บทที่ 8 ค้าขายครั้งแรก

1565 คำ
จากนั้นเย่วซินทำทีเดินเข้าไปทางด้านซอยข้าง ๆ เธอหยิบเอาเนื้อสัตว์ออกมาจากมิติใส่ตะกร้า มีทั้งสามชั้น เนื้อหมูชั้นดี ขาหมู ผักกาดขาวหัวใหญ่ และผลไม้อีกสองสามชนิด ก่อนเดินกลับมาหาคุณป้าที่รออยู่ “มาแล้วค่ะ ป้าดูก่อนนะว่าได้ไหม ถูกใจคุณป้าหรือเปล่า” เย่วซินเปิดผ้าที่คลุมตะกร้าให้ดูของที่เธอนำมา “ถูกใจมากเลย เนื้อทั้งหมดเป็นของชั้นดีทั้งนั้น” “เธอขายอย่างไร ป้าเอาเนื้อหมูห้าชั่ง สามชั้นห้าชั่ง” “เนื้อหมูอย่างดีชั่งละแปดหยวน สามชั้นชั่งละสิบหยวนค่ะป้า” เมื่อป้าท่านนี้รู้ราคาก็ไม่ได้รู้สึกว่าแพง เพราะในตลาดมืดแห่งนี้ราคาจะสูงกว่าสหกรณ์อยู่แล้ว และที่สำคัญไม่ต้องใช้คูปองในการซื้อ ดังนั้นเธอจึงได้สั่งของในสิ่งที่เธอต้องการ รวมไปถึงผลไม้อีกสองอย่างที่เย่วซินเอามาให้เธอดู “ได้แล้วค่ะ ทั้งหมดหนึ่งร้อยหกสิบหยวน ส่วนขนมนี่ฉันแถมให้ ป้าเอาลองไปชิมดู ฉันทำเอง” เย่วซินใส่ขนมเพิ่มไป เธอต้องการที่จะให้ป้าคนนี้ลองชิม ถ้าอร่อยป้าท่านนี้คงจะมาซื้อกับเธออีกแน่ “ขอบใจมากนะ แม่ค้านี่ใจดีมากแล้วจะมาขายตลอดไหม ป้าจะได้ตรงมาหา” “เดี๋ยวอาทิตย์หน้าฉันจะมาอีก ถ้าหากป้าต้องการอะไรนอกเหนือจากนี้ ฉันสามารถหาให้ได้ และขอบคุณที่อุดหนุนฉันในวันนี้” เมื่อกล่าวคำลากับลูกค้าคนแรกแล้ว เธอจึงได้เดินหาลูกค้ารายต่อไป จนตอนนี้เธอสามารถขายของได้เงินหนึ่งพันหกร้อยห้าสิบหยวน เย่วซินถือว่าวันนี้เป็นการเปิดการขายที่ดีมากสำหรับเธอ แต่พอเธอกำลังจะเดินออกจากตลาดมืดก็เห็นร้านที่ขายสินค้าจำพวกผ้าห่มและสินค้าเบ็ดเตล็ด ของชิ้นเล็กไปจนถึงของชิ้นใหญ่ เธอเห็นผู้ชายที่ยืนขายของที่หน้าร้านเลยเดินเข้าไปสอบถาม “สวัสดีค่ะ น้าคือเจ้าของร้านหรือเปล่า” “อืม ฉันคือเจ้าของร้าน เธอต้องการสินค้าตัวไหนหรือเปล่า ถ้าที่ร้านไม่มีเธอสามารถสั่งได้นะ ร้านเราหาให้ได้” “คือฉันจะมาเสนอสินค้าน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าน้าชายพอจะมีเวลาคุยกับฉันไหม ฉันชื่อเย่วซิน” “ได้สิ เข้ามาในร้านก่อน น้าชื่อเฉินคุนเป็นเจ้าของร้านนี้ และมีอีกหลายร้านในตลาดมืดที่เป็นของน้า” เย่วซินได้ยื่นแฟ้มที่เธอทำไว้เพื่อรวบรวมสินค้าที่มี และที่พอจะขายได้ให้กับน้าเฉินคุน พอเฉินคุนเห็นสิ่งของที่เธอยื่นให้ก็ตาลุกวาวและมองหน้าเธอเป็นคำถาม “น้าชายไม่ต้องสงสัยขนาดนั้น ฉันไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่ฉันพอจะมีคนรู้จักที่สามารถหามาให้ได้เท่านั้นเอง ส่วนฉันเป็นคนกลางที่มาเสนอขายให้เท่านั้น” “เธอกล้ามากเลยนะ ที่เดินมาเสนอขายโดยไม่กลัวอะไรเลย” เฉินคุนพูดด้วยรอยยิ้ม เขานึกเอ็นดูเธอขึ้นมา จากที่เขามองเธอน่าจะอายุไม่เกินสิบหกถึงสิบเจ็ดปี คิดว่าแก่กว่าลูกสาวของเขาน่าจะปีสองปีเท่านั้น แต่กลับกล้าบ้าบิ่นเข้ามาในตลาดมืดเดินมาเสนอสินค้าให้เขาอย่างที่เด็กสาวรุ่นเดียวกันไม่มีใครทำ “แล้วเธอสามารถหาของได้ครั้งละเท่าไร ราคาตามที่เขียนมาในรูปพวกนี้เลยไหม” “ใช่ค่ะถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ราคาก็จะตามนี้เลยค่ะ ส่วนจำนวนนั้นน้าลองสั่งมาดูก่อนไหมว่าเป็นที่ต้องการของผู้คนหรือเปล่า” “ได้สิ ครั้งนี้น้าขอสั่งจักรยานมาสักห้าคันลองดูก่อน อย่างอื่นน้าขอดูอีกที ว่ามีใครต้องการไหม น้าอยากเห็นผ้านวมถุงนี้ไม่รู้ว่ามันจะหนาและผืนใหญ่แค่ไหน นี่ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว สินค้าพวกนี้เป็นที่ต้องการของตลาดไม่น้อย” “ถ้าอย่างนั้นน้าชายรอแป๊บหนึ่งนะ ฉันขอเดินไปหยิบของก่อน” จากนั้นเธอเดินออกมาเพื่อมาหยิบของในมิติ ไม่นานก็เดินกลับมา “ได้แล้วค่ะ นี่ผ้านวมแม้ว่ามองด้วยตาเปล่าผืนไม่ใหญ่แต่พอแกะถุงออก ห่มได้สองคนเลยนะ แถมอบอุ่นมากด้วย” เฉินคุนแกะถุงออกตามที่เย่วซินแนะนำ พอแกะออกจากถุงทำให้เขาอุทานทันที “เย่วซิน นี่พอแกะออกมามันขยายใหญ่และนุ่มมากแถมหนาด้วย อย่างนี้เป็นที่ต้องการของทุกคนแน่นอน เธอมีของเยอะไหมหากน้าจะสั่งพร้อมจักรยาน” “ได้ค่ะ น้าเฉินคุนสั่งมาได้เลย ถ้าเยอะฉันจะมาส่งให้สองรอบ แต่ถ้ามาส่งที่นี่เลยจะไม่มีคนสงสัยแน่เหรอคะน้า” “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ไปส่งที่โกดังเก็บของด้านหลัง ถัดจากซอยที่จะเข้ามาที่ตลาดมืดนี้ไปสองซอย เธอสะดวกไหม หรือจะให้น้าไปรับที่ไหนก็บอกมาได้เลย” “ถ้าอย่างนั้นฉันไปส่งให้ที่โกดังนะคะน้า ส่วนนี่เป็นสบู่ มีตอนนี้แค่สองกลิ่น น้าเฉินคุนลองเอาไปใช้ดูและก็นี่เป็นแชมพูสระผมกับครีมนวด ให้น้าไว้ลองใช้เหมือนกัน” “เย่วซินเธอนี่เก่งนะนี่ พูดว่าเอามาให้ใช้นี่มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า” เฉินคุนหัวเราะกับความเจ้าเล่ห์ของเด็กสาว มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าที่พูดว่าเอามาให้ใช้นั้นเป็นการเสนอขายเขาทางอ้อมของเธอ “โถ่ น้าเฉินคุนอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันออกจะใสซื่อบริสุทธิ์ขนาดนี้” เย่วซินทำหน้าตาใสซื่อขณะพูด เธอรู้สึกว่าน้าเฉินคุนเป็นคนดีคนหนึ่ง เธอจึงกล้าที่จะพูดคุยแบบสนิทสนม “เหอะ ใสซื่อตายล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าเดินโต้ง ๆ มาคุยกับน้าแน่ ๆ เอาเป็นว่าวันที่มาส่งของเอาแชมพูกับครีมนวดมาอย่างละห้าสิบขวดก่อนนะ ส่วนสบู่เอามาอย่างละหนึ่งร้อยก้อน แล้วจะมาส่งของได้วันไหน” “วันอาทิตย์หน้า น้าเฉินคุนสะดวกหรือเปล่าคะ เพราะฉันมาขายอาหารที่นี่ด้วย จะได้ไม่เสียเที่ยว” “ได้สิตามสะดวกเลย มาคิดเงินก่อนว่าเท่าไร น้าจะได้จัดการให้” “ได้ค่ะน้า แต่ไม่ต้องจ่ายหมดนะ จ่ายแค่มัดจำพอค่ะ” “รายการที่น้าเฉินคุนสั่งสบู่รวมสองร้อยก้อน ก้อนละสามหยวน เป็นเงินหกร้อยหยวน แชมพูขวดละสี่หยวนห้าสิบขวดเป็นเงินสองร้อยหยวน ครีมนวดกับแชมพูราคาเท่ากันห้าสิบขวดเป็นเงินสองร้อยหยวน ผ้าห่มนวมผืนละหนึ่งร้อยยี่สิบหยวน หนึ่งร้อยผืนเป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหยวน จักรยานสองร้อยหยวนห้าคันเป็นเงินหนึ่งพันหยวน รวมเป็นเงินทั้งหมดหนึ่งหมื่นสี่พันหยวนถ้วนค่ะ าเฉินคุน” เฉินคุนนั้นเกิดอาการนิ่งค้างไปแล้วตั้งแต่เธอทวนรายการพร้อมทั้งรวมยอดเงินทั้งหมดซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ถูกต้อง ‘เด็กอะไรคิดเลขเร็วมาก’ “น้าเฉินคุนจ่ายมัดจำมาก่อนสี่พันหยวนนะ ที่เหลือค่อยจ่ายวันที่ฉันเอาของมาส่ง” เฉินคุนจึงเปิดลิ้นชักหยิบเงินออกมานับส่งให้เย่วซินตามจำนวนที่เธอแจ้งมา นับเงินครบตามจำนวนจึงส่งให้กับเย่วซิน “นี่เงินมัดจำสี่พันหยวน” “ขอบคุณมากค่ะ” เย่วซินหยิบเงินจากเฉินคุนเอามาใส่กระเป๋าทันที “ไม่นับก่อนหรือไง” เฉินคุนถามเมื่อเห็นว่าเย่วซินเอาเงินใส่กระเป๋าไม่แม้แต่จะนับเงิน “ไม่ต้องนับหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าน้าเฉินคุนไม่โกงฉันแน่” เย่วซินยิ้มตอบ “ฉันกลับก่อนนะคะน้าเฉินคุน นี่ค่ะขนมฉันทำเองลองชิมดู ส่วนสองกล่องนี้ให้พี่ ๆ พนักงานในร้านน้าเฉินคุนแบ่งกันกิน” “อืม ขอบใจนะ แล้วเจอกัน” “แล้วเจอกันใหม่ค่ะคุณน้าเฉินคุน” หลังจากนั้นเย่วซินเธอรีบกลับมาที่บ้านเหลือเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงแล้ว สำหรับอาหารเที่ยงของพี่ใหญ่และทุกคน เธอจึงไม่รีรอรีบเอารถมอเตอร์ไซค์ออกมาจากมิติ แล้วรีบกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เธอเป็นจากรถมอเตอร์ไซค์เป็นรถจักรยานและเตรียมของมาใส่ไว้ในตะกร้าหน้ารถจักรยาน ทำทีเป็นว่ามีของที่ซื้อมาจากในอำเภอมา แล้วเธอได้ปั่นจักรยานเข้าไปในหมู่บ้านทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม