บทที่ 16 ชั้นเรียนโอสถ
เสียงแซ่ซ้องดังก้องอยู่ในชั้นเรียนวิชาโอสถพื้นฐานที่ระบุให้ศิษย์ในสำนักทุกคนต้องเข้าเรียน จึงทำให้ไป๋ลี่เฟยที่แม้จะมีอาจารย์ประจำแล้วก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการนั่งเรียนวิชานี้ไปได้ ต่อให้เบื่อหน่ายเพียงใดก็ต้องอดทน
การเรียนของศิษย์ชั้นปีแรกจะถูกบังคับให้ลงรายวิชาพื้นฐานในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายจะเลือกรายวิชาที่สนใจ ได้ร่ำเรียนกับผู้ช่วยอาจารย์ในสำนัก หากมีวี่แววก็อาจถูกดึงตัวเข้าเป็นศิษย์ใน และย้ายไปเรียนกับอาจารย์เหล่านั้นโดยตรง แต่หากธรรมดาสามัญก็จะต้องรอเลือกอาจารย์ตามเวลาที่กำหนดไว้
สำหรับศิษย์ปีที่สองและสามจะมีการเรียนวิชาบังคับเพียงบางวัน นอกเหนือจากนั้นจะอยู่ร่ำเรียนกับอาจารย์ของตน
ไป๋ลี่เฟยเลือกนั่งข้างฉือจี้ผ่าที่ดูตื่นเต้นไม่หาย นางจึงลูบแขนของคุณหนูฉือผู้นั้นเล็กน้อยให้คลายความกังวล “ไม่เป็นอันใดหรอก เจ้าจะตื่นเต้นไปทำไมกัน อาจารย์ผู้นี้ถามอันใดก็ให้ยกมือขึ้น”
“หากข้าตอบไม่ได้จะทำเช่นใด ยกมือต้องมั่นใจคำตอบก่อนไม่ดีกว่าหรือ” ฉือจี้ผ่าใบหน้ามีแต่ความวิตก
“เจ้าไม่สังเกตหรือ ครั้งก่อนนี้อาจารย์ก็เรียกแค่คนที่ไม่ยกมือ”
“ข้านึกว่าเรียกแค่คนที่ดูไม่ตั้งใจเสียอีก ข้ากลัวจริงๆ เจ้าดูที่หลังห้องสิ ศิษย์รุ่นพี่ยังมานั่งเรียนรวมกันกับเรา” ฉือจี้ผ่าหันหน้ามองเพียงครู่เดียวก็ก้มกลับลงมา
คุณหนูไป๋ผู้เล่นละครฉากชีวิตซ้ำ ไม่รู้ควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ ศิษย์พี่ที่ว่างเพราะอาจารย์ของตนต้องมาสอนชั้นเรียนนี้ ถูกใช้ให้มาสังเกตว่าศิษย์ใหม่คนใดมีความสามารถด้านโอสถ กลับกลายเป็นศิษย์ซ้ำชั้นไปเสียแล้ว
“เจ้าอย่าคิดอ่านอันใดมากเกินไปเลย สนใจแต่ตนเองก็เพียงพอแล้ว ชั้นเรียนรวมเช่นนี้ นั่งไปเดี๋ยวเดียวก็หมดเวลา” ลี่เฟยกล่าวทิ้งท้าย จากนั้นก็เงียบเสียงลงเพราะสังเกตเห็นอาจารย์เดินเข้ามาในชั้นเรียน
“เงียบ!” อาจารย์กุนวางไม้เรียวก้านยาวลงบนโต๊ะ “โอสถประสานปราณ” หลังอาจารย์กล่าวคำ แขนมากมายก็ชูขึ้นในอากาศรวมถึงแขนของลี่เฟยและจี้ผ่าที่ถูกลี่เฟยหยิกให้ยกขึ้นด้วยเช่นกัน
ผู้ที่ไม่ยกมีอยู่บ้างประปรายจึงกวาดสายตาดูว่าศิษย์คนใดที่หลบสายตาอยู่ อาจารย์กุนหันเลือกชี้ไปยังเสิ่นหรงฮวาที่นั่งอยู่ด้านหน้าไป๋ซินหยาน
“อาจารย์เรียกศิษย์ทำไมเจ้าคะ หรงฮวามิได้ยกมือเสียหน่อย”
“เช่นนั้นเจ้าจึงถูกเรียกอย่างไรเล่า ตอบถูกได้คะแนนเพิ่ม ตอบผิดข้าจะหักคะแนนเจ้า” อาจารย์หน้าชั้นตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูอย่างไรก็ชวนให้ขนหัวลุก “โอสถประสานปราณที่ดีเป็นอย่างไร”
“เม็ดกลมสวยงาม เนื้อยาอัดแน่น กลิ่นไม่ฉุน ปรุงขึ้นจากแพทย์โอสถชั้นครู” เสิ่นหรงฮวาเชิดหน้าขึ้นตอบอย่างมั่นใจ ตั้งแต่วัดระดับเสร็จสิ้นบิดาของนางก็เสาะหาลูกกลอนประสานปราณมาให้กิน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของลมปราณในกาย นางเห็นโอสถชั้นดีมาจนชินตา เด็กสาวหมายมาดว่าแม้จะเริ่มต้นที่ระดับต่ำ แต่อย่างไรด้วยเม็ดเงินของสกุลเสิ่น จะต้องทำให้ตนก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“แน่ใจในคำตอบตนมากเพียงใด” อาจารย์กุนใช้นิ้วชี้เคาะลงบนโต๊ะคล้ายกับว่ายามนี้กำลังนับจับเวลาอยู่
“…” หรงฮวาไม่ตอบสิ่งใด สีหน้าคล้ายไม่เข้าใจว่าคำตอบของนางไม่ถูกต้องตรงที่ใด
“หมดเวลารอคอย…เสียดายจริง คงต้องลบคะแนนเสียแล้ว”
“ดะ…เดี๋ยวเจ้าค่ะ” หรงฮวาร้องออกมา ก่อนจะลุกลี้ลุกลนตอบเพิ่ม “ต้องประสานปราณได้ดีและมีความคงตัวเจ้าค่ะ”
“อืม คำตอบนี้ยอมรับได้ นั่งลง” อาจารย์กุนว่าจบก็เริ่มบรรยายความสำคัญของโอสถประสานปราณ และขั้นตอนการปรุงที่จะได้ลงมือทำในวันนี้
ไป๋ลี่เฟยลอบสังเกตอยู่เห็นชัดเจนว่าเมื่อครู่ ไป๋ซินหยานแอบพึมพำบอกกล่าวคำตอบให้เสิ่นหรงฮวาที่ยืนอยู่ด้านหน้า
อ๋า…จิตใจดีช่วยเหลือทุกคนดั่งแม่พระผู้บริสุทธิ์!
คุณหนูไป๋คนพี่เกิดความไม่พึงพอใจ เพราะซินหยานช่างกลับกลอกในสายตาของนางเหลือเกิน คราก่อนปกป้องนางจากคำพูดของคุณหนูผู้นี้ แต่วันนี้กลับช่วยเหลือผู้ที่เคยกล่าววาจาร้ายกาจกับพี่น้องตนได้อย่างสบายใจ
“ลี่เฟย” ฉือจี้ผ่าสะกิดให้ไป๋ลี่เฟยเลิกเหม่อลอย
เมื่อกลับมาตั้งสติก็พบว่าอาจารย์เรียกถามตนอยู่ ไป๋ลี่เฟยจึงยืนขึ้นถามให้แน่ชัดว่าตนต้องตอบสิ่งใด “อาจารย์ถามอันใดนะเจ้าคะ”
“เห็นแก่ว่าพึ่งเข้าสำนักมาไม่นาน ข้าจะถามให้อีกครั้ง หากไม่มีเกล็ดธาตุต้องทำอย่างไร”
“หากไม่มีเกล็ดธาตุ สามารถใช้เปลือกของหินธาตุแทนได้ ทว่าต้องบดให้เล็กลงก่อน แม้คุณภาพไม่เท่าเทียมแต่ก็พอใช้ได้ แต่หากไม่มีทั้งเปลือกหินและเกล็ดธาตุ สามารถใช้ธาตุปราณในกายผู้ปรุงแทนได้ ข้อเสียคือต้องนำโอสถไปใช้งานทันทีไม่อาจเก็บไว้ได้เจ้าค่ะ” ไป๋ลี่เฟยตอบตามความเข้าใจของตนอย่างครบถ้วน เพราะโอสถพื้นฐานเช่นนี้ หากใส่ใจเสียหน่อยก็หาอ่านในหอตำราเอาได้ แต่นางกลับได้รับสายตาแปลกประหลาดจากสหายร่วมชั้นจับจ้องมา เว้นก็แต่ศิษย์หน้าห้องที่รู้อยู่ก่อนแล้วจึงพยักหน้ารับกันเล็กน้อย ลี่เฟยจึงประหลาดใจอยู่บ้าง
“อาจารย์มิได้สอนเช่นนั้น” ฉือจี้ผ่าส่ายหน้ากระซิบแผ่วเบาให้ลี่เฟยได้ยินเพียงผู้เดียว ทั้งยังแอบลอบกลืนน้ำลายให้สหายของตน ที่อาจถูกหักคะแนน
“มั่วขึ้นมาเองชัดๆ” เสิ่นหรงฮวาทำสีหน้าเย้ยหยันออกมา “อาจารย์หักคะแนนนางเลยเจ้าคะ”
“คุณหนูเสิ่น ข้าเพียงชอบอ่านตำราเตรียมตัว เจ้าก็ควรลองหามาอ่านบ้าง เมื่อมีคนตอบอะไรแตกต่างออกไป จะได้ไม่แสดงความเขลาออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาผู้คนเช่นนี้”
“เจ้ากล้าด่าข้าหรือ?! ข้าไม่เชื่อหรอก อาจารย์เจ้าคะ ไป๋ลี่เฟยตอบผิดใช่หรือไม่เจ้าคะ” หรงฮวายืนขึ้นชี้ไป๋ลี่เฟย ก่อนจะหันไปเรียกร้องคำตอบจากอาจารกุน
“นางตอบถูกต้องแล้ว หากที่สุดแล้วไม่อาจหาสิ่งทดแทนได้ ธาตุปราณในกายก็ใช้ได้เช่นกัน เพียงแต่ศิษย์ทั้งหลายยังไม่ปรากฎพลังธาตุ ข้าจึงไม่ได้สอนในครานี้ ลี่เฟยนั่งลงได้” อาจารย์กุนสั่ง
เมื่อบทสรุปออกมาเป็นเช่นนี้ เสิ่นหรงฮวาได้แต่นั่งลงเงียบๆ รับเสียงหัวเราะเยาะมากมายจากศิษย์ร่วมชั้น จนอาจารย์กุนเริ่มกลับมาสอน สลับกับถามตอบวนเวียนไป
อีกครู่หนึ่งมีการสั่งจับคู่ให้ทำโอสถประสานปราณสิบเม็ด หากทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์จะได้ออกไปพักผ่อนแม้ยังไม่หมดเวลา จึงเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นอีกครั้ง ต่างคนต่างจับคู่กับเพื่อนของตน หรือศิษย์ที่ระดับไม่ต่ำจนเกินไป
เสิ่นหรงฮวาได้รับรู้ว่าตัวนางไม่เป็นที่ต้องการ ยิ่งปล่อยไก่จนถูกหัวเราะเยาะการหาคู่จึงยากเย็นขึ้นหลายเท่า เหลือเพียงไป๋ซินหยานที่ปฏิเสธการจับคู่กับเหล่าคุณชาย และไม่มีเพื่อนสนิทหญิง จึงต้องจำใจยอมมาคู่กับไป๋ซินหยานที่มีสถานะไม่ทัดเทียมกัน เมื่อศิษย์ทั้งหลายได้คู่ของตนเองแล้ว ก็ย้ายไปฝั่งที่จัดเตาหลอมยาไว้
“ข้าขออยู่ตรงนี้ด้วยนะเจ้าคะ พี่หญิง” ไป๋ซินหยานเดินเข้ามาใกล้ลี่เฟยและจี้ผ่า
“เตาว่างอยู่ ไม่จำเป็นต้องขอข้า” ไป๋ลี่เฟยตอบปัดๆ สนใจเพียงสมุนไพร และจี้ผ่าที่อาสาจะระบุธาตุให้
“นี่เกล็ดธาตุน้ำหรือไม่ลี่เฟย ข้าไม่แน่ใจนัก” ฉือจี้ผ่าที่จมดิ่งกับการสังเกตเกล็ดธาตุอันเป็นวัตถุดิบสำคัญตัดสินใจเอ่ยถาม เพราะความยากของโอสถชนิดนี้มิใช่การหาส่วนผสม แต่เป็นวิธีการปรุงที่จะแตกต่างกันไปตามแต่เกล็ดธาตุที่ได้มา
“ธาตุน้ำหรือ เอามานี่นะ” เสิ่นหรงฮวาคว้าไปจากมือจี้ผ่าไปก่อนที่จะได้ยื่นให้ไป๋ลี่เฟยดู
“เจ้าทำบ้าอะไร กระชากไปเช่นนั้น ไร้มารยาทยิ่ง!” ลี่เฟยก่นด่าไปตามตรง
“เจ้าก็เอาอีกถ้วยไปสิ ธาตุน้ำปรุงง่ายกว่า ข้ามีระดับสีส้ม พวกเจ้าควรมีน้ำใจต่อข้าบ้าง”
“ข้าบอกว่าจะช่วยอย่างไรเล่า” ไป๋ซินหยานขมวดคิ้วกล่าวขึ้น
“ลูกฮูหยินรองอย่างเจ้าถึงจะระดับสูงแต่จะมีปัญญาอะไรมาช่วยได้มากมายกัน สถานะดีๆ ยังมีไม่ได้” หรงฮวาพูดเต็มปากเต็มคำ
“เกี่ยวอันใดกัน ในศาสตร์ปราณพลัง การเป็นลูกภรรยาเอกต่างหากที่ไม่ช่วยอันใด มิเช่นนั้นคงมีคนอาสาจับคู่กับเจ้ามากมายแล้ว” ฉือจี้ผ่าที่พึ่งมีโอกาสได้พูด ถือโอกาสตอกหน้าให้คุณหนูเสิ่นให้กลับเข้าที่ทาง
“เห้อ” ไป๋ลี่เฟยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
น่ารำคาญเสียจริง คุณหนูเสิ่นผู้นี้ไม่มีคำด่าแบบอื่นแล้วหรืออย่างไรกัน…เบื่อ
“ให้นางไปเถิด จะเป็นธาตุใด เราก็ควรทำให้ได้” ลี่เฟยหยิบเกล็ดธาตุอีกถ้วยให้จี้ผ่าระบุประเภท จากนั้นก็เริ่มลงมือปรุงโอสถลูกกลอนของคู่ตนอย่างตั้งใจ
ส่วนไป๋ซินหยานที่ถูกว่ากระทบไปถึงชาติกำเนิดก็เงียบลง จนไม่อาจคาดเดาได้ว่าภายในใจคิดอ่านสิ่งใดอยู่
.
.
.
“โอ๊ย! แสบ คุณหนูเสิ่นทำร้ายข้าทำไมกัน” เสียงร้องแหลมสูงดังขึ้น เรียกสายตาคนทั้งชั้นจับจ้องมาเป็นตาเดียวในบัดดล