เย่วซินเข้ามาในบ้านแล้วเดินตรงมา แล้วนั่งตรงหน้าสองคนพี่น้อง จากนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า
“ฉันรู้ว่าทั้งพี่ใหญ่และห่าวหรวนสงสัยว่าทำไม ใช่ไหม” ทั้งสองคนพยักหน้าทันทีที่เธอถามจบ
“ฉันเพียงสงสารลี่มี่ เราทั้งสามคนเองก็เป็นเด็กกำพร้าหลังจากที่พ่อแม่ตายไป ทว่าฉันและห่าวหรวนยังมีพี่ใหญ่เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ แต่สิ่งที่ฉันได้ยินมา ลี่มี่ไม่เคยได้รับความรักจากคนเป็นแม่
และไม่เคยซึมซับความรักจากคำว่าครอบครัว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าสองพ่อลูกจะใช้ชีวิตยังไงในบ้านหยาง แต่ฉันเอ็นดูลี่มี่ตั้งแต่แรกเห็นจริง ๆ”
เย่วซินรู้ว่าพี่ใหญ่กับห่าวหรวนไม่ได้สงสัยเรื่องนี้อย่างเดียว คงจะอยากรู้เรื่องที่เธอเปลี่ยนไปมากกว่า ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอก ขอเวลาเธอทำใจอีกสักนิด
หลังจากที่จบการสนทนาระหว่างพี่น้อง ทุกคนจึงต่างแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเอง
บ้านหยาง
ซีห่าว อุ้มลี่มี่เข้ามาในบ้าน เมื่อหยางฮุ่ยหมินเห็นได้เอ่ยทักทันที
“พี่ใหญ่กินอะไรมาหรือยัง ทุกคนไม่รู้ว่าพี่จะกลับมาช้าขนาดนี้เลยไม่ได้เหลืออะไรไว้ให้”
พูดเสร็จก็สบตากับนางหลินเจียวจูแม่ของตนพร้อมยกยิ้มมุมปาก
“อืม กินมาแล้วขอบใจมาก”
“ว้าย! ตายแล้ว ลี่มี่ใส่ชุดใหม่ด้วย”
สะใภ้รองของบ้านซึ่งเป็นภรรยาของหยางฮุ่ยหมินเอ่ยทักทันทีที่เห็นชุดที่ลี่มี่ใส่
“นั่นสิ ท่าจะแพงน่าดู เจ้าใหญ่มีเงินซื้อชุดใหม่ให้ลูก แต่ดูที่บ้านสิ กินธัญพืชหยาบกับผักแทบทุกมื้อ”
นางหลินเจียวจูเอ่ยเหน็บทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วชุดนี้ซีห่าวเอามาจากไหน นางหลินเจียวจูไม่ชอบแม่ของซีห่าว เธอคิดว่าแม่ของซีห่าวมาแย่งสามีไปจากเธอ เลยทำให้เกลียดซีห่าวมาก
“ไม่สำคัญหรอกว่าผมจะเอาชุดมาจากไหน ถึงแม้ว่าผมจะซื้อเอง ก็ไม่น่าจะเดือดร้อนใครนะ เพราะผมไม่ได้เอาเงินกองกลางไปซื้อ”
กล่าวจบจึงเดินเข้าห้องไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงโวยวายตามหลัง
เช้าวันถัดมาเย่วซินรีบตื่นขึ้นมาล้างหน้า แปรงฟัน และเตรียมอาหารไว้รอทุกคน เช้านี้เย่วซินทำซาลาเปาไส้หมูกับไส้ผักกุยช่าย ตามด้วยทำขนมจีบและโจ๊กหมูสับข้น ๆ สำหรับลี่มี่ตัวน้อย เธอเอากาแฟมาเตรียมไว้จะได้ชงให้พี่ใหญ่และซีห่าวได้ดื่มตอนเช้าเพื่อร่างกายจะได้สดชื่น
“ตื่นแล้วเหรอพี่ใหญ่ ห่าวหรวนล่ะพี่ ยังไม่ตื่นเหรอ” เธอถามออกไปเมื่อเห็นห่าวอู๋เดินมาที่โต๊ะอาหาร
“กำลังมาน่ะ เดินสวนกับพี่ที่หน้าห้องน้ำเมื่อครู่นี้”
“ห่าวอู๋ ห่าวอู๋”
ห่าวอู๋ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้านตั้งท่าจะลุกขึ้นไปเปิดประตู ยังไม่ทันจะลุกก็ได้ยินเย่วซินพูดขึ้น
“ไม่ต้องลุกพี่ใหญ่ ฉันไปเปิดเอง สงสัยพี่ซีห่าวกับลี่มี่จะมาแล้ว”
จากนั้นเธอจึงเดินไปเปิดประตู เมื่อเปิดประตูบ้านก็เห็นสองพ่อลูกยืนอยู่ที่หน้าประตู
“สวัสดีตอนเช้าค่ะน้าเย่วซิน” ลี่มี่ตัวน้อยพอเห็นเย่วซินจึงรีบกล่าวทักทายด้วยท่าทางน่ารักไม่น้อย
“สวัสดีตอนเช้าค่ะลี่มี่” พูดจบก็หอมแก้มเด็กน้อยไปหนึ่งฟอด
“มาค่ะเข้าบ้านกัน ปิดประตูด้วยนะคะ”
“ครับ”
เมื่อซีห่าวปิดประตูบ้านเรียบร้อยก็ได้เดินตามเย่วซินมาที่โต๊ะอาหาร ระหว่างทางซีห่าวมองตามด้านหลังของเย่วซินไม่วางตา
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขาเจอเธอเมื่อวานจนถึงตอนนี้ เขามองการกระทำของเธอไม่เหมือนการเสแสร้งเหมือนผู้หญิงที่เขาเคยเจอ หรือแม้กระทั่งแม่ของลี่มี่เองเขายังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ซีห่าวมาแล้ว มานั่งเลยพี่ พี่กินอาหารเช้ากัน”
“นี่ค่ะเครื่องดื่มตอนเช้า สำหรับพี่ใหญ่และพี่ซีห่าว”
เธอส่งกาแฟที่เตรียมไว้ให้ทั้งสองคน
“ส่วนของลี่มี่กับห่าวหรวนคืออันนี้จ้ะ ทั้งสองคนต้องดื่มนมทุกเช้ารู้ไหมร่างกายจะได้เติบโต มาลี่มี่เดี๋ยวน้าเป่าให้ก่อนนะมันยังร้อนอยู่”
เธอหยิบแก้วนมของลี่มี่ขึ้นมาเป่า เวลาเด็กน้อยดื่มจะได้ไม่ลวกปาก
“ซาลาเปา ขนมจีบมีในลังนึ่งอีกนะ ฉันทำไว้เยอะ กินให้อิ่มไม่ต้องกลัวหมด ยิ่งพี่ใหญ่กับพี่ซีห่าวที่ต้องทำงานในแปลงนา ยิ่งต้องกินเยอะ ๆ จะได้ไม่เป็นลมกลางแดด”
ทุกคนเริ่มกินซาลาเปาและขนมจีบที่เธอทำไว้ให้ สองคนที่เคยกินฝีมือการทำอาหารของเย่วซินนั้น รู้สึกประหลาดใจกับรสชาติแปลกใหม่ที่เธอทำ มันอร่อยกว่าทุกครั้งที่เธอเคยทำให้กิน
สำหรับซีห่าวเขารู้สึกว่าอาหารที่เย่วซินทำนั้นอร่อยกว่าอาหารทุกอย่างที่เขากินมา
หลังจากที่กินอาหารเช้ากันแล้วเย่วซินบอกกับลี่มี่ให้อยู่กับน้าห่าวหรวนก่อนเพราะเธอจะเข้าไปในเมืองเพื่อที่จะซื้อของกลับมาที่บ้าน ทันทีที่เดินออกมา ซีห่าวก็ได้เรียกเธอไว้ก่อนที่เธอจะออกไปพ้นห้องครัว
“เย่วซิน รอก่อน”
“พี่ซีห่าวเรียกฉัน มีอะไรหรือเปล่า”
“เอานี่ พี่เอามาให้” เขายื่นถุงให้กับเธอ เมื่อเธอเปิดดูก็พบเงินในถุงนั้นถ้านับด้วยตาเปล่าน่าจะประมาณสามสิบหยวน
“พี่เอาเงินมาให้ฉันทำไม หรือพี่จะฝากฉันซื้อของ”
“เปล่า พี่ให้ค่าอาหารและห้ามปฏิเสธ เพราะถ้าเธอปฏิเสธพี่ พี่จะไม่พาลี่มี่มากินอาหารที่นี่อีก”
“ได้ แต่ต่อไปไม่ต้องให้นะ พี่เก็บเงินให้ลี่มี่ไว้เรียนเถอะ เงินแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับค่าอาหารทั้งปี”
พูดจบเย่วซินรีบเดินออกไปจากบ้านทันที
พอใกล้จะถึงเวลาลงงาน พี่ใหญ่จางกับซีห่าวก็เตรียมที่จะออกจากบ้านไปทำงานที่แปลงนา
“ลี่มี่ พ่อไปทำงานก่อนนะ ตอนเลิกงานแล้วพ่อมารับนะลูก”
หยางลี่มี่ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ เพราะมัวแต่เล่นอยู่กับคุณน้าห่าวหรวน
เย่วซินเดินออกมาได้สักพัก มองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใครจึงได้เอาจักรยานออกมาจากมิติ ตอนแรกเธอคิดที่จะเอารถมอเตอร์ไซค์ออกมา แต่กลัวคนผิดสังเกตเพราะยังออกมาไม่ไกลจากหมู่บ้านเท่าไร รอที่ปลอดภัยกว่านี้ค่อยเปลี่ยนเป็นรถมอเตอร์ไซค์ดีกว่า
จากที่เปลี่ยนรถสองรอบแล้ว เมื่อถึงที่หมายเธอเข้าไปในซอยเล็ก ๆ เพื่อเอารถเก็บไว้ในมิติ
จากนั้นเธอเดินตรงดิ่งมาที่ซอยทางเข้าตลาดมืด จากความทรงจำ เธอเคยมาที่นี่สองสามครั้ง เธอหยิบผ้าปิดปากกับหมวกแก๊ปจากมิติออกมาใช้ เพราะเธอต้องการปกปิดใบหน้า
เมื่อมาถึงทางเข้าเย่วซินได้บอกรหัสผ่านกับผู้ชายที่เฝ้าประตู ชายทั้งสองคนได้ฟังรหัสผ่านที่ถูกต้องจึงได้ให้เธอเข้ามาข้างใน
เย่วซินตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เธอหันมองรอบ ๆ เพื่อหาเป้าหมาย
ทว่าในตลาดมืดของที่นี่ไม่ต่างจากตลาดในภพที่เธอจากมา มีทั้งร้านค้าที่ขายอย่างเปิดเผย บางคนที่ไม่มีร้านก็ปูผ้าขายตามทางเดิน
เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ได้พบกับเป้าหมายแรกของวันนี้ เป็นหญิงมีอายุดูเธอเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง เย่วซินจึงเดินเข้าไปแล้วถามคุณป้าคนนั้นทันที
“สวัสดีค่ะป้าหาอะไรอยู่หรือปล่าวคะ”
“ป้ากำลังมองหาเนื้อหมูกับวัตถุดิบหลายอย่างอยู่น่ะ ป้ายังหาไม่เจอเลย วันนี้ที่บ้านเจ้านายป้ามีงานเลี้ยงด้วยน่ะสิ ถ้าไม่ได้วัตถุดิบกลับไปแย่แน่เลย”
“ฉันมีของที่ป้าต้องการว่าแต่ป้าต้องการเยอะไหม”
“หลายอย่างเลยล่ะ แต่ป้าขอดูก่อนได้ไหม จะได้บอกว่าต้องการเท่าไร”
“ได้ค่ะป้ารอฉันที่นี่สักครู่นะคะ”