“จะ 2 อาทิตย์แล้วนะ เวลาเธอเหลือไม่มากแล้ว"
“อย่ามากดดันฉัน ฉันได้เจอนายแค่ร้านกาแฟกับสนามบาสเองนะ บางวันนายก็ไม่ได้มา"
“ไม่คิดจะทำงานทำการรึไง ตามฉันทุกวัน" เติร์ดยังคงหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ
“ก็อยากทำ แต่มันยังหาไม่ได้"
“ทำตัวแบบนี้ใครจะอยากรับเข้าทำงาน" ไอ้การว่าฉัน โดยไม่รู้สึกอะไรเลยนี่มันคืออะไร
“เห็นแบบนี้ฉันจบเกียรตินิยมเลยนะ"
“แล้วยังไง ถ้ามันใช้การไม่ได้ มันก็แค่กระดาษที่แปะฝาบ้าน"
คำพูดคำจา เราะร้ายจริง ๆ
“ไปทำงานละ อ่อ เวลาเธอใกล้หมดแล้ว อย่าลืมสัญญาด้วยหล่ะ" ฉันมองหลังของเขาที่เดินออกจากร้านกาแฟไปช้า ๆ
จะ 2 อาทิตย์แล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย นอกจากฉันได้คุยกับเขามากขึ้น มันผิดที่ฉันพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ จนลืมไปเลยว่ามันไม่ยั่งยืน โอ้ยยย จีบผู้ชายก็ไม่เคย จะพัฒนามันยังไงล่ะ
ในเวลาต่อมา.......
ฉันมาหาหญิงสาวที่เปลี่ยนงานมาเป็นที่ๆ 4 แล้ว เพราะทะเลาะกับเจ้านายขี้หลี
“หรือวันฉันจะยอมไปทำงานบริษัทพ่อดีวะ" หลินนั่งกอดเข่าด้วยความหงุดหงิด
“ก็ดีนะ ยังไงแกก็ต้องเข้าไปช่วยเค้าสักวันอยู่แล้ว" ฉันสนับสนุนความคิดของเธอ
“แค่อยากเข้าไปทำงานแบบคนมีประสบการณ์ ไม่อยากให้ใครว่าได้ ว่าลูกเจ้าของบริษัท ทำงานไม่เป็น" ฉันตบไหล่เพื่อนซี้เบาๆ
“ปัญหาคือแกแคร์ว่าคนอื่นมองยังไง ทั้งที่แกเป็นยังไง คนอื่นยังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำ"
“อื้ม ขอบใจ แล้วนี่แกมาทำไม มาชวนฉันไปสนามบาสไม่ไปแล้วนะ แกก็ได้คุยกับเค้าสมใจแล้ว ไม่ต้องมีฉันก็ได้มั้ง"
“เวลาของฉันเหลือแค่ 2 อาทิตย์ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย" ฉันทิ้งตัวลงที่เตียงของเพื่อนสาว
“ไรว้า ตั้งสองอาทิตย์ แค่ทำให้เค้าสนใจเอง ไม่ยากหรอก" มันไม่มีทางยากสำหรับหลินอยู่แล้ว เพราะเธอฮอตมาตั้งแต่ตอนเรียน
“ทำไงอะ"
“รุกให้หนักกว่านี้ แต่แบบที่แกทำไม่เอานะ หน้าอาย ทำอะไรต้องชั้นเชิงหน่อย"
ฉันลุกขึ้นมานั่งเพื่อฟังที่เธอพูด เธออธิบายเป็นขั้นตอน เป็นฉากๆไปเรื่อยๆ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสิ่งที่เธอให้ฉันทำมันน่าอายกว่าสิ่งที่ฉันเคยทำกันนะ
"ตอนนี้เลิกหน้าจืดก่อน แกไม่คิดจะแต่งหน้าบ้างเหรอ ตอนเรียนก็ไม่เห็นปล่อยตัวแบบนี้" หลินพูดพรางพิจารณาหนังหน้าของฉันอย่างละเอียด
“แล้วชุดอะไรก็รู้ อย่างกับป้า แกกล้าแต่งตัวแบบนี้ไปจีบผู้ชายได้ไง"
ฉันถูกเธอจับทำนู่นนี่นั่น ที่จริงไม่ได้เกี่ยวที่ฉันจะไปจีบผุ้ชายหรอก แค่ยัยนี่กำลังเฮิร์ทเรื่องงาน ฉันเลยต้องเป็นของเล่นให้เธอจับแต่งตัวจนหายเครียดเท่านั้น
“อีหลิน มันสั้น ฉันไม่อยากใส่" ฉันพยายามดึงกระโปรงยีนส์ที่ตอนนี้สั้นแทบจะเสมอหู
“สวยแล้ววววว ลองดูเค้าอาจจะชอบ"
“อีนี่ ฉันไม่มั่นใจ บนก็เปิด ล่างก็สั้น" ฉันพยายามดึงกระโปรงให้มันลงมาอีก
“เร็วๆ ไปได้แล้ว ฉันไปเป็นเพื่อน" ทำไมยัยนี่มันดูมีความสุข บนความทุกข์ของฉันแบบนี้
ฉันแวะไปเอาผ้าเข็ดหน้าที่บ้าน แม่เห็นฉันแต่งตัวแบบนี้ก็เกิดระเบิดขำออกมา บอกว่าศึกแม่ชีออกจากถ้ำแล้วเหรอ ตอนนี้คงมีแต่ฉันที่อยากจะร้องไห้สินะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยแต่งแบบนี้ แต่ปกติฉันไม่แต่งโป๊แบบนี้
“อีหลิน ฉันจะกลับ"
“อะไรวะ มาถึงแล้ว" หลินยังคงลากฉันมาที่สแตนด์
“มึงงงงง กูไม่มั่นใจเลย กูขอออออ“ ฉันพยายามขอร้อง ขอร้องมากกว่าปกติ
“ถ้างั้นต่อไปไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากฉันแล้วนะ"
ฉันเลยต้องยอมมานั่งที่สแตนด์แต่โดยดี
“นั่นไงเค้ามานั่นละ"
“อีหลิน ฉันจะกลับบบบบ" ฉันพยายามจะลุกขึ้นจากสแตนด์ แต่โดนเพื่อนสาวดึงเอาไว้
มันคือความไม่มั่นใจ ไม่มั่นใจที่จะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ เพราะกระโปรงของหลินมันสั้นมากๆ
“แก นั่นมันพี่แบงค์หรือเปล่าที่แสดงซีรี่ย์อะ ใช่ปะ"
“เออ"
“เค้าเพิ่งย้ายมาเหรอ ทำไมเราไม่เคยเห็น"
ตอนนี้ฉันไม่ได้โฟกัสที่เพื่อนสาวพูดอีกแล้ว ฉันได้แต่ภาวนา อย่าให้เขามองมาทางนี้ อย่ามองมาทางนี้นะ อยากกลับบ้านนนนน
“หลินไป กลับบ้าน ก่อนที่เค้าจะเห็น" ฉันลุกเดินนำออกไป
"อะไรวะ อุตส่าห์มา"
ฉันไม่สนที่เธอพูดอีกแล้ว ฉันลุกขึ้นทันที ฉันกำลังปรึกษาคนผิดไหมเนี่ย ในระหว่างที่กำลังจะเดินออกไป กลับถูกมือของใครคว้าเอาไว้ อย่านะ อย่าเป็นเขาเลย
“ผ้าฉันอะ" ฉันยื่นผ้าออกไป โดยไม่หันไปมองเขาเลย
“ฉันกลับละ"
“หันมา" เสียงดุๆ ออกคำสั่ง มันทำให้ฉันต้องหันไปช้าๆแม้จะไม่อยากหันเลย
ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้าเลย ยิ่งใส่ชุดแบบนี้ด้วย
“มันไม่ใช่ชุดของฉันนะ ไม่ต้องมาว่าฉันเลย" ฉันพูดดักคอเอาไว้ก่อน
“ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ แต่งหน้าจัดไป แบบที่ร้านกาแฟวันนั้นดีกว่า" ดีกว่า แสดงว่าไม่ชอบแบบนี้สินะ
“ดีนะ ที่นายไม่ชอบแบบนี้ เพราะฉันคงทำใจใส่ให้นายทุกวันไม่ได้"
“กลับดีๆ ชุดแบบนี้มันไม่เหมาะกับเธอหรอก มันไม่เซ็กซี่" เขาพูดกระแทกคำว่าไม่เซ็กซี่ พรางมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
ฉันชกไปที่อกของเขาอย่างแรง ด้วยความหมั่นไส้
“เธอมาแอบดูอะไร" ปอร์เช่เดินมาถามหญิงสาวที่หลบอยู่หลังสแตนด์
“ดูเพื่อนฉันไง ซื่อบื้อชะมัด แบบนี้จะไปจีบติดได้ยังไง" หญิงสาวต้องสะดุ้ง เมื่อนึกได้ว่าตัวเองยืนอยู่คนเดียว
“เติร์ดมันก็ใจแข็งน่าดูเลย แม่สโต๊กเกอร์จีบมาจะสองอาทิตย์ ยังไม่ยอมเล่นด้วยเลย" ปอร์เช่เลยแอบดูคนทั้งคู่ไปพร้อมกับหญิงสาวด้วย
“แค่นี้ก็ดูออกแล้ว ว่าเติร์ดสนใจ แต่จะมากพอไหม นี่อีกเรื่อง"
“ชื่อไรอะเราอะ" คำถามที่ทำเอาหญิงสาวที่ชะเง้อแอบดู ต้องหันมาสนใจชายหนุ่มข้างหลัง
“หลิน“
“เราปอร์เช่อะ เรียกเช่ก็ได้" ชายหนุ่มแนะนำตัว
“จะจีบฉันอะ ไม่ง่ายหรอกนะ" สิ้นเสียงของหญิงสาว คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที
“กำลังคิดไปถึงไหนเนี่ย หลงตัวเองนะเราอะ"
ฉันเดินกลับบ้านพร้อมหลินความความรู้สึกครึ่งๆกลางๆอีกแล้ว แต่หลินกลับหงุดหงิดอะไรมาก็ไม่รู้ ทำไมความรักถึงเข้าใจยากแล้วนำมาซึ่งความอยากไม่สิ้นสุดแบบนี้
ตอนแรกแค่อยากมอง ต่อมาก็อยากเจอ แล้วมาอยากคุย ตอนนี้ยังอยากอยู่ใกล้ๆอยู่เลย รู้ว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกที่มีแต่ฉันที่เกิดขึ้นฝ่ายเดียว แต่ถ้ามันมากมายขึ้น ฉันจะยังทนได้ไหมนะ
ฉันกลับมาถึงบ้าน เจอแม่กำลังเล่นโยคะ ในชุดสปอร์ต
“กลับมาแล้วค่ะ"
“ไง คืบหน้าไหม"
“จะคืบอะไรล่ะคะ เค้าบอกว่า แต่งหน้าจัดไป ชุดแบบนี้ไม่เหมากับเธอ ไม่เซ็กซี่ เฮ้ออออ คนอะไรปากร้ายชะมัด“ ฉันทิ้งตัวลงข้างๆเสื่อโยคะของแม่
“แค่นี้ลูกแม่ถึงกับเศร้าเลยเหรอ“
“อีกแค่ 2 อาทิตย์ ก็หมดเวลาของหนูแล้ว“
ฉันเล่าเรื่องสัญญา 1 เดือนให้แม่ฟัง แม่ฉันก็ฟังอย่างตั้งใจ
“พรุ่งนี้ลองนะ เป็นคนเช็ดหน้าให้เค้าเอง มองตาไหว ก็มอง มองไม่ไหว ก็แอบๆมองเอา“ แม่ฉันแนะนำเบา จนฉันแอบขำออกมา
“หนักใจไหมคะ มีลูกบ้าผู้ชายเนี่ย“ ฉันพูดกับแม่แบบขำๆ
“กลัวลูกขึ้นคานมากกว่า“
“มีงานวันไหนคะ“ ฉันถามแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“มี มะรืน เช้าเย็นกลับ 2 วัน“
แม่ฉันช่วงนี้รับงานน้อยลง จากที่เคยรับทุกวัน วันละหลายงาน กลายเป็นอาทิตย์ละแค่ 3-4 วัน เท่านั้นด้วยอายุที่มากขึ้น และเงินที่พ่อส่งมามันก็ไม่ได้ทำให้เราลำบากอะไร พ่อฉันเปิดบริษัทขนส่งที่ประเทศจีน กลับบ้านมาก็เดือนละครั้ง บางเดือนก็ไม่ได้กลับ อย่างเช่นเดือนนี้
“อยากทำงานจังเลย"
“แค่ออกไปนอกหมู่บ้านยังหลง จะไปทำอะไรได้ ไม่เอาอะ จะทำงานได้ต้องรักษาโรคหลงทิศให้ได้ก่อน แม่ก็มีงานต้องทำนะยะ จะให้ไปรับไปส่งทุกวันคงไม่ได้"
มันรักษากันง่ายๆที่ไหน ถนนมันก็เหมือนกันหมด ใครจะไปจำได้ ทีตอนเรียนมหาลัย แม่ยังไปรับไปส่งได้เลย แต่ทำไมพอจะไปทำงาน แม่ก็ไม่ยอมซะอย่างงั้น ให้เหตุผลว่า ฉันทนส่งแกมาตลอดที่เรียนก็เหนื่อยพอแล้ว ให้มันได้อย่างงี้สิ
ในวันต่อมา
ฉันยังไปรอเจอเขาที่ร้านกาแฟเหมือนเดิม ทุกอย่างก็ยังคงปกติ มันจะปกติแบบนี้ไม่ได้แล้ว เพราะเวลาฉันมันเหลือน้อยลงทุกวัน ต้องรุกให้หนักกว่านี้ ฉันตัดสินใจทำตามที่แม่บอก แต่งหน้าบางๆกันจืด แล้วตรงไปที่สนามบาสเหมือนทุกวัน วันนี้ฉันมาช้ากว่าปกติ กว่าจะมาถึงฟ้าก็เกือบมึดแล้ว เพราะมัวแต่คิดว่าแผนของแม่มันจะเวิร์คไหม บวกกับอายที่เมื่อวานแต่งตัวแบบนั้นจนไม่กล้ามาเจออีก
เมื่อมาถึงทุกคนดันเลิกเล่นกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเติร์ดที่ชู๊ตบาสอยู่คนเดียวในสนาม
“ รู้ไหมว่าฉันรอ “ คำถามแรงที่ทำเอาฉันใจเต้นไม่หยุด
“ใครจะไปรู้ วันหลังรอก็โทรมาสิ“ คำพูดของฉัน ทำให้เขามองฉันด้วยหางตาดุๆ
“ผ้าฉันล่ะ“
ฉันยื่นผ้าให้คนตรงหน้า แต่พอคนตรงหน้าจะหยิบ ฉันก็ชักออก
“ฉันจะเช็ดเอง“ ถึงจะบอกไปแบบนั้น แต่กลับเป็นฉัน ที่หัวใจเต้นจนจะทะลุออกมานอกอก นี่สินะที่แม่บอกมองตาไหวก็มอง มองไม่ไหวก็แอบมองเอา
ฉันค่อยๆเอาผ้าเช็ดเหงื่อคนตรงหน้าช้าๆ มีเหรอที่ฉันจะกล้าสบตา ตอนนี้แค่มือยังสั่นเลย
“เช็ดไม่มองแบบนี้เมื่อไหร่มันจะเสร็จ“ เสียงทุ้มๆที่พูดกับฉันเบาๆ ทำเอาฉันยิ่งไม่กล้ามองเข้าไปใหญ่
เติร์ดจับมือฉันที่ถือผ้าขึ้นมาซับหน้าตัวเอง คนตรงหน้ายิ้มบางๆ ขึ้นมา นี่เป็นยิ้มแรกที่ฉันเห็นตั้งแต่สัญญาเดือนนึงของเราเริ่มขึ้น อยากมองตาเขาจัง อยากเงยหน้าขึ้นไปดูรอยยิ้มนั้นชัดๆ
“ตัวเธอมันโคตรจะย้อนแย้งเลย เคยรู้ตัวไหม“
“ยังไงคะ“ ฉันยังคงถามออกไปไม่กล้าสบตาเขา
“ตอนแรกฉันนึกว่าจะเก่ง ที่แท้ก็แค่นี้เอง แค่เช็ดเหงื่อยังกลัวจนมือสั่นเลย พวกลูกแกะที่หุ้มหนังหมาป่า เก่งไม่จริง“
“ไอ้เติร์ดยังไม่ไปอาบน้ำอีกเหรอ“ เสียงปอร์เช่ที่ตะโกนขึ้นมา ทำเอาเราสองคนต้องผละออกจากกัน
“รุกฉันให้หนักกว่านี้มินิท เวลาเธอเหลือน้อยแล้ว“ เติร์ดพูดพร้อมดึงผ้าออกจากมือฉันที่กำลังยืนแข็ง จากคำพูดก่อนหน้านั้นอยู่
“จะให้รุกยังไง แค่นี้ฉันก็ตัวจะระเบิดแล้ว“ ฉันพึมพำออกมาเบาๆ
แล้วฉันจะอยู่ทำอะไร ต้องรอหรือไม่ต้องรอก็ไม่บอก เขารอฉัน มีอะไรหรือเปล่า แล้วฉันต้องรอเขาไหม ถ้ากลับเลย จะโกรธหรือเปล่า เฮ้อสรุปแล้วก็ยืนรอจนเขาออกมา
“ทำไมยังไม่กลับ“ เขาถามถามฉันด้วยท่าที่ที่หงุดหงิด
“ก็นายรอฉันอะ ใครจะไปรู้ว่านายรอทำไม ถ้าฉันกลับ นายจะไม่โกรธเหรอ“
“ฉันควรจะทำยังไงกับเธอดี“ เสียงของคนตรงหน้าอ่อนลง
“เป็นแฟนฉันสิคะ สัญญาว่าจะไม่ดื้อเลย“ เอิ๊กๆ หยอดวันละนิด มันต้องได้บ้าง
“ตลกนะเราอะ ไปขึ้นรถปะ ฉันหิวข้าว“