก” สาธรกอดทั้งสองไว้อีกที นึกดีใจที่ภรรยามีอาการดีขึ้นผิดหูผิดตา สามารถลุกจากเตียงมานั่งรอลูกชายที่ห้องรับแขกได้ เขาหวังอย่างยิ่งว่าอาการของเธอจะหายวันหายคืนในไม่ช้า
“ขอบคุณนะคะที่ไปรับลูกมาให้อร” เขายอมเสียเวลางานเพื่อไปรับลูกเองถึงสนามบิน เธอซึ้งใจเหลือเกิน “อรรักคุณเหลือเกินค่ะคุณธร” ประโยคนี้คือสิ่งที่เธออยากบอกกับเขามาตลอดแต่ไม่กล้า แต่ที่เธอบอกกับเขาตอนนี้เพราะสังหรณ์ใจว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก
หัวใจของสาธรโป่งพองดั่งลูกโป่งสวรรค์ คิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้ยินคำนี้ เพราะเธอไม่สามารถตัดใจจากพี่ชายของเขาได้ แต่ตอนนี้เขาได้ยินมันชัดเจนเต็มสองรูหู.. แม้แค่เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะสลักไว้ในหัวใจแล้ว
“ผมก็รักคุณมากที่สุด”
“พ่อกับแม่จะทำซึ้งอะไรเอาป่านนี้ครับ จะมีหลานอยู่แล้วนะ” ภาสกรยกสองแขนโอบบิดามารดาคนละข้าง หอมแก้มท่านคนละทีด้วยความรัก “ผมก็รักพ่อกับแม่มากที่สุดในโลกเลยครับ”..
ใครจะคิดว่าเมื่อคืนจะเป็นความสุขครั้งสุดท้าย ของครอบครัวที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก.. เอมอรจากไปแล้ว จากไปอย่างสงบโดยมีสามีและลูกชายนอนขนาบข้างเป็นเพื่อน ส่งให้เธอไปสู่สุขคติ
การจากไปของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างดีไม่มีขาดตก และทำหน้าที่ของแม่ได้ประเสริฐเลิศล้ำเป็นที่สุด ทำให้ชายต่างวัยสองคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
สาธรตัดสินใจบวชเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ภรรยา ส่วนภาสกรนั้นบวชเพื่อหวังจะให้แม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองของตนขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ตามความเชื่อของชาวไทยพุทธ เขาเสียใจที่ไม่สามารถให้ท่านได้เห็นผ้าเหลืองตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณ และดูแลท่านเหมือนที่ท่านเคยทำให้ แต่คนเราหนีความตายไม่พ้น คิดได้ดังนั้นจึงเจือจางความเศร้าลงได้เล็กน้อย...
12 ปีผ่านไป
สาธรยกแก้วบรั่นดีขึ้นดื่มขณะที่สายตาจดจ้องลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กำลังเจรจาธุรกิจอยู่ตรงข้ามกัน สิบสองปีที่ภรรยาสุดที่รักจากไป เขาเริ่มวางมือจากธุรกิจ ปล่อยให้ชายหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงเข้ามาบริหารแทน ภาสกรไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง ขยายกิจการและทำให้ธุรกิจที่ผิดกฎหมายให้กลายเป็นสิ่งที่ถูกที่ควร
“ป๋าขา มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
ขณะกำลังจะอ้าปากคุยกับลูกชายที่เพิ่งวางสาย เสียงหวานๆ และรูปร่างยั่วยวนของหญิงสาวอนงค์หนึ่งก็ปรากฎขึ้นที่ด้านข้างพร้อมรอยยิ้ม
“อรคิดถึงป๋าจังเลยค่ะ” อรอนงค์สาวสวยวัยยี่สิบต้นๆ ที่หวังสบายทางลัดเชิดอกส่งสายตาเชิญชวนให้ชายชรารุ่นพ่อไม่ปิดบัง เพราะเขาเป็นคนแก่ที่มีทีเด็ดบนเตียง และใจป้ำเรื่องเงินมากที่สุด
ฉาด!
ใครจะคิดว่ารอยยิ้มยินดีของสาธรจะลงท้ายด้วยการกระทำต่ำๆ แบบนี้ อรอนงค์เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
“ถ้าเธอไม่ได้ชื่อเหมือนเมียฉัน ฉันเอาเธอหนักกว่านี้อีก ไสหัวไปซะ!”
หญิงสาวนางนั้นไม่กล้าโวยวายสักแอะ เพียงแค่ยกมือกุมแก้มที่ด้านในฉ่ำไปด้วยรสเลือดแล้วรีบวิ่งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
“แรงไปหรือเปล่าครับพ่อ” ภาสกรไม่มีอาการยินดียินร้ายขณะถาม
“ผู้หญิงที่รักกับผู้หญิงที่ใคร่เราต้องรู้จักแยกแยะ อย่าให้พวกเธอล้ำเส้นมันจะเคยตัว” สาธรไม่เสียใจที่ทำแบบนั้น เพราะเคยบอกไปแล้วว่าเวลาที่เขาอยู่กับคนในครอบครัว อย่าเสนอหน้าเข้ามาเด็ดขาด ถ้าเขาต้องการจะเรียกหาเอง
“แม่คงมีความสุขที่ได้สามีอย่างพ่อ” ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเลย ถึงพ่อจะเป็นคนงานยุ่งและเจ้าชู้ แต่ไม่เคยมีใครมาเสนอหน้าท้าทายแสดงตัวกับแม่ พ่อจะมีเวลาให้ครอบครัวเสมอ ทุกเทศกาล ทุกวันสำคัญจะต้องอยู่กับครอบครัว ไปเที่ยวหรือพาไปกินข้าวนอกบ้าน แม้กระทั่งแม่ป่วยหลังจากเกิดอุบัติเหตุ พ่อก็ยังดูแลและพาแม่ไปหาหมอด้วยตัวเองทุกครั้ง เรื่องนี้เขารู้มาจากสมุดบันทึกที่แม่เขียนให้เขา และมันก็ทำให้เขาซึมซับนิสัยของพ่อมาเกือบหมด ยกเว้นนิสัยมือไวแบบเมื่อกี้นี้
“ถ้าลูกรักใครสักคนมากๆ ลูกจะเป็นเหมือนพ่อ”
“แต่พ่อก็ยังไม่ทิ้งลายเจ้าชู้” ภาสกรยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“นั่นมันเป็นสันดานที่แม่ลูกเค้ายอมรับได้ ฮาๆๆ” ทำงานแบบนั้นต้องเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตา เขามันประเภทชมชอบของสวยงามแต่ไม่เคยหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น รู้ว่าดอกไม้ชนิดไหนควรถนอมและควรทิ้งทันทีเมื่อเด็ดดมแล้ว