บทที่ 6 พ่อลูกที่น่าสงสาร

1815 คำ
“กลับมาแล้วครับ พี่ซินซินทำอะไรกิน กลิ่นหอมจังเลย” ห่าวหรวนเอ่ยขึ้นมา เมื่อเขาเดินเข้ามาบ้านแล้วได้กลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูก “วันนี้พี่ทำต้มไก่ ปลาทอดราดพริก ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง แล้วก็ยังมีกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาด้วยนะ” เย่วซินตอบพร้อมบอกรายการอาหารของเย็นนี้ จากนั้นเธอเดินเข้าไปดูว่า หยางลี่มี่ตื่นหรือยังพอเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นเด็กน้อยนั่งยิ้มแฉ่งอยู่บนเตียง “ลี่มี่มาล้างหน้าล้างตาก่อนนะ แล้วมารอน้าห่าวอู๋กับคุณพ่อของลี่มี่กลับมา แล้วค่อยทานมื้อเย็นพร้อมกันนะคะ” เย่วซินเดินจูงมือเด็กน้อยออกมาจากห้อง พาไปล้างหน้าล้างตาเพื่อรอทุกคนมากินอาหารพร้อมกัน “โอ๊ะ สวัสดีค่ะคุณน้า” เด็กน้อยลี่มี่สะดุ้งตกใจเมื่อเห็นว่ามีห่าวหรวนอีกคน “สวัสดีครับสาวน้อย เราชื่อลี่มี่ใช่ไหม ลูกสาวของพี่ซีห่าว” ห่าวหรวน เมื่อเห็นใบหน้าเด็กน้อยก็จำได้ทันทีว่าเด็กน้อยคนนี้คือใคร “ใช่ค่ะ หนูชื่อหยางลี่มี่เป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อซีห่าวค่ะ” ห่าวหรวนได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปสบตากับพี่สาว เขาส่งสายตาถามประมาณว่า หยางลี่มี่ทำไมถึงมาอยู่กับพี่ได้ ซึ่งปกติพี่สาวของเขาไม่ชอบสุงสิงกับใคร “ตอนที่พี่ไปส่งข้าวกลางวันให้พี่ใหญ่ พี่เจอลี่มี่ที่แปลงนา เด็กไม่ควรจะอยู่ที่นั่น แดดร้อนพี่เลยพามาที่บ้านน่ะ อีกอย่างพี่ถูกชะตากับลี่มี่ด้วย” “ครับผมเข้าใจแล้ว” “ห่าวหรวน ตามพี่มาในครัวหน่อยพี่มีอะไรจะให้ช่วยน่ะ ” จากนั้นเย่วซินหันมาบอกกับลี่มี่ “ลี่มี่จ๊ะ นั่งรอน้าตรงนี้แป๊บนะ เดี๋ยวน้ากลับมา” “ได้ค่ะ ลี่มี่นั่งรอตรงนี้ จะไม่ไปไหนเลย” ลี่มี่ยิ้มตอบจนตาหยี เย่วซินอดใจไม่ไหวจนต้องหอมแก้มไปฟอดหนึ่งก่อนจะเดินนำน้องชายเข้าครัว หลังจากเข้ามาในครัวแล้ว เย่วซินจึงถามห่าวหรวนในสิ่งที่เธอสงสัยและค้างคาใจตอนที่เธอกอดเด็กน้อย แล้วเด็กน้อยร้องไห้จนตัวโยน “ห่าวหรวนพี่ถามอะไรหน่อยสิ แม่ของลี่มี่ไปไหน ทำไมถึงปล่อยให้ลูกสาวของตัวเองมาทำงานกับพ่อที่แปลงนาล่ะ ลี่มี่ไม่กี่ปีเองนะและที่สำคัญห่าวหรวนรู้ไหม ตอนที่พี่อาบน้ำแต่งตัวให้เมื่อตอนกลางวัน ลี่มี่เธอร้องไห้ กอดพี่จนตัวโยนเลย พี่ถามอะไรก็ไม่ตอบ พี่นี่ตกใจแทบตาย กลัวเด็กน้อยจะเป็นอะไร” “ลี่มี่เธอน่าสงสารมากครับ แม่เธอไม่เคยสนใจเธอเลย ตั้งแต่ลี่มี่เกิดมาก็เลี้ยงดูทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ส่วนแม่ของลี่มี่นั้นได้แต่แต่งตัวเข้าไปในเมืองและบอกคนอื่น ๆ ว่าไปซื้อของ แต่พี่รู้อะไรไหม เธอไม่ได้ซื้อของให้ลูกหรอก เธอไปติดผู้ชายคนใหม่ สงสารแต่พี่ซีห่าว ส่งเงินเดือนกลับมาให้แทนที่จะได้เลี้ยงดูลูก แต่เปล่าเลย เธอเอาไปปรนเปรอผู้ชายคนอื่น ความมาแตกเมื่อสามเดือนที่แล้วเองพี่” เขาเล่าอย่างไม่ปิดบัง และสงสารในชะตาของสองพ่อลูกไม่น้อย “น่าสงสารพ่อลูกคู่นี้นะ” “ใช่พี่ซินซิน พี่ซีห่าวนิสัยดีมาก” “แล้วตอนนี้แม่ของลี่มี่ไปไหนเสียล่ะ ถึงปล่อยให้พี่ซีห่าวพามาที่แปลงนาด้วย” “พี่ซีห่าวหย่าแล้วพี่ เธอเอาเงินที่พี่ซีห่าวส่งมาไปหมดเลย ผมได้ยินชาวบ้านเขาพูดกันว่าไม่เหลืออะไรให้พี่ซีห่าวสักอย่างเดียว” ห่าวหรวนได้เล่าให้เย่วซินฟังในสิ่งที่เขารู้ ลึก ๆ แล้วเขาก็เห็นใจพี่ซีห่าวเหมือนกัน ยิ่งกับคนบ้านหยางนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เห็นแก่ตัวสุด ๆ ในความคิดของห่าวหรวน “พี่ซินซินรู้ไหมว่า พี่ซีห่าวอยู่ที่บ้านหยางไม่ค่อยจะสบายนัก อดีตภรรยาพี่ซีห่าวเป็นหลานสาวของแม่เลี้ยง ตอนที่พี่ซีห่าวหย่าแม่เลี้ยงพวกเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไร” ห่าวหรวนยังคงพูดต่อ ตัวเขาเองแปลกใจเล็กน้อยที่พี่สาวอยากจะรู้เรื่องของพี่ซีห่าว “จริงเหรอ โหดร้ายและเห็นแก่ตัวมากเลยนะนั่น น่าสงสารลี่มี่” ทันทีที่เธอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดเธอรู้สึกเห็นใจและสงสารพ่อลูกคู่นี้มาก จากนั้นก็เดินเข้ามาหาลี่มี่ที่นั่งตาแป๋วคอยเธออยู่ที่โถงบ้าน “กลับมาแล้วเหรอพี่ใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างคะวันนี้ทำงานเหนื่อยไหม ” เย่วซินเอ่ยทักทันทีที่เห็นพี่ใหญ่กับซีห่าวเดินเข้ามาในบ้าน “มาเหนื่อย ๆ ไปล้างตัวกันสักหน่อยดีไหม จะได้มากินข้าวเย็นพร้อมกัน” “พ่อกลับมาแล้ว พ่อเหนื่อยไหมคะ” ลี่มี่เอ่ยถามพ่อของเธอ ด้วยท่าทางที่น่าเอ็นดู “ครับ พ่อกลับมาแล้ว เห็นหน้าลี่มี่พ่อไม่เหนื่อยเลย พ่อมารับลูกกลับบ้าน กลับบ้านกันนะครับ” ซีห่าวพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วก็อุ้มลี่มี่เตรียมจะเอ่ยลาครอบครัวจาง “เดี๋ยวค่ะ ฉันทำอาหารเย็นไว้แล้ว รอพวกพี่กลับมา กินอาหารก่อนเถอะค่อยกลับ” เย่วซินเอ่ยขึ้น เธอทำอาหารไว้มากมาย จะรีบกลับทำไม อีกทั้งกลับบ้านไปไม่รู้ว่าลี่มี่จะได้กินอาหารอิ่มไหมล่ะ สองพ่อลูกคนเป็นที่รังเกียจของครอบครัวหยางไม่น้อย “นั่นสิพี่ซีห่าว ผมว่ากินมื้อเย็นที่นี่ก่อนเถอะ” ห่าวอู๋เห็นด้วยกับน้องสาวจึงเอ่ยเอ่ยชวนอีกคน “อืม ขอบใจนายและน้อง ๆ มากนะ” ซีห่าวตอบรับในที่สุด จากนั้นทั้งหมดจึงเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร “วันนี้อาหารน่ากินมากเลย น้องทำเองหมดเลยเหรอเย่วซิน” “ใช่ค่ะ น้องทำเองทุกอย่าง ต่อไปนี้น้องจะทำอาหารขุนทุกคนให้อ้วนกันหมดเลย ดูสิ แต่ละคนผอมแห้งอย่างกับคนขาดสารอาหาร” พูดจบพร้อมกับหันไปมองหน้าซีห่าว “รวมทั้งพี่ด้วยนะพี่ซีห่าว ทุกเช้าให้พาลี่มี่มาที่นี่ ฉันจะเลี้ยงลี่มี่ให้เอง ดูสิ ตัวแค่นี้ยังต้องออกไปตากแดดตากลม อีกทั้งลี่มี่ใกล้จะห้าขวบแล้วไม่นานก็คงต้องเข้าเรียน ฉันพอจะอ่านออกเขียนได้ คิดว่าคงจะพอสอนขั้นพื้นฐานได้บ้าง” “ผมว่าอย่าดีกว่านะ ผมเกรงใจแค่นี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรถ้าต้องให้มากินข้าวที่นี่ทุกวัน และยังจะเลี้ยงลี่มี่ให้อีก ผมยิ่ง...” “หยุดค่ะ ไม่ต้องพูด แล้วก็เลิกแทนตัวเองว่าผม พูดกับฉันแทนตัวเองว่าพี่ก็ได้ค่ะ พี่สนิทกับพี่ใหญ่เราก็เหมือนคนกันเอง” เย่วซินรีบห้าม แม้ว่าสนสนใจในบุรุษตรงหน้า ทว่าความสงสารลี่มีมีมากกว่า เด็กน้อยอายุแค่นี้จะต้องทำงานไปเพื่ออะไรกัน น้อง ๆ ในบ้านกำพร้า เธอเองก็เคยเลี้ยงมาก่อน อีกทั้งลี่มี่ก็เลี้ยงง่ายไม่ดื้อ ปล่อยไว้กับเธอดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ทั้งห่าวอู๋และห่าวหรวนได้แต่มองหน้ากันตาปริบ ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ปกติแล้วเย่วซินไม่ใช่คนพูดเก่งขนาดนี้ ยิ่งกับซีห่าวที่ไม่รู้จักและไม่คุ้นเคยนี่สิ ทว่ากลับนั่งคุยเป็นเรื่องเป็นราว “พี่อายุสามสิบสองปี” ซีห่าวตอบพร้อมกับยิ้มมุมปาก “สามสิบสองลบสิบเจ็ดเท่ากับสิบห้า ว้าว! ห่างกันสิบห้าปี โอเค ไม่ห่างเกินไป” เย่วซินนั่งพึมพำบวกลบอายุเธอกับชายหนุ่มตรงหน้า แล้วยิ้มดีใจ เธอไม่สนหรอกคำว่าพ่อม่าย ชาติก่อนเธอทำแต่งานจนมองข้ามเรื่องความรัก มาตอนนี้เธอจึงไม่สนใจอะไรอีก หากชอบก็บอก ทว่าเธอยังไม่ได้รักเขาเพียงเพราะเจอหน้าครั้งเดียว แต่สิ่งที่ดึงดูดเธอให้เธออยากเข้าหานั่นคือสิ่งที่เขาพบเจอกับอดีตภรรยามากกว่า แต่ทุกคนที่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดได้แต่แสดงอาการตกใจ ยิ่งซีห่าว พอเขาได้ยินแทบจะตกลงจากเก้าอี้ “มากินข้าวดีกว่า วันนี้ฉันทำต้มไก่ ปลาทอดราดพริก ไข่ตุ๋น ทรงเครื่อง อย่างสุดท้ายนี่เลย กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา กินกับข้าวร้อน ๆ” จากนั้นทุกคนลงมือกินข้าวกันอย่างอร่อย เย่วซินเธอป้อนข้าวให้ลี่มี่ได้กินกับไข่ตุ๋น เมื่อทุกคนกินอาหารกันเสร็จแล้วเย่วซินได้พูดขึ้น “พี่ใหญ่ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปในเมืองนะ พี่ใหญ่จะเอาอะไรไหม” “น้องจะไปซื้ออะไร ให้ห่าวหรวนไปเป็นเพื่อนไหม พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ห่าวหรวนไม่ไปโรงเรียน” “ไม่ดีกว่าค่ะ ให้ห่าวหรวนดูลี่มี่ให้น้องช่วงเช้าดีกว่า ฉันจะกลับมาให้ทันก่อนไปส่งข้าวเที่ยงให้พี่” เย่วซินส่ายหน้าปฏิเสธทันที ถ้าห่าวหรวนไปด้วยเธอจะหาเงินอย่างไรล่ะ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด “นะพี่ใหญ่ ฉันไปตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อสิ” เย่วซินพยายามหว่านล้อมพี่ชาย เพื่อให้ได้เข้าไปในเมือง ซีห่าวนั่งมองพี่น้องคุยกัน ได้แต่คิดในใจว่าครอบครัวนี้ท่าทาง จะรักกันดี ดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก “ห่าวอู๋ เย่วซิน ห่าวหรวน พี่กลับก่อนนะ ขอบคุณสำหรับอาหาร และขอบคุณที่จะดูแลลี่มี่ให้ ขอบคุณมากจริง ๆ” “ครับพี่/ไม่เป็นไรครับ” “ไม่ต้องขอบคุณหรอกพี่ซีห่าว ฉันชอบลี่มี่และเอ็นดูเธอมากจริง ๆ และเด็กอายุขนาดนี้ควรจะได้เริ่มเรียนรู้ตัวอักษรแล้ว” พูดจบเธอได้เดินมาส่งซีห่าวหน้าบ้าน บอกลาลี่มี่ตัวน้อย แล้วเดินเข้าบ้าน ซึ่งภายในบ้านสองพี่น้องนั่งรอเย่วซินและมองเธออย่างสงสัย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม