บทที่ 20 แย่งชิงหินธาตุ
“อ๊ะ!…ข้าจำได้แล้ว มีเครื่องแก้วชุดหนึ่งที่เจ้าได้มาจากดินแดนโพ้นทะเลเมื่อตอนวันเกิด หากเจ้าพ่ายแพ้ข้าเอาแก้วชุดนั้น” ฉือจี้ผ่าแววตาเป็นประกาย เมื่อนึกถึงชุดแก้วที่ใสกระจ่างเป็นทรงดอกไม้ ประดับฐานแก้วเป่าลวดลายของผีเสื้องดงามเกินบรรยาย
“เลือกได้ดี แก้วชุดนั้นงามเสียยิ่งกว่าบุปผาจากสวนในวังเสียอีก คิกคิก” ไป๋ลี่เฟยกระซิบเสียงเบา แต่ก็ไม่พ้นเรียกสายตาหวาดผวาจากตงหม่าจางให้จ้องมองมา “ไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะศิษย์พี่ ราชวงศ์มิได้โหดร้ายเช่นเสียงที่ร่ำลือกัน”
“ราชวงศ์ไม่ได้โหดร้ายกับผู้ที่ไม่มีความผิด” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลังของไป๋ลี่เฟย
“องค์ชายสาม…” หลังคำกล่าวของคุณหนูไป๋ ทั้งสามก็ย่อมกายลงทำความเคารพผู้ที่มาใหม่โดยพร้อมเพรียง
สายตาของลี่เฟยสอดส่องดูไม่เห็นเงาของไป๋ซินหยานจึงกลับขึ้นมาสบตากับจ้าวหลินไฉ่ “แล้วหม่อมฉันไปทำอันใดผิดมาหรือไม่เพคะ ราชวงศ์จะโหดร้ายกับหม่อมฉันหรือไม่”
“ผิดที่สวมใส่อาภรณ์สีที่ข้ารำคาญตาตลอดเวลา ทั้งยังชักจูงให้ผู้อื่นใส่ตาม” จ้าวหลินไฉ่ที่ยังไม่เคยมีโอกาสชำระความเอ่ยออกมา ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังอาภรณ์ที่แม้จะเป็นสีชมพู แต่สายคาดเอวก็ยังเป็นสีม่วงไม่ผิดเพี้ยนจากปกติ
ไป๋ลี่เฟยอมยิ้มน้อยๆ “องค์ชายก็แก้ปัญหาด้วยเงินตราแล้วมิใช่หรือเพคะ” รอยยิ้มน้อยแปรเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา “ส่วนอาภรณ์บนตัวหม่อมฉัน หากมิได้ตั้งเป็นอาญาแผ่นดิน เห็นทีจะแก้ไขไม่ได้”
“เจ้า…” จ้าวหลินไฉ่ที่ไม่คาดคิดว่าไป๋ลี่เฟยจะรู้เรื่องที่ตัวของเขาซื้ออาภรณ์มากมายให้แก่ไป๋ซินหยานชะงักเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นฉือจี้ผ่าที่ยืนเงียบงันอยู่ข้างตัวของคู่หมายจึงเข้าใจเรื่องราว
แท้จริงแล้วเหตุการณ์นี้จะไม่รู้มาถึงหูของคุณหนูใหญ่ไป๋เลย หากองค์ชายสามมิได้เลือกจับจ่ายอาภรณ์จากร้านที่บิดาของจี้ผ่าเป็นเจ้าของ เมื่อเห็นว่าองค์ชายสามซื้ออาภรณ์สตรีมากมาย จึงนำความบอกผ่านมาทางบุตรสาว ทว่าหลังจากนั้นไม่มีอาภรณ์ส่งมาที่ไป๋ลี่เฟย แต่ไป๋ซินหยานกลับสวมชุดตัดใหม่งดงามทุกวัน จึงทำให้นางแน่ใจว่าของเหล่านั้นหลินไฉ่ซื้อหาให้ซินหยาน
การกระทำล้อเล่น เพื่อระบายความขุ่นข้องหมองใจเล็กน้อยนี้ ส่งผลให้องค์ชายสามได้แสดงน้ำใจครั้งใหญ่ ทั้งยังได้ทำให้ไป๋ซินหยานดูเป็นบุปผาอ่อนแอ ถูกพี่สาวโป้ปดกลั่นแกล้ง แม้ไป๋ลี่เฟยจะมิได้จงใจส่งเสริมให้ทั้งสองเป็นคู่หยวนหยางผ่านการกระทำนี้ แต่ชะตาพระนางก็บิดโค้งเรื่องราวให้เป็นใจไปเอง
“หากไม่มีอันใดแล้วหม่อมฉัน และสหายขอเลือกดูหินธาตุนะเพคะ” ลี่เฟยที่รออยู่นานองค์ชายสามก็ไม่กล่าวอันใด จึงขอตัวหลบเลี่ยงมา
.
.
.
“มิหน่าเล่า ข้ารอดูอยู่นานก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะสวมใส่ผ้าลายใหม่ของร้านสกุลข้า” ฉือจี้ผ่ากระซิบให้ได้ยินเพียงสามคน
“ข้าไม่เข้าใจพวกเจ้าเลย ถกเถียงกันเรื่องสีอาภรณ์ ไร้แก่นสาร” ตงหม่าจางสับสน ไม่เข้าใจแม้เพียงนิดว่าเหตุใดชนชั้นสูงจึงหยิบเรื่องขี้หมูขี้หมาเช่นนี้มาเป็นอารมณ์
“คนเอาแต่ใจก็เช่นนี้…” ลี่เฟยกล่าวเรียบเฉย พยักหน้าให้บ่าวที่เถ้าแก่เนี้ยอูจัดให้มาดูแลกลุ่มตน นางตรงไปที่หินก้อนไม่เล็กไม่ใหญ่ที่กองอยู่ในลาน “ข้าชอบหินก้อนนี้ ผ่ามาแล้วต้องมีหินธาตุอยู่ภายในเป็นแน่” ลี่เฟยที่กำลังชี้ให้บ่าวประจำร้านย่อลงหยิบหิน ถูกองครักษ์ขององค์ชายหยิบหินก้อนที่นางต้องการตัดหน้าไปก่อน
“เอ๋…” ตงหม่าจางเปล่งเสียงออกมา
“อันนี้องค์ชายจับจองให้ข้ามาหยิบแล้วขอรับคุณหนูไป๋”
“อ้อ…เป็นเช่นนั้น” ลี่เฟยพยักหน้ารับรู้ จากนั้นนางจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหยิบหินก้อนอื่น แต่ไม่ว่าเป้าหมายของนางจะเป็นหินขนาดใด แถวใด ต่อให้ไม่มีวี่แววประกายความเป็นหินธาตุ องค์ชายสามก็จะส่งองครักษ์มาชิงไปเสมอ
ไอ้ลูกหนูสกปรก…
“ศิษย์พี่เดี๋ยวท่านขนหินธาตุจากแถวที่ข้าชี้คราแรกให้มากหน่อย เลือกก้อนที่ดูธรรมดาไม่ต้องมีสายธาตุ ข้าดูแล้วน่าจะมีหินธาตุ และเกล็ดธาตุอยู่มาก ส่วนจี้ผ่าเจ้าไปกลุ่มที่เล็กที่สุด ให้บ่าวประจำร้านช่วยถือสักสองสามตะกร้า หากพอแล้วข้าจะร้องบอกเอง”
ไป๋ลี่เฟยขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่และจี้ผ่า ที่เห็นว่าหากไม่อยกกันเลือกสรร คงไม่มีผู้ใดได้หินที่ต้องการ จึงกระจายตัวออกตามที่ลี่เฟยบอก
เมื่อคุณหนูไป๋หาทางออกให้ตนเองได้หินที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว นางก็มุ่งไปยังแถวหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด หากองค์ชายผู้นี้ต้องการแย่งชิงหินกับนาง เช่นนั้นลี่เฟยก็จะให้จ้าวหลินไฉ่มาแย่งชิงในสิ่งที่นางไม่ต้องการไปจนหมดกำลังเงิน
หินธาตุดิบเหล่านี้ ยังไม่ถูกผ่าออกมา การซื้อจะชั่งน้ำหนักหินดิบทั้งหมดก่อนผ่า ทำให้มีความเสี่ยงว่าหินบางก้อนที่ดูจากภายนอกมีเศษสายธาตุกระจายอยู่ ผ่าออกมาแล้วอาจไม่มีหินธาตุ เกล็ดธาตุ หรือผลึกธาตุอยู่เลยก็เป็นได้
แม้หินดิบจะถูกกว่าการซื้อหินธาตุที่คัดแยกแล้ว แต่หากเลือกก้อนที่มีน้ำหนักมาก แต่ไม่มีโชคภายใน ก็อาจลงเอยด้วยการจากแพงกว่าการซื้อสิ่งที่ต้องการโดยตรง และด้วยการเปิดตัวกล่องประมูล ทำให้หินธาตุดิบของเจี๋ยหูถูกร่ำลือออกไปด้วยเช่นกัน
ผู้คนกล่าวขานว่าของดีไปกองอยู่ที่หินขนาดกลาง และหินขนาดเล็ก แต่หินที่ใหญ่หรือมีสายธาตุด้านนอกกลับไม่ค่อยพบธาตุใด กลายเป็นกลเม็ดเลือกหินประจำโรงประมูลนี้ว่าต้องเลือกหินหน้าตาสามัญจึงจะพบโชคใหญ่
ไป๋ลี่เฟยเดินวนเลือกหินให้เหล่าองครักษ์ฉกฉวย แสร้งทำสีหน้าผิดหวังสลับหงุดหงิดเป็นระยะ แต่ภายในใจกลับเริงร่าที่ได้สูบตำลึงขององค์ชายสาม ผู้ไร้แววได้เห็นหินธาตุ เกล็ดธาตุ และผลึกธาตุ ทั้งสามสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบที่ใช้มากในการปรุงโอสถ และบำรุงปราณ เพื่อให้พร้อมเลื่อนขั้น จ้าวหลินไฉ่ที่กระหายการเลื่อนขั้น จึงมีชื่อเสียงโด่งดังว่าเป็นผู้ซื้อหินดิบรายใหญ่ของแคว้น
ในที่สุดเมื่อลี่เฟยเห็นว่าสหายของตนได้หินกันพอสมควรแล้วชิงจึงวางมือ แล้วหันไปในทิศที่องค์ชายสามยืนอยู่ “ข้าพอแล้ว!” นางกล่าวออกไปเพื่อสื่อสารกับกลุ่มตนเอง และจ้าวหลินไฉ่ในคราวเดียว
สิ้นเสียงของลี่เฟย องค์ชายสามก็ให้สัญญาณต่อองครักษ์ที่ป้วนเปี้ยนอยู่โดยรอบให้วางมือ เตรียมจะชั่งน้ำหนัก แล้วขนหินกลับไปผ่าที่วังของตนเอง แต่ลี่เฟยจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นมิได้ นางต้องการเห็นสีหน้าของจ้าวหลินไฉ่ เมื่อรู้ว่าของที่แย่งชิงไปล้วนแล้วแต่ไร้ค่า เป็นเพียงก้อนกรวดให้คนเหยียบย่ำได้เท่านั้น
“องค์ชายสามต้องใจหินก้อนเดียวกับหม่อมฉันถึงเพียงนี้ ผ่าที่ร้านให้ลี่เฟยได้เห็นเป็นบุญตาเถิดว่าหินที่เลือกนั้นพอจะเข้าทีหรือไม่” ไป๋ลี่เฟยเดินอ้อมมาดักหน้าไว้ แล้วยื่นคำร้องขอออกไป
“อย่างที่เจ้ากล่าวราชวงศ์ไม่โหดร้าย ให้ทางร้านผ่าหินให้ก็เพิ่มอีกไม่มากนัก เปิ่นหวางจะให้เจ้าได้รับชมเป็นกรณีพิเศษแล้วกัน” องค์ชายสามหันไปพยักหน้าให้เหล่าองครักษ์อีกครา จากนั้นไม่นานคนงานของร้านก็นำเก้าอี้ออกมาเรียงรายให้ลูกค้าในลานหินนั่งชมการผ่า