Soulmate 4 : หมดเวลา

2641 คำ
ทุกอย่างมันเริ่มจะดี เริ่มมีกินข้าวด้วยกันบ้าง แชทกันบ้าง โทรหากันบ้าง อย่าใช้คำว่าโทรหากัน ใช้คำว่าฉันโทรอยู่คนเดียวดีกว่า แล้ววันนี้เราก็มีนัดกัน Third Chat on ........ [ มินิท หิวข้าว ] “คร่า นายท่านสั่งจังเลย จะกินอะไรอะ ฉันมาสมัครเป็นแฟนนะ ไม่ใช่เบ้” [ ทำกับข้าวเป็นไหม ] “ อะไรที่ง่ายๆก็พอได้อยู่น้า “ [ งั้นมาเลย ฉันรอที่บ้าน ] จบการสนทนา เหอะๆ ตอนนี้นอกจากจะเข้าใจยาก เอาแต่ใจ ขี้หงุดหงิด ยิ้มยาก แล้วยังชอบสั่งด้วย แต่ก็นะ เดี๋ยวนี้ก็มียิ้มนิดๆ แถมยังยอมเปิดใจให้ฉันมาขึ้นหน่อย แต่มันจะเพียงพอกับ 1 อาทิตย์ที่เหลือไหม ฉันเดินลงบันไดมา เห็นโน๊ตที่หน้าตู้เย็น [ แม่มีงานกลับดึก หาอะไรกินก่อนเลย ตังอยู่บนตู้เย็น ] ก่อนจะหยิบมันแล้วขยำลงถังขยะ ก่อนจะหยิบตังแล้วตรงไปบ้านเติร์ดทันที บ้านเรามันไม่ได้ห่างกันมาก จะห่างกันก็แค่ 2 ซอยเท่านั้น ติ๊งต่อง~* ฉันกดออด ไม่นานเขาในชุดผ้ากันเปื้อนก็ออกมาเปิดประตู ใส่ผ้ากันเปื้อนด้วยเหรอ ชุดนี้น่ารักอะ อิอิ “จะยิ้มอีกนานไหม จะเข้าไหมบ้านอะ” “ดุจริง” ฉันหุบยิ้มทันทีแล้วเดินตามเติร์ดเข้าไปในบ้าน ทั้งๆที่เรียกฉันมาทำกับข้าว แต่มาถึงเขากลับทำเสร็จหมดแล้ว เอ้ออออ แค่อยากกินข้าวกับฉันล่ะสิ มันทำเอาฉันต้องยิ้มอีกครั้ง ฉันไม่รู้เลยว่าเขาเองก็มีมุมน่ารักแบบนี้ด้วย “ไม่ต้องยิ้ม ฉันก็ทำให้สาวทุกคนนั่นแหละ” คำพูดตัดอารมณ์ แต่ก็ไม่อาจจะทำให้ฉันหุบยิ้มได้ “แสดงว่าฉันก็นับเป็นหนึ่งสาวในชีวิตนายแล้ว” “มันก็ใช่ แต่ถ้าอยากให้จดจำ ต้องพยายามให้มากกว่านี้” คำพูดเบาๆ ที่ดังข้างหูทำเอาฉันสตั้นไปเลย อย่าทำให้เขินจะได้ไหม มันเสียอาการ หลังจากกินข้าวเสร็จ มันกลายเป็นเขาที่ชวนฉันทำนู่นทำนี่ ทำไมวันนี้น่ารักแบบนี้อะ “ดูหนังไหม” “ เอาสิ” ให้มันได้แบบนี้สิ เขาโยน Dvd หนังลงบนโต๊ะ ฉันหยิบขึ้นมาดูมีแต่หนังผี แล้วเดินไปดูชั้นเก็บ Dvd ทำไมมันมีแต่หนังผี ทุกแนว ทุกเกรด อะไรอีตาคนนี้ชอบดูหนังผีงั้นหรอ ไม่ได้เรียกว่าชอบธรรมดาแล้วมั้ง แต่ก็ดี! เอาไว้แอบเนียนกอดเขาง่ายๆ พอหนังเริ่มขึ้น เขาก็ลุกขึ้นไปปิดไฟ ตอนนี้มีแค่แสงที่ลอดผ่านม่าน และจากทีวี เท่านั้น เขาดูเหมือนตั้งใจดูมากเลย ภาพเขาที่ตั้งใจดู มันน่าดูว่าหนังอีกนะ เอาเถอะดูหนังเป็นเพื่อนเขาหน่อยละกัน “กรี๊ดดด !!” ฉันตกใจเอามือขึ้นมาปิดตาตัวเองไว้ เสียงกรี๊ดของฉัน พาคนที่นั่งข้าง ๆ หัวเราะหึหึออกมา แต่ฉันเนี่ยสิเอามือขึ้นมาปิดตาเอาไว้แล้ว กว่าจะถึงกลางเรื่องฉากไล่ล่ามันเริ่มมากขึ้นกลายเป็นฉันเองที่ตั้งใจดูมาก ฉันลุ้นจนต้องจิกแขนเสื้อของเติร์ดเอาไว้ “กลัวขนาดนั้นเลย” “ไม่ได้กลัว แค่ตกใจ” ฉันตอบเขาทั้งที่ตายังมองจออยู่ เพราะกำลังลุ้นให้ตัวเอกไม่โดนฆ่า กรี๊ดด!!! มันเอาอีกแล้ว จะโผล่มาก็ควรจะบอกกันสิ ฉันยิ่งจิกแขนเสื้อเติร์ดแน่นขึ้นอีก จนเขาหันมามองหน้าฉันเลย “ขอโทษ โทษหนังนายนะ ทำฉันตกใจ” “โทษเธอ ที่ทำฉันดูหนังไม่รู้เรื่อง” หน้านิ่งๆของเขาโน้มลงมา ริมฝีปากของเติร์ดประกบลงมาเบาๆ บนริมฝีปากของฉัน จูบ เขาจูบฉันงั้นหรอ ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่หลับนาปี๋ “จูบแรกจริง ๆ สินะ ไม่ได้เรื่องเลย” เสียงทุ้ม ๆ พูดข้างๆหูของฉัน มีเพียงฉันที่หน้าแดงแจ๋ หัวโล่งไปหมด มันไม่ใช่แค่หน้าร้อนผ่าวๆ เหมือนที่ผ่านมา มันเหมือนหัวที่กำลังจะถูกเผา มือที่จิกแขนเสื้อเอาไว้ก็ดันเกาะแน่นขึ้นไปอีก “อันนี้จูบจริงแล้วใช่ไหม ไม่ใช่พิสูจน์โกหกแบบครั้งที่แล้ว แล้วใช่ไหม” ฉันถามเขาเพื่อความแน่ใจ “โตมาแบบไหนเนี่ย ซื่อบื้อจัง ถือเป็นเซอร์วิสก่อนหมดเวลาแล้วกัน” รอยยิ้มที่ทำเอาใจเต้นตึกตักนี่มันคืออะไร “ถ้าไหนจะเซอร์วิสแล้ว ขออีกที” ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาแล้วหลับตา เพื่อให้เขาจูบอีกรอบ ป๊อก!!! “โอ้ยยย ไหงมาดีดหน้าผากฉันล่ะ” “หมั่นไส้อะ” แล้วเขาก็กลับมาพูดหน้านิ่งๆเหมือนเดิม คือไรวะ “นายนี่เข้าใจยากจริงๆ” “ดูหนังไปเลย มองหน้าฉันมันสนุกรึไง” เขากลับดูหนังได้อย่างสบายใจ ตอนนี้คงมีแค่ฉันที่ว้าวุ่นใจ อะไรวะ มาเอาจูบแรกของคนอื่นไปแบบงงๆ แถมมาทำให้หัวใจเต้นแรงแบบงงๆ แล้วแบบนี้ฉันจะปกติได้ไหม ฉันจะทำยังไงต่ออะ ดูหนังต่องั้นหรอ แต่เขาก็คงทำกับผู้หญิงทุกคน ไม่ใช่แค่ฉันสินะ “ผู้หญิงที่ฉันไม่ได้จริงจัง มีค่าแค่ 1 เดือน กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง กอด จูบ ขึ้นเตียง ถ้าหมด 1 เดือนก็ต้องเลิกกัน แต่เธอดันมาเสนอข้อเสนอนี้ทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย” เขาพูดออกมาโดยที่ไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ “แล้วถ้าเจอคนที่อยากคบจริงจังล่ะ” “ไม่มีหรอก เพราะฉันยังลืมใครคนนึงไม่ได้” จุกไหมล่ะ มันจี๊ดดดดจริงๆ ใครกันนะที่ยังอยู่ในใจ เขายังไม่ลืม ก็ไม่ได้แปลว่าจะลืมไม่ได้ มินิท แค่นี้จะท้อแล้วหรอ แกรอเขามา 7 ปีเลยนะเว้ย “ฉันไม่ยอมแพ้หรอก รู้ไว้ด้วย ฉันคิดแล้วว่าเป็นนายมาตั้งแต่วันที่นายรับลูกบอลให้ฉัน ตั้งแต่มัธยม จากแค่แอบมอง จนตอนนี้จะให้ฉันกลับไปแอบมองแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว” “เธอนั่นแหละที่เข้าใจยาก ไม่เข้าใจรึไง ฉันไม่มีทางจริงจังกับเธอได้ไง” เขาหันมาพูดกับฉันเสียงดังเพราะไม่ยอมเข้าใจ “ใครสนกัน” ฉันดึงคอเสื้อคนตรงหน้าลงมาจูบอีกครั้ง “มันยังไม่หมดเวลาของฉัน ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอกนะ" “เธอนี่มันตื้อดีจริงๆ แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน” จูบถูกป้อนเป็นครั้งที่สาม แค่ครั้งนี้มันเอาฉันแทบหยุดหายใจ แขนของเขาประคองหลังของฉันเอาไว้เบาๆ แต่ก็เหมือนถูกล็อคเอาไว้ไม่ให้หนีไปจากเขาได้ “พอแล้ว ยัยโรคจิต ฉันไม่อยากทำเธอแปดเปื้อนไปมากกว่านี้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น” รอยยิ้มละมุนที่ส่งมาให้ฉัน ที่ตอนนี้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว ฉันซบตัวเองลงอกของเขา จะพูดอะไรดี อยากต่อเวลา แต่ตัวเองเป็นคนทำสัญญานี้เอง ความรักทำให้ฉันอยากอีกแล้ว อยากอยู่กับเขาให้นานกว่านี้ “เพราะมันจะหมดเวลาแล้วใช่มะ นายถึงชวนฉันมากินข้าว ดูหนังแบบนี้อะ” “ ใช่ อยากทำให้มากกว่านี้ แต่อยากให้เธอเก็บตัวเองไว้ให้คนที่รักเธอมากกว่า” “เราจะยังทักทายกันได้ใช่ไหม” ทำไมรู้สึกใจฝ่อขึ้นมาเอาเฉยเลย ไม่ได้นะมินิท เหลือเวลาอีกตั้ง 1 อาทิตย์ “ก็ได้นะ เพราะอะไรมันยังไม่เกินเลย เราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ก็ได้” ฉันลุกขึ้นจากตัวของเขา “ฉันจะไม่ยอมเป็นเพื่อนกับนายเพราะฉันไม่เคยคิดว่านายเป็นเพื่อนมาตั้งแรก" เติร์ดทำสีหน้างุนงง กับสิ่งที่ฉันพูด ฉันหันไปมองทีวี ที่ตอนนี้ขึ้น End Cedit “เปลี่ยนเรื่องสิ วันนี้ฉันอยู่กับนายทั้งวันนี่แหละ” “ฉันจะทำยังไงกับเธอดี เฮ้อออ” ถึงจะถอนหายใจ แต่ก็เดินไปเปลี่ยนแผ่นแต่โดยดี ฉันทำไมรู้สึกเหมือนจะแพ้ ถึงจะปากเก่งไปแบบนั้น แต่จริงๆตอนนี้ในใจหวั่นไหวจากคำพูดเขาเอามากๆเลย ถึงเรื่องนี้จะเป็นหนังผี แต่ฉันกลับไม่มีสมาธิดู ไม่ได้มีอาการตกใจเลยซักนิด เพราะตอนนี้ในหัวดูไม่รู้เรื่องเลย “มานี่ซิ” ฉันหันมองคนข้างๆที่กำลังดึงแขนฉันให้เปลี่ยนที่นั่ง ฉันโดนดึงไปนั่งระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา “อันนี้ก็เป็นเซอร์วิสด้วยหรอ” ไม่มีคำตอบใดจากเขา เพียงแค่แขนที่โอบฉันแบบหลวมๆเท่านั้น เกร็งจัง นั่งแบบนี้บังเขาแน่ๆ ถึงเราจะเตี้ยกว่าเขาเยอะ แต่แบบนี้มันบังเต็มจอเลย “เชื่อคนง่าย ไว้ใจคนก็ง่าย มีที่ไหนผู้ชายให้มานั่งให้กอด ก็มา” อีตานี่เป็นไบโพล่าแน่ๆ ฉันพยายามจะลุกแต่กลับโดนรั้งไว้ไม่ให้ลุก “อะไรของนาย” “รู้ไหม นั่งแบบนี้มันบัง” เอ้า ก็ตัวเองเอาเรามานั่งเอง ไม่นานแขนใหญ่ๆก็ดึงฉันพิงลงมาที่ตัวเขา หัวใจมันระส่ำไม่เป็นจังหวะเลย “นายนี่ร้ายชะมัด ทำแบบนี้กับทุกคนเลยหรือไง” “เธอคิดว่าผู้หญิงคนอื่นเขาจะแคระเหมือนเธอรึไง” คำตอบไม่ได้หวานเลยยยยย พ่อคุณ แต่กลับทำให้ฉันยิ้มจนแก้มจะแตก แทบไม่ได้ดูหนังเลย ฟินอะ เป็นหนังผีที่ฟินที่สุดเลย ตัวหอมจัง อย่าหาว่าฉันโรคจิตเลยนะ ฟีโรโมนดึงดูดดีจัง สาวจะติดก็ไม่แปลกหรอก แล้วสาวๆที่เห็นเขาควงเยอะแยะ คนไหนนะที่ยังนั่งอยู่ในใจเขา สาวหางม้ารึป่าว เคยพามาสนามด้วย หรือสาวแว่นหน้าแบ๊ว หรือสาวลูกครึ่ง ช่างเถอะ ยังไงก็เลิกกันไปแล้ว ฉันยังคงซุกซนกับเสื้อของเขาที่ซบอยู่ เง้ออออ เขาอาจจะไม่ใช่คนหล่อที่สุดที่มาจีบฉัน แต่ฉันชอบจังเลย ขนตายาวๆ ชอบจังเลยสันจมูก ชอบจังเลยปากบางๆนี้ ขออยู่แบบนี้ทั้งคืนเลยได้ไหม “จะดมอีกนานไหม” คำพูดของคนข้างหลัง ทำเอาฉันต้องสะดุ้ง “ แหะๆ ขอโทษค่ะ มันห้ามตัวเองไม่ได้เลย” “ยัยโรคจิต ^^” เดี๋ยวด่าแล้วยิ้มคืออะไร ทำไมนายมันเข้าใจยากแบบนี่ นายมันทำทุกอย่างสวนทางกับคำพูดหมดเลย ด่าฉันแต่ตัวเองก็ยังกอดฉันอยู่นี่นะ นายกำลังทำฉันเสียอาการณ์ไปหมดแล้ว “กอบโกยไว้ ยัยโรคจิต มันใกล้จะหมดเวลาของเธอละ” เขาก้มหน้าลงมาใกล้ฉันอีกครั้ง “อย่าเอาหน้ามาใกล้” ฉันดันหน้าเขาออก “เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร จูบเธออีกหรอ” เขายกคิ้วขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วปล่อยฉันกลิ้งลงพื้น “โอ้ยยยยย จะลุกก็ไม่บอก” “หนังจบ หมดเวลาเธอละ กลับบ้าน!” กรี๊ดดดด!! อีตานี่ เป็นไบโพล่าชัวร์ แล้วฉันก็ถูกโยนออกจากบ้านเหมือนครั้งที่แล้ว คนอะไรแบบนี้ ว่าแต่ฉันย้อนแย้งในตัวเอง ตัวเองก็โคตรจะย้อนแย้งเลย คนอะไร เหมือนคุยกับตัวเองไม่เสร็จ เดี๋ยวกอด เดี๋ยวจูบ ใจบางไปหมดแล้วเนี่ย ใจก็เต้นบ้าคลั่งเลย ไม่เคยเต้นรึไง หยุดได้แล้ว เห็นไหมโดนเขาโยนออกมานอกบ้านแล้วเนี่ย ============== 1 อาทิตย์ต่อมา 1 อาทิตย์มันสั้นนิดเดียว เขาก็ทำกับฉันเหมือนเดิม ทั้งที่ร้านกาแฟ และที่สนามบาสที่ไปบ้างไม่ไปบ้าง ไม่มีอะไรพิเศษ แล้วจะต้องปล่อยมันผ่านไป ไม่ทำอะไรเลยงั้นหรอ แต่จะทำอะไร เขาบอกชัดเจนแล้ว ว่าเขามีคนในใจอยู่แล้ว นี่ก็วันสุดท้ายแล้ว “นินิท แกเป็นอะไร โอเคเปล่า” หลินถามฉันที่ตอนนี้น้ำตาไหลออกมาเองไม่รู้ตัว “ไฟมันร้อน คิดจะเล่นกับไฟ มันเลยเจ็บอะ” “หึยยยย ผู้ชายเยอะแยะ อย่าได้แคร์ ตอนเรียนแกเนื้อหอมจะตาย” เพื่อนสาวยังคงปลอบใจ “จะสู้ หรือ จะถอยดีวะ” “แกสู้มาแล้ว ในเมื่อมันสุดทาง ก็ต้องเปิดรับให้คนอื่นเข้ามาบ้างป่าววะ เติร์ดก็ไม่ได้หล่อมากมาย ยังจะมาเลือกเยอะอีก หล่อกว่านี้เพื่อนฉันก็หักอกมาแล้วย่ะ” ฉันยิ้มให้หลินที่กำลังขึ้นแทน “ขอบใจ นั่นสินะ หล่อกว่านี้ก็ปฏิเสธมาแล้ว” ถึงจะยิ้มออกไปแบบนั้น แต่จริงๆใจของฉันก็ยังมีแต่เขาอยู่ดี “กลับปะ พรุ่งนี้ฉันพาไปหาผู้ใหม่” ฉันยิ้มให้หลินเจือนๆ เพราะตอนนี้คนที่อยากหาผู้ใหม่ คงจะเป็นหลินไม่ใช่ฉัน. “ขอคุยก่อนนน” “คุยอะไรอีกวะ แกกกกก มันหมดเวลาแล้วได้ยินม้ายยยย !!!! ดูดิ๊เขาสนใจแกที่ไหน มีแต่แกแหละวุ่นวาย คิดไปเองอยู่คนเดียว” เสียงของหลินดังไปทั่วสนาม ทำเอาคนที่เล่นบาส ยังหยุดเล่นไปด้วย จุกจัง หลินพูดมามันถูกทุกคำ แต่ฉันบอกไปแล้วว่าจะไม่ยอมแพ้ แล้วนี่ก็ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 1 วัน “ขอแค่วันเดียว วันสุดท้าย” ฉันเดินผ่านหลิน แล้วตรงเข้าไปในสนาม ในระหว่างที่เขากำลังเล่นบาสอยู่ในสนาม “ดื้อชิบ” ฉันมายืนหน้าเขาโดยไม่ได้คิดคำพูดมาก่อนด้วยซ้ำ จะพูดอะไรดี จะพูดอะไรให้เขาไม่ไป “ชอบฉันหรือเปล่า” “ไม่อะ แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้” เขาตอบโดยไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ “ฉันเป็นเพื่อนได้กับทุกคน แต่ฉันไม่เป็นเพื่อนกับนาย” “ยัยตัวแสบ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่" เขากระซิบถามฉันเบาๆ เพราะตอนนี้คนทั้งสนามงงกันหมดแล้ว “จบสัญญา 1 เดือนของเราไง” … “ หึ้ยยยย เพื่อนนายมันน่าหมั่นไส้นัก “ หลินเตะที่ขาของคนข้างๆอย่างแรง ด้วยความโกรธ ที่ทำให้เพื่อนรักของเธอเสียใจ “โอ้ยยยย แล้วทำไมมาลงที่ฉัน” ปอร์เช่ก้มลงไปลูบขาตัวเองเบาๆ “ฉันจะหาผู้ใหม่ให้เพื่อนให้ได้เลยคอยดู” หลินเตะไปที่ขาของปอร์เช่อีกครั้งด้วยความโมโห “โอ้ยยยย มันเจ็บ !!! ไม่อยู่ใกล้ละ” เมื่อปอร์เช่เดินออกไป กลับมีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาแทน “ผู้ชายคนนั้น เป็นพี่ได้ปะ ไหนๆวันนี้ก็เลิกแน่ๆแล้วนิ” หลินหันไปมองต้นเสียงทันควัน ชายหนุ่มหน้าตี๋ ดีกรีพระเอกซีรี่ย์วัยรุ่นที่กำลังโด่งดัง เดินเข้ามาเสนอตัวขนาดนี้ “ชอบเธอ หรือแค่หลอกฟันคะ” “ชอบดิ มินิทน่ารักดี” ชายหนุ่มมองไปหญิงสาวที่กำลังเคลียร์ความสัมพันธ์ที่ไปต่อไม่ได้ “พี่ต้องจีบเองนะ ฉันได้แค่หาโอกาสให้” หลินยิ้มให้คนตรงหน้าบางๆ “แค่นี้ก็พอแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม