เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าแล้วที่ใบหญ้าได้พยายามหางานใหม่ทำ แต่ก็ไร้วี่แววติดต่อกลับจากบริษัทไหนแม้แต่แห่งเดียว หญิงสาวเริ่มรู้สึกท้อแท้ต่อโชคชะตาที่เหมือนคอยกลั่นแกล้งเธออยู่เรื่อยไป บางทีก็อยากจะถามเหมือนกันว่าเธอทำผิดอะไรนักหนาถึงได้ซ้ำเติมกันแบบนี้ ที่ร้ายไปกว่านั้นเงินที่ได้รับจากการเลิกจ้างงานก็ยังถูกผู้เป็นพ่อนำไปละลายในบ่อนพนันเกือบหมด ซึ่งดูเหมือนระยะหลังมานี้พ่อของเธอจะยึดมันเป็นกิจกรรมหลักในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว
และเหมือนโชคชะตาอันเลวร้ายจะไม่ยอมปล่อยมือจากเธอเสียที เมื่อมันได้นำพาความหายนะครั้งใหญ่มาสู่เธอใบหญ้าด้วยน้ำมือของคนเป็นพ่อนั่นเอง
“โครม!” ประตูไม้เก่าๆ ถูกถีบพังกระเด็นเข้ามาในบ้านที่สองพ่อลูกกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่
“เพล้ง!” โต๊ะกินข้าวขนาดเล็กถูกพังกระจายไปคนละทิศทางจากน้ำมือของชายแปลกหน้าสามคน
“ว่าไงคุณศักดิ์ชัย เงินของเฮียได้หรือยัง” มันกระชากคอเสื้อของนางศักดิ์ชัยขึ้นมา
“ขอเวลาอีกหน่อยนะครับ” คนถูกขู่ยกมือไหว้ร้องขอเสียงสั่นเทา ขณะที่ใบหญ้ายังยืนตกตะลึงพิงหลังกับผนังบ้านยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความตกใจ
“หมดเวลาแล้วคุณศักดิ์ชัย ตุบ!” กำปั้นหนักๆ ทุบลงไปบนหน้าท้องของนายศักดิ์ชัย ร่างของชายสูงวัยทรุดลงกับพื้น สีหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บแสนสาหัส
“พลั่ก! ผัวะ!” พวกมันจัดหนักมาอีกชุดใหญ่ๆ โดยไม่คิดจะฟังคำร้องขอของอีกฝ่าย ใบหญ้ารีบวิ่งเข้ามาห้ามด้วยความสงสารบิดา ออกแรงผลักพวกมันออกทีละคน พร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างขวางไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายบิดาของตน
“อย่าทำอะไรพ่อฉันเลย” คำพูดของหญิงสาวไม่ได้ทำให้พวกมันทั้งสามรู้สึกรู้สาอะไร ตรงกันข้ามกลับแสดงสีหน้าขบขันออกมาอย่างชัดเจน “พ่อฉันเป็นหนี้พวกนายเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายแทนให้เอง” คำพูดของหญิงสาวทำให้พวกมันทั้งสามหัวเราะเสียงดังออกมา
“ห้าแสนบาทนังหนู ว่าไงจ่ายไหวไหม” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้น พร้อมกับใช้สายตาแทะโลมเนื้อตัวหญิงสาวตรงหน้า ราวกับกำลังประเมินบางสิ่งบางอย่างอยู่
“หะห้าแสน...” ใบหญ้าถึงกับอ้าปากค้างหลังจากได้ยินตัวเลขจากปากของอีกฝ่าย จำนวนเงินมันมากเกินความสามารถของเธอ ยิ่งตกงานด้วยยิ่งไม่มีทางหาได้เลย
พวกมันคนหนึ่งใช้มือผลักหญิงสาวออกห่างจากนายศักดิ์ชัย ก่อนจะใช้มือจิกเส้นผมของนายศักดิ์ชัยขึ้นมา
“ไม่นะ!” ใบหญ้าหวีดร้องอย่างตกใจถลาเข้าไปหมายจะห้ามแต่ถูกพวกมันอีกสองคนจับตัวเอาไว้ก่อน
คนที่จิกเส้นผมบิดาของเธอหันมายิ้มแสยะตรงมุมปาก สายตามองมาจาบจ้วงจนใบหญ้าอยากจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
“ห้าวัน...” ใบหญ้าได้ยินแค่นั้นเพราะหลังจากนั้นมันเลือกกระซิบเบาๆ ตรงหูบิดาของเธอแทน
ใบหญ้าไม่คิดว่าเรื่องที่ตนไม่ได้ยินนั้นมันโหดร้ายเพียงใด รับรู้แค่ว่าบิดาของเธอดูหวาดหวั่นไม่น้อยกับคำพูดของมัน และสายตาที่มันจ้องมองมาทางเธอช่างหยาบโลนเหลือเกิน
ห้าวันที่พวกมันขีดเส้นตายเอาไว้ ทำให้นายศักดิ์ชัยไม่สามารถข่มตาหลับได้สนิทแม้แต่คืนเดียว เป็นเรื่องยากแก่การตัดสินใจยิ่งนัก แม้จะไม่ได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ แต่ว่าความเป็นพ่อลูกก็ไม่อาจตัดขาดจากกันได้ ล่วงเข้าวันที่สี่นายศักดิ์ก็ตัดสินใจที่จะหนีหายไปจากบ้าน ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าจะต้องให้ลูกสาวต้องตกนรกด้วยน้ำมือของตนเอง กระเป๋าเดินทางขนาดย่อมถูกรื้อออกมา เสื้อผ้าสองสามชุดถูกยัดเข้าใส่อย่างลวกๆ รีบเร่งออกจากบ้านไป ด้วยเกรงว่าลูกสาวที่ออกไปหาสมัครงานทำจะกลับมาเห็นตัวเองเข้า ทว่าเพียงแก่ก้าวเท้าออกนอกรั้วบ้าน กลุ่มชายฉกรรจ์สามคนก็เดินตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! พวกมึงเป็นใครกันมาจับกูทำไม” คนถูกรวบตัวโวยวายขึ้นด้วยความตกใจ
“แล้วมึงจะไปไหนวะ” คนที่ยืนเฉยตรงหน้าถามขึ้นลอยๆ ส่วนอีกสองคนก็ล็อกแขนของนายศักดิ์ชัยเขาเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ไปใหนก็เรื่องของกูไม่เกี่ยวกับพวกมึง ปล่อยกู!”
“ตุบ!” กำปั้นหลุนๆ ของคนตรงหน้าชกลงตรงหน้าท้องของนายศักดิ์ชัย คนถูกชกถึงกับทรุดลงไปกองอยู่กับพื้นถนนพร้อมกับกระเป๋าในมือ
“ถ้าไม่เกี่ยวกับพวกกูมึงก็ไปได้เลย เดี๋ยวพวกกูจะไปเอาคืนกับลูกสาวมึงเอง ดีเหมือนกันนะมึงได้ลูกเขยพร้อมๆ กันสามคน” ความเจ็บปวดของร่างกายไม่ทำให้เจ็บเท่ากับสิ่งที่พวกมันพูดออกมา
“จริงดิพี่ เห็นเขาบอกว่าสวยหยาดฟ้ามาดินเชียว ผมก็อยากลองดูเหมือนกัน” คนที่ล็อกแขนของนายศักดิ์ชัยเอาไว้ทำตาวาวขึ้นมาในทันที
“พวกมึงเป็นใคร” เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกมันคุยกันแล้ว นายศักดิ์ชัยถึงกับเอะใจขึ้นมา
“กูก็เป็นคนของเจ้าหนี้ของมึงไง จำได้ไหมเฮียเส็งยังไงล่ะ ทีนี้มึงยังอยากจะหนีอีกไหมกูจะไม่ห้ามเลย เฮียเขาแค่อยากให้พวกกูมาดูว่า ถ้ามึงหนีก็ให้เอาตัวลูกสาวมึงไปได้เลย แต่ว่าก่อนเอาไปให้เฮียเส็ง ลูกมึงคงได้ผัวทีเดียวสามคนก่อน” ลูกน้องเฮียเส็งสามคนนี้ดูเลวร้ายกว่าก่อนหน้าเสียอีก เหมือนกับว่าเฮียเส็งสั่งมาขู่และข่มขวัญลูกหนี้ที่คิดหนีโดยเฉพาะ
นายศักดิ์ชัยถึงกับหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ถ้าต้องทิ้งให้ใบหญ้าต้องเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้ายแบบนั้น สู้ยอมพาหญิงสาวไปส่งให้เฮียเส็งด้วยมือของตนเองจะดีกว่า ที่จะปล่อยให้สามคนนี้ข่มขืนอย่างโหดร้ายทารุณ อย่างน้อยคนอย่างเฮียเส็งก็ดูดีมีภาษีกว่าพวกนี้ตั้งเยอะ ลองว่าได้เป็นผู้หญิงของเฮียเส็งไอ้พวกลูกน้องก็คงไม่มีใครกล้าแตะ นายศักดิ์ชัยตัดสินใจทำเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ เมื่อต้องขายลูกใช้หนี้
“ไม่! หนูไม่ขายตัวใช้หนี้ให้พ่อหรอก” น้ำเสียงสั่นเครือของลูกสาวทำให้คนเป็นพ่ออดสงสารไม่ได้ แต่มันไม่มีหนทางอื่นให้เลือกเลย
“ดี! ให้มันได้อย่างนี้ ยอมให้พ่อของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตา เอ็งมันลูกอกตัญญูจริงๆ” นายศักดิ์ชัยตวาดเสียงดังลั่นทั้งที่ในใจก็ปวดร้าวไม่ต่างกัน
“พ่อ หนูจะหาเงินมาใช้หนี้แทนพ่อเอง แต่ขอเวลาหน่อยนะให้หนูหางานได้ก่อน พ่อไปพูดกับพวกนั้นให้ผ่อนจ่ายไม่ได้เหรอ”
“เอ๊ะ! นังนี่ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นข้าคงไม่ต้องให้เอ็งไปขายตัวใช้หนี้แทนหรอก วันนี้วันสุดท้ายแล้วถ้าเอ็งไม่ไป ดีไม่ดีมันจะส่งลูกน้องมาลากตัวไปเอง กลัวแต่ก่อนจะถึงมือเฮียเส็ง เอ็งจะได้ผัวทีเดียวสามคนรวดอย่างที่พวกมันพูดเอาไว้ แต่ถ้าเข้าไปหาเฮียเส็งเขาแต่โดยดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวใครจะมาข่มเหง เพราะว่าคนอย่างเฮียเส็งเขาดูแลเอ็งได้”
พูดจบก็รีบหันหลังหนีทันที แค่เห็นสีหน้าทุกข์ทรมานของลูกสาว คนเป็นพ่อก็แทบหัวใจสลายได้เช่นเดียวกัน ใครว่าเขาไม่มีหัวใจไม่รักลูกไม่จริงเลยสักนิด
“พ่อ...” ความเสียใจมันไม่สามารถบรรยายออกมาได้ น้ำตาแห่งความอาดูรไหลรินอาบสองแก้ม
“ถ้ามันมีทางเลือกอื่นข้าคงไม่เลือกทางนี้หรอก” นายศักดิ์ชัยเอ่ยเสียงเบาหวิวคล้ายคนอยากร้องไห้
คนเป็นลูกถึงกับนึกคำที่จะมาโต้ไม่ออก มองเห็นบิดาไหล่ห่อคอตกก็นึกสงสาร ถ้านี่จะเป็นหนทางเดียวที่ช่วยพ่อได้มีหรือเธอจะไม่ทำ เพียงแต่ว่ามันโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ
“พ่อ...หนูต้องขายตัวจริงๆ ใช่ไหมฮื้อๆๆ” เอ่ยจบก็ร้องไห้โฮวิ่งเข้าห้องนอนไป