ตอนที่ : 6 อีกหนึ่งชีวิต 3

1472 คำ
ใบหญ้าเพิ่งรู้ว่าสายใยแห่งพ่อลูกมันบางแสนบางเพียงแค่สะกิดเบาๆ ก็หลุดขาดออกขากกัน ในวันที่บิดาได้เดินหันหลังออกจากผับของเสี่ยเส็ง โดยมีสายตาของคนเป็นลูกสาวทอดมองตามหลังด้วยความเสียใจ หากเพียงแค่บิดาของเธอห่วงหาอาทรเธอบ้าง คงจะไม่โศกเศร้าอาดูรเหมือนในตอนนี้ แต่นี่ท่านไม่แม้แต่จะปรายตากลับมามองตัวเธอเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวดันตัวลุกขึ้นจากโซฟาแล้วตะโกนตามหลังบิดาไป “หนูจะมีชีวิตแบบที่พ่อต้องการ” เหมือนเป็นคำพูดที่ประชดประชันเพราะในใจของหญิงสาวกำลังพูดว่า ‘หันมาเถอะค่ะพ่อ’ หญิงสาวภาวนา ‘ได้โปรดช่วยจำลูกสาวคนนี้ไว้ด้วย ช่วยจำว่าหนูคือลูกของพ่อ...’ นายศักดิ์ชัยหันหน้ามาตามเสียงเรียกของลูกสาว ชายสูงวัยมองเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ไร้เสียงสะอื้นไห้หรือถ้อยคำด่าขาน ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้หัวใจของคนเป็นพ่อเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไร เพราะตนได้ผลักลูกสาวเข้าสู่นรกด้วยมือตัวเอง แต่จะให้ทำอย่างไรได้ก้าวเท้าเข้าถ้ำเสือไปเสียแล้ว ไม่มีทางที่เสือมันจะปล่อยออกมาง่ายๆ ไม่เช่นนั้นคงต้องตายทั้งพ่อและลูก ‘พ่อขอโทษนะหญ้า สักวันพ่อจะกลับมาพาลูกออกไปจากนรกแห่งนี้เอง’ เขาได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจด้วยความร้าวราน ก่อนจะหันหลังกลับออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกจากหัวอกของคนเป็นพ่อ โดยที่คนเป็นลูกไม่มีวันได้ล่วงรู้เลย ‘ขาดแล้ว...เส้นใยบางๆ ระหว่างเรามันขาดแล้วค่ะพ่อ...นั่นคือเสียงที่ใบหญ้าร่ำร้องอยู่ข้างใน’ “อย่าได้คิดหนี อย่าได้คิดตาย เพราะคนที่อยู่มันจะลำบาก” นั่นเป็นคำขู่ของเฮียเส็งคนที่เธอต้องอยู่ทำงานด้วยเพื่อใช้หนี้แทนพ่อ หญิงสาวเข้าใจความหมายของคำขู่เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าทำอย่างที่เฮียเส็งคนที่จะต้องถูกทำร้ายคงไม่พ้นบิดาของเธอเอง ไม่ช้าหญิงสาวก็ถูกนำตัวไปแต่งองค์ทรงเครื่องเสียใหม่ น้ำตาเจ้ากรรมที่ไหลไม่ยอมหยุดส่งผลให้ช่างแต่งหน้าต้องเสียเวลาแต่งนานเป็นพิเศษ “คุณน้องขาทำใจเสียเถอะ ร้องไห้อย่างนี้พี่เชอรี่ก็ลำบากใจนะคะ แต่งหน้าไม่ได้เลย ดูซิ น้ำตาไหลมารวมกับรองพื้นจับตัวกันเป็นก้อนเลย” ช่างแต่งหน้าจำเป็นที่เดิมเคยทำอาชีพผู้หญิงบริการมาก่อนเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าน้ำตาของหญิงสาวเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของตัวเอง “ฮื้อๆๆ” มีแต่เสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดของคนตรงหน้า ใบหญ้าฝืนทำใจแข็งต่อหน้าผู้เป็นพ่อเท่านั้น พอคล้อยหลังไม่ทันไรน้ำตากับเสียงร่ำไห้ก็พังทลายออกมาไม่ยอมหยุด “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนดี ไม่แน่นะสวยๆ อย่างคุณน้องขา อาจจะมีอาเสี่ยเอาไปเลี้ยงดูไม่ต้องทนรับแขกไปชั่วกัปชั่วกัลป์แบบพวกพี่หรอก” คำปลอบใจของเชอรี่ไม่ได้ทำให้ใบหญ้าคลายเศร้าลง กลับเพิ่มเสียงสะอื้นดังขึ้นกว่าเดิมเสียอีก “ฮื้อๆๆ” สายตาของใบหญ้ายังคงมองตรงไปยังประตูห้อง ภาวนาอยู่ในใจของให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ขอให้บิดากลับมาช่วยเธอออกไปที ทว่าความจริงแล้วมันไร้ซึ่งเงาของบิดา “อ้าว เวรเลยกู” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าจะหยุดร้องไห้ เชอรี่จึงได้เดินกลับไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา “ร้องให้พอร้องให้เต็มที่ไปเลยค่ะคุณน้อง พี่ให้เวลาห้านาที ให้ได้แค่นี้นะ แล้วอย่ามาสำออยอีกล่ะ ไม่งั้นพี่ก็จะซวยเพราะน้องไปด้วย” เชอรี่ก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วเหมือนกัน ถ้าหากจัดการให้ใบหญ้าสวยสดตามความต้องการของเจ้าของผับไม่ได้คงเจอต่อว่าเข้าให้ ใบหญ้าใช้ห้านาทีอันน้อยนิดจนคุ้มค่า แล้วจึงหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มของตัวเอง เหลือบสายตาไปมองยังคนที่นั่งหน้าเชิดอยู่ตรงโซฟาเหมือนอยากจะขอความเห็นใจ แต่อีกฝ่ายคงจะเห็นนิตยสารแฟชั่นที่อยู่ในมือน่าสนใจมากกว่าเธอ “มาแต่งได้เลยค่ะพี่” หญิงสาวยอมถอดใจเอ่ยออกมา เกรงว่าอาจจะทำให้อีกคนต้องเดือดร้อน “ดีมากค่ะคุณน้อง” เชอรี่รีบวางนิตยสารในมือแล้วลุกขึ้น ก่อนจะชะงักงันเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคน “โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย ตาบวมขนาดนี้เลยหรือนี่แล้วจะแต่งหน้าได้ยังไง คุณน้องขาทีหลังเวลาร้องไห้อย่าเอามือเช็ดสิคะ มันจะบวมมากจนไม่สวย ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกไปเอง หรือไม่ก็เอาทิชชูมาซับเบาๆก็พอ” เชอรี่ออกอาการเซ็งกับสภาพอันยับเยินที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของหญิงสาว แต่ก็ไม่วายแนะนำด้วยความหวังดี “ค่ะพี่” ใบหญ้ายิ้มเศร้าๆ แล้วปล่อยให้หญิงสาวจัดการกับใบหน้าของตนเอง ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เปลี่ยนหญิงสาวที่งดงามดั่งนางในวรรณคดีให้กลายร่างเป็นหญิงกร้านโลกไปเสียแล้ว ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเข้มจัดจนเกินงาม สวมเกาะอกผ้ากำมะหยี่สีแดงสด สั้นเหนือเข่าจนเห็นโคนขาเรียวสวย เครื่องประดับเทียมดูแวววับขับกับสีผิวขาวผ่องเย้ายวนตา ใบหญ้ามองผู้หญิงในกระจกเงาตรงหน้า ความเป็นคนของเธอถูกขายในราคาห้าแสนบาท ด้วยน้ำมือของคนที่เธอเรียกว่า พ่อ น้ำตาที่อยากจะไหลออกมามันย้อนกลับเข้าไปในอก ความเจ็บปวดมันยากเกินจะสามารถอธิบายออกมาได้ จบกันทีความสาวความภาคภูมิใจที่เคยมี “ไปได้แล้วค่ะคุณน้องขา เดี๋ยวลูกค้าจะรอนาน” เสียงของเชอรี่ปลุกให้หญิงสาวตื่นจากห้วงความคิดของตน “ลูกค้า?” นิ่งหน้าคล้ายยังงุนงงอยู่ “ค่ะ ลูกค้า เราต้องไปนั่งกันตรงห้องกระจกให้ลูกค้าเขาเลือกนะคะ รู้จักไหมคะนวลนางในตู้กระจก รู้ไว้ด้วยว่าด้านหน้าที่นี่เป็นผับแต่ข้างในเราขายเนื้อสดกัน” เชอรี่กล่าวอย่างกับว่าตัวเธอเป็นเสื้อผ้าที่วางแสดงตามหน้าร้านรอลูกค้ามาเลือกซื้อ มันคงเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ทำอาชีพนี้ แต่สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่ เชอรี่จูงมือของใบหญ้าให้เดินไปตามทางเดินขนาดเล็ก ก่อนจะสวนทางกับชายวัยกลางคนที่กำลังเชิญลูกค้าเข้าไปยังห้องวีไอพีอีกด้านหนึ่งพอดี “เชอรี่จะพานังนั่นไปไหน” เสียงของนายสนธยาคนที่มีตำแหน่งคุมผับแห่งนี้ถามขึ้นหลังจากเชิญลูกค้าคนสำคัญเข้าห้องไปแล้ว “อ้าว พี่สนก็จะพาไปโชว์ตรงหน้าตู้ไงพี่” คำตอบของเชอรี่ทำให้นายสนธยาออกอาการงงเล็กน้อย ก่อนจะหันความสนใจไปยังหญิงสาวที่ยืนทำหน้าไร้ชีวิตจิตใจอยู่ด้านข้างกับเชอรี่ “สวยเป็นบ้าเลย วันหลังคงต้องขอใช้บริการบ้างแล้ว” สายตาหื่นของมันแสดงออกมาอย่างหยาบคาย ใบหญ้าต้องเม้มริมฝีปากเอาไว้ทั้งที่อยากจะหาอะไรมาฟาดมันสักที “อ๊ะ! ไม่ได้โว้ย! เมื่อกี้เชอรี่บอกว่าจะพาไปโชว์หน้าตู้ใช่ไหม นี่ไม่รู้เหรอว่าคนนี้เฮียเส็งเขาจองแล้ว โน่นพาไปนั่งรอในห้องของเฮียเส็งโน่น” นายสนธยาเพิ่งนึกได้ว่าเจ้านายสั่งอะไรเอาไว้หน้า “ก็เชอรี่ไม่รู้นี่นา ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ” เชอรี่อดบ่นไม่ได้ “ไปค่ะคุณน้องขาไปรอที่ห้องโน้นกัน” คนพูดดึงมือของใบหญ้าให้เดินตรงไปยังห้องทำงานของเฮียเส็ง โดยมีสายตาเสียดายของนายสนธยามองตามหลังไปติดๆ “แม่งนางฟ้าชัดๆ” นายสนธยาส่ายหัวเบาๆ ตั้งแต่ทำงานที่นี่มาไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนที่มันสะดุดตาได้เท่าแม่คนนี้มาก่อนเลย รอก่อน รอให้นายมันเบื่อเสียก่อนไม่พ้นมือของมันไปได้หรอก มันหมายมั่นเอาไว้ก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม