บทที่ 19 โรงประมูลเจี๋ยหู
จดหมายที่จ้าวโจวเฉิงทิ้งไว้ให้บอกเพียงว่าตัวขององค์ชายอาจมาพบไม่ได้ระยะหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องคุณหนูเสิ่น แต่เมื่อกลับมาจะหาวิธีทำให้ไป๋ลี่เฟยหลุดพ้นจากจ้าวหลินไฉ่ตามคำมั่น
หลังจากวันนั้นไป๋ลี่เฟยก็ไม่ได้พบหน้าองค์ชายหกตามถ้อยคำในกระดาษ ไม่ว่าจะในสำนักหรือในเมืองหลวงองค์ชายผู้นี้ก็ไม่ปรากฎตัว ชาติก่อนนางใส่ใจสนใจเพียงแต่องค์ชายสามจึงอาจไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่เมื่อนึกย้อนดูแล้วก็มีชั่วระยะหนึ่งที่องค์ชายหกหายไปจากวงสังคมเช่นกัน
อย่างไรแล้ว ไม่ว่าใครจะอยู่หรือไป เป้าหมายของลี่เฟยก็ยังคงเดิม นั่นคือการสร้างความแข็งแกร่ง ขัดขวางการขึ้นสู่อำนาจขององค์ชายสาม
เส้นทางนางร้าย ผู้ต้องการขัดขวางพระเอกของไป๋ลี่เฟย ย่อมต้องใช้เงินตราเป็นตัวขับเคลื่อน ยามนี้คุณหนูใหญ่แห่งจวนสกุลไป๋ จึงยืนอยู่หน้าโรงประมูลเจี๋ยหูด้วยตนเอง ร้านในตรอกเล็กไกลตลาดคือที่ตั้งของโรงประมูลแห่งใหม่ของเมืองหลวง ข้างกายมีฉือจี้ผ่า และศิษย์พี่ตงหม่าจางที่ติดตามมาด้วยกัน
“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ เอาเงินมาใช้เช่นนี้ แม้จะเป็นพวกเราก็นับว่าสุ่มเสี่ยง” ฉือจี้ผ่าแม้จะตื่นตาตื่นใจกับโรงประมูล เพราะพึ่งเคยเข้ามาเป็นครั้งแรก แต่สีหน้าที่ฉายแววสนุกสนานก็ยังมีความกังวลผสมอยู่
“เอาเถิด เชื่อฝีมือข้าสิ” ไป๋ลี่เฟยลอบยกยิ้มมุมปาก
ชาติก่อนหน้านี้มีการประมูลครั้งหนึ่งที่ติดอยู่ในความทรงจำของไป๋ลี่เฟยอย่างแม่นยำ ในปีที่หนึ่งร้อยสองของแคว้นจ้าว คืนดวงเดือนไร้แสงประจำรอบพระจันทร์ที่หก โรงประมูลเจี๋ยหูเปิดขายกล่องประมูลเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการเปิดตัวร้านประมูลของตนออกสู่สายตาคนเมืองหลวง
ในเวลานั้นแม้จะป่าวประกาศไปมากมาย จนถึงขั้นแจกของเชื้อเชิญ แต่ก็มีผู้ยอมเสี่ยงซื้อกล่องประมูลที่ไม่รู้ว่าภายในมีสิ่งใดเพียงน้อยนิด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสอดรู้สอดเห็นของผู้คนลดลง ชาวบ้านและชนชั้นสูงยังมานั่งดื่มกินอาหารของโรงประมูล เพื่อรอดูว่าจะมีผู้ใดโง่เขลาเบาปัญญาพอที่จะเสี่ยงโชคซื้อของเช่นนี้
แต่ทว่าเมื่อหมดเวลาซื้อ โรงประมูลได้ทำการเปิดสิ่งของที่ผู้ซื้อได้รับต่อหน้าธารกำนัล ทำให้รู้ว่าผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญานี้ไม่ใช่ผู้ซื้อในครั้งนี้ หากแต่เป็นพวกเขาที่ไม่ช่วงชิงโอกาสงามเช่นนี้ไว้ต่างหาก เพราะของที่เปิดออกมาล้วนเป็นของล้ำค่าควรเมือง หากนำไปขายต่อย่อมกลายเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ได้ไม่ยาก
“เหล่าคุณหนูคุณชายเชิญๆ” หลงจู๊ออกมารับกลุ่มของไป๋ลี่เฟย
“ข้าต้องการซื้อกล่องประมูล” ไป๋ลี่เฟยแจกแจงออกไป
“คุณหนูมิได้เพียงมารับชมการเปิดกล่องหรือ” หลงจู๊ดวงตาเบิกกว้าง ผู้ที่เข้ามาซื้อกล่องมีแต่คุณชายที่ชมชอบการเสี่ยงโชค และเห็นว่ากิจการของเจี๋ยหูเป็นวิธีการเสี่ยงโชคแนวใหม่เท่านั้นจึงทดลองซื้อ เมื่อเห็นว่ามีคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาในโรงพนันฝั่งตรงข้ามจึงแปลกใจ
“ข้ามาซื้อหาของเจ้าค่ะ” ลี่เฟยยิ้มบางๆ
“เช่นนั้นเชิญแม่นางและสหายที่หน้าเวทีประมูลขอรับ” หลงจู๊นำทางไปยังเวทีที่มีลำดับติดอยู่ และก้มลงกระซิบข้างหูแม่นางในอาภรณ์เนื้อดีผู้หนึ่ง
“คุณหนูไป๋และคุณหนูฉือมาเยือนโรงประมูลเปิดใหม่ของอูมู่เฉียวเช่นนี้ น่าปลื้มใจนัก และคุณชายท่านนี้คือ”
“นี่ศิษย์พี่ของข้าตงหม่าจาง กล่องประมูลของเถ้าแก่เนี้ยขายอย่างไร” ลี่เฟยออกปาก
“ราคาเริ่มต้นลำดับละสิบตำลึงทอง หากไม่มีผู้ประมูลแข่งแม่นางก็จะได้ไปในราคาสิบตำลึงเจ้าค่ะ ซื้อช่วงเปิดร้านสามารถซื้อไว้กี่กล่องก็ได้ แต่หากรอวันราตรีดับคราหน้าจะต้องซื้อหินธาตุที่ยังไม่ผ่าจนครบหนึ่งร้อยตำลึงทอง จึงจะมีสิทธิ์ซื้อกล่องประมูลหนึ่งกล่องนะเจ้าคะ รีบซื้อยามนี้คุ้มค่าที่สุด” แม่นางในชุดแดงผู้เป็นเจ้าของโรงประมูลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ลี่เฟยมองกระดานข้างเวทีเห็นว่ายังเหลือกล่องประมูลให้ซื้อเก้าสิบสองกล่องจึงเผยรอยยิ้มออกมา “ไม่มีกำหนดแน่หรือไม่”
“แน่เจ้าค่ะ คุณหนูต้องการกี่กล่องเจ้าคะ” แม่นางชุดแดงเอ่ยถาม
“ข้าเอาเก้าสิบสองลำดับที่เหลือทั้งหมด” ลี่เฟยตอบเสียงชัด
“ห๊า/ห๊า” ฉือจี้ผ่าและตงหม่าจางที่ฟังอยู่เงียบๆ ด้านหลังร้องออกมาอย่างตกใจที่ไป๋ลี่เฟยจะซื้อหาของที่ไม่แน่ว่าอาจไม่มีมูลค่าใดมามากมายเช่นนี้
ไป๋ลี่เฟยส่ายหน้าเมื่อจี้ผ่าต้องการจะดึงแขนห้าม แต่ลี่เฟยส่ายหน้าเบาๆ แล้วนำตั๋วแลกเงินมูลค่าหนึ่งร้อยตำลึงทองออกมาเก้าใบ และแบมือขอตำลึงทองที่เหลือจากจูจูที่ตามอยู่ด้านหลังจนครบจำนวนยี่สิบตำลึงทองที่เหลือ นางวางตำลึงทองลงบนโต๊ะไว้ด้วยสีหน้าไม่แตกตื่น
แม่นางชุดแดงชะงักก่อนจะยิ้มกว้างออกมา “ข้าขอนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศเรียกคนมาชมการเปิดกล่องในอีกชั่วยามได้หรือไม่”
“เถ้าแก่เนี้ยต้องการใช้ชื่อข้าเรียกลูกค้าเช่นนี้ย่อมต้องมีขอแลกเปลี่ยน” ลี่เฟยรู้ว่ามูลค่าของการนำชื่อนางไปโพทะนาจะเรียกให้คนให้ตามมาดูชมได้มากขึ้นไปอีก เพราะหน้าที่การงานของบิดาที่เป็นใหญ่ในกรมการคลัง แต่บุตรสาวกลับนำเงินเกือบพันตำลึงทองมาใช้จ่ายในเรื่องไร้สาระ ย่อมมีวี่แววสนุกในการนำไปนินทา
“เช่นนั้นข้าจะปิดการประมูลก่อนเวลามิให้ใครแข่งราคาแล้วดีหรือไม่เจ้าคะ” มู่เฉียวคลี่ยิ้มออกมา
“ดียิ่งเช่นนั้นบอกคนกระจายข่าวให้ย้ำผู้คนว่าตัวข้าอยู่เพียงระดับสีม่วง ให้ผู้คนเร่งมาดูความพินาศของคุณหนูที่มีดีแค่ชาติตระกูล อ้อ…จัดคนดูแลให้ข้าเลือกซื้อหินธาตุกับสหายระหว่างรอด้วย” ลี่เฟยแย้มยิ้มรู้ว่าพูดอย่างไรจะเรียกคนให้แห่มายังโรงประมูลได้
“เช่นนั้น เชิญเจ้าค่ะ ลสานหินธาตุดิบอยู่ด้านหลังประตูนี้เท่านั้น” อูมู่เฉียวนำทางลูกค้ารายใหญ่คนแรกของร้านไปด้วยตนเอง
.
.
.
“นี่เจ้าสิ้นสติไปแล้วหรืออย่างไร ข้ารู้ว่าเจ้ามีสมบัติมากมาย แต่ใช้เงินเกือบพันตำลึงทองโดยไม่กระพริบตาเช่นนี้ได้อย่างไร แล้วนี่ยังจะไปใช้จ่ายเพิ่มอีก” ตงหม่าจางที่อดทนมานานกล่าว เมื่อเถ้าแก่เนี้ยของร้านเดินกลับเข้าไปด้านใน
“นั่นสิ เจ้าจะไม่ถูกบิดาโบยเอาหรือ” ฉือจี้ผ่าเตือนสติ
“เช่นนั้นมาพนันกันหรือไม่จี้ผ่า หากข้าได้ของมูลค่ารวมแล้วต่ำกว่าเงินที่เสียไป เจ้าจะต้องพาข้าเข้าเฝ้าเสด็จป้าฮองเฮาของเจ้าในวันเลือกผ้า ส่วนพี่หม่าจางหากข้าแพ้ท่านต้องผ่าและคัดแยกหินธาตุที่ข้าซื้อวันนี้ อย่างไรก็ของจำเป็น” ไป๋ลี่เฟยท้าพนันออกไปอย่างมั่นใจ
“หากเจ้าแพ้เล่า” ตงหม่าจางเอ่ยถาม
“ข้าจะไม่แพ้ แต่หากแพ้ข้าจะซื้อหินธาตุให้ท่านทั้งปีเลยเป็นอย่างไร จี้ผ่าเล่าอยากได้อะไรจากข้าหรือไม่” ลี่เฟยถามสหายรัก
“อืม…อันใดดีเล่า พี่หม่าจางช่วยข้าคิดที”