“ไม่ขมหรือไง" ฉันมองคนที่กินกาแฟขม ๆ แบบนี้ได้ทุกวัน
“ฉันไม่ชอบอะไรที่มันปรุงแต่งเยอะ ๆ" เขายังคงหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ
“แบบนี้เป็นไงคะ" ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตรงหน้าเพื่อโชว์หน้าสด
“อันนี้เขาเรียกหน้าจืด" นิ้วเรียวดีดหน้าผากของฉัน จนฉันยกมือขึ้นมาถูหน้าผากเบา ๆ เขาไม่ค่อยยิ้มเลยหรือไง เมื่อก่อนยังยิ้มบ่อยกว่านี้นี่หน่า
“จ้องหน้าฉันทำไม"
“ไม่ให้จ้องหน้า ให้จ้องอะไร" ฉันยิ้มให้เติร์ดที่ทำหน้าดุ
“เย็นนี้อย่าลืมเอาผ้ามาให้ฉันด้วยล่ะ ไปทำงานละ”
แหม อยากเจอฉันเหมือนกันก็บอกสิ ไม่เห็นต้องอ้างเลย เพิ่งจะรู้ว่านอกจากฉันจะบ้าผู้ชายแล้ว ฉันยังเพ้อเจ้อด้วย
ตกตอนเย็น........ณ สนามบาส
“เธอมาช้า" เติร์ดวิ่งออกมาจากสนาม
“ไม่มาช้าจะรู้ได้ยังไง ว่าคุณรอฉันอยู่"
“เห็นเหงื่อไหม"
พูดแบบนี้คืออะไร จะให้เช็ดให้หรอ บ้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันยื่นผ้าจะเช็ดหน้าให้เขา เขากลับดึงผ้าออกจากมือฉันไปเช็ดเอง
“ง่อววว ยังไงวะ ไหนบอกไม่สนใจเขาไง" ปอร์เช่แซวคนที่เดินออกมาเอาผ้ากับฉัน
“เพราะยัยนี่มันตื๊อเกินคน"
“แต่พี่ชอบนะ น่ารักว่ะ" ชายหนุ่มหน้าตี๋บอกด้วยความสนใจในฉัน
“ไหวเหรอพี่แบงค์ ยัยนี่มันโรคจิตใช้ได้เลยนะ"
“แนะนำให้หน่อยดิ"
Bank
น่าแปลกวันนี้ทำไมพวกเขาถึงเลิกเร็วกว่าปกติ ทุกคนในสนามเก็บของแล้วเดินไปที่สโมสรของหมู่บ้านที่ไม่ห่างกันเพื่อเปลี่ยนชุด
“ไงสาวสตอล์กเกอร์" ปอร์เช่เดินเข้ามาทักฉันที่นั่งรออยู่
“เลิกกันไวจัง"
“ไม่ไหวอะ กว่าจะเลิกงานมาก็ร่างแทบแยกแล้ว" ปอร์เช่นั่งลงข้าง ๆ ฉัน
“เติร์ดล่ะ"
"อาบน้ำมั้ง จะไปแอบดูหรอ" คนข้าง ๆ แซวฉันขำ ๆ
“อยากนะ แต่ถ้าทำจริงมีหวังโดนว่า ว่าโรคจิตไปยันลูกโตเลย" ปอร์เช่เป็นคนที่เข้าถึงง่ายดีแฮะ
ฟึบ!!!! ผ้าขนหนูถูกส่งจากทางไกล ชู๊ตตรงเข้าหน้าฉันพอดีเป๊ะ!!!
“ซักให้ด้วย" เติร์ดโยนผ้าขนหนูใส่หน้าของฉัน
ฉันชะเง้อมองคนข้างหลังที่เดินตามเติร์ดมาด้วย คนนั้นใช่คนที่เห็นในโฆษณาบ่อย ๆ หรือเปล่า พี่แบงค์!! หรือไม่ใช่ ใช่ดิ ใช่แน่ ๆ
“ไงสาวน้อย พี่ชื่อแบงค์นะ พี่ควรจะเรียกเธอว่าอะไร" หนุ่มหน้าตี๋ เข้ามาทักทายฉันด้วยรอยยิ้ม
“ยัยโรคจิต" เติร์ดสวนขึ้นมาทันควัน
“มินิทคะ เอ้ยค่ะ มินิทค่ะ" ใช่จริง ๆ ด้วย นี่ฉันกำลังยืนคุยกับดาราหรอเนี่ย
“ชื่อน่ารักดี"
เติร์ดมองฉันแล้วส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากสนามบาสไป
“ขอโทษนะคะ ฉันขอตัว" ฉันวิ่งตามหลังไว ๆ ของเขาไปยังที่จอดรสของสโมสร
“มีอะไร ตามมาทำไม"
“คุณขี้โกง ไหนบอกจะให้เวลาฉัน 1 เดือน ตอนนี้เวลาฉันเดินแล้วนะคะ แต่คุณจะทำให้วันนี้ของฉันเสียเปล่า" ฉันยังพยายามจะยื้อเขาไว้ แต่เขากลับปิดประตูใส่ฉันดังปัง !!! แล้วขับรถออกไปเลย
อะไรของเขาวะ เอาแต่ใจชิบ
วันนี้เป็นวันที่กลับบ้านด้วยความห่อเหี่ยวสุด ๆ คนอะไรเข้าถึงก็ยาก เอาแต่ใจ ไม่ค่อยยิ้ม ไม่อ่อนโยนเอาซะเลย จะต้องทำยังไงให้มันคืบหน้ากว่านี้นะ
แต่ผ้าที่มีกลิ่นเหงื่อมันดีแบบนี้เองสินะ ฉันกอดผ้าขนหนูของเขาเอาไว้แน่น กรี๊ดดดดดด !!! ฉันมองผ้าในมือที่เขาเป็นคนโยนให้ ไม่ใช่ฉันไปขโมยเขามาอีกแล้ว แบบนี้ถือว่าคืบหน้าไหมนะ
หน้าจืดงั้นหรอ พรุ่งนี้ลองแต่งหน้าบาง ๆ ดีไหมนะ
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันมารอคนที่วันนี้ออกมาร้านกาแฟสายกว่าปกติ ทำไมมาช้าจัง มาช้ากว่าเวลาปกติ ตั้ง 1 ชั่วโมงแล้วนะ หรือจะไม่มาแล้ว ไม่หรอก เขาอาจจะแค่ตื่นสาย
ไม่นานรถคันสีขาวที่รออยู่ก็ขับเข้ามาจอดที่ข้างร้าน เติร์ดเดินเข้ามาในร้านโดยไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำ ทำไมอะ วันนี้เป็นอะไรอะ เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย เอาวะต้องถามให้รู้เรื่อง
“คุณ ทำไมเมินฉันอะ" ฉันหยิบแก้วกาแฟมานั่งโต๊ะเดียวกับเขาเหมือนทุกที
“เราสนิทกัน จนต้องมานั่งโต๊ะเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่" ฉึก ไม่ปกติจริง ๆ ด้วย
“ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า" ฉันพูดเสียงอ่อนลง
“สำคัญตัวเองไปหรืือเปล่า" เขายังพูดไปแบบไม่สนใจฉันเลย
“อะไร ไม่พอใจอะไรก็บอกสิ"
“ตอนแรกฉันสนใจในความพยายามของเธอนะ แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้ว" เขาพูดพร้อมหยิบกาแฟของเขาแล้วเดินออกไปนอกร้าน สายตาเย็บเฉียบมันทำให้ฉันรู้ว่ากำลังเดินถอยหลัง
ไบโพล่าหรือไง แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันถอยหลังหรอก ฉันเดินตามเติร์ดออกไปนอกร้าน
“ฉันไม่ได้ปฏิเสธผู้ชายทั้งโลก เพื่อให้คุณมาปฏิเสธฉันนะ"
“แล้วยังไง ฉันต้องเชื่อด้วยหรือไง" เขาพูดกับฉัน ทั้ง ๆ ที่ไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ
ภาพของเขาที่กำลังขับรถออกไปช้า ๆ มันทำเอาฉันสงสัย โอ๊ยยยยย นี่มันอะไรเนี่ย ทำไมมันถอยหลังเข้าไปในป่าแบบนี้ ตอนเย็นนี้เอาใหม่
ฉันเดินกลับมาที่บ้านเห็นแม่กำลังนั่งกินอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะ
“แม่คะ ถ้าแม่รู้สึกว่าความสัมพันธ์มันถอยหลัง แม่จะทำยังไงคะ" ฉันถามแม่ด้วยหน้าที่ห่อเหี่ยว
“ทำไมอะ ไหนบอกเขาคุยกับแกแล้วไง” แม่ฉันหั่นไส้กรอกเข้าปาก
“ไม่รู้สิแม่ วันนี้เขาเย็นชาจนหนูกลัวเลย" ฉันยิ้มเจื่อน ๆ ให้คนเป็นแม่
“ถ้าเป็นแม่ คงดูว่ามีอะไรที่ทำให้เป็นแบบนี้ แล้วแก้ที่ต้นเหตุละมั้ง"
ต้นเหตุคืออะไรก็ไม่รู้ จะแก้มันยังไง แฟนก็ไม่เคยมี จะไปรู้ได้ยังไงว่าควรทำยังไง
ตกเย็น ฉันมาที่สนามบาสเหมือนทุกที แต่วันนี้ฉันกลับไม่เจอเขาเลย นี่ถึงกับไม่มาเล่นบาสเพราะหนีฉันเลยหรอ
ฉันนั่งลงที่สแตนด์ ก่อนจะถอนหายใจแล้วมองผ้าในมือ เอาไงมินิท เดินหน้า หรือถอยหลัง...... ก็ต้องเดินหน้าสิ เลือกแล้วหนิ ไปหาที่บ้านแล้วก็กัน
หมู่บ้านนี้ก็จะใหญ่ไปไหนไม่รู้ ไม่เห็นใจคนเดินเลยยยยยยยย
ฉันเดินมาถึงซอย 9 รถสีขาวจอดอยู่ แสดงว่าหนีฉันจริง ๆ สินะ เอาไงอะ ทักหรือไม่ทัก ลุยหรือกลับ เอาไงดี ใจฝ่อเหมือนกัน ถ้าโดนเขาเย็นชาใส่เหมือนเมื่อเช้าอีก จะทนได้ไหมนะ
เอาวะ !!!! มาถึงนี่แล้ว
ฉันเดินมาชะเง้อมองมองอยู่หน้าบ้านของเขา กดออดก็แล้วกัน ถ้าพ่อแม่เขาออกมาเปิดหละ ฉันยืนชั่งใจ เดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านของเขา
เอาไงดี ตื่นเต้นว่ะ มินิทเอาสิ แกมาถึงหน้าบ้านเขาแล้วนะเว้ยยยย
“สงสัยต้องแจ้งตำรวจแล้ว มีพวกโรคจิตมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน" เสียงทุ้มทำเอาฉันถึงกับสะดุ้งเฮือก จนต้องหันไปมองต้นเสียงที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน
“คือ ๆ เอ่อออ คือออ” พูดไม่ออกเลย ทำไงดี
“กลับบ้านไปได้แล้ว ไป”
“อย่าไล่ได้ไหม ไหนบอกจะให้เวลาฉันเดือนนึงไง” ฉันยังคงตื๊อไม่เลิก จะไม่ยอมให้มันถอยหลังไปมากกว่านี้แล้ว
“ตื๊อจริง ๆ เอาเวลาไปชอบคนที่ชอบเธอดีกว่า”
“แต่ฉันชอบนาย ต่อให้นายจะร้ายกาจ หรือไล่ฉันแค่ไหน ฉันก็ยังชอบนายอยู่ดี” ฉันเริ่มขึ้นเสียงดังขึ้น
“เสียงดังทำไมเนี่ย ไป เข้าไปคุยในบ้าน”
เข้าบ้าน!!!!!! โอ๊ยยยยยยยย แม่เจ้า การคืบหน้าแบบก้าวกระโดดของฉันสินะ
“ห้ามขโมยของในบ้านฉันล่ะ” สายตาเย็นเฉียบจนขนลุก แสดงว่าเอาจริงสินะ
แค่ได้เข้าบ้านก็ดีใจแล้ว อิอิ ฉันเดินตามเจ้าของบ้านไปติด ๆ ดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลย โอ้ยยย เก็บอาการหน่อยมินิท เดี๋ยวเขาจะรู้ว่าเธอบ้าผู้ชาย
บ้านสวยจัง แต่ทำไมมันทะมึนทึบแบบนี้ จำเป็นต้องปิดม่านทั้งหมดเลยหรอ แถมไฟก็เปิดแค่ไฟหรี่
“เชื่อคนง่าย กล้าตามเข้าบ้านผู้ชายได้ยังไง” นั่นโดนไป 1 ดอก
“บ้านคนอื่น ฉันก็จะไม่เข้าค่ะ แต่เพราะเป็นบ้านคุณ”
“จะคุณหรือจะนายเอาให้แน่” เมื่อกี้ของขึ้นเลยเผลอพูดแบบนั้นออกไป
“นายละกัน ดูใกล้ชิดกันดี”
เติร์ดไม่ได้ว่าอะไร เพี่ยงทิ้งตัวเองลงบนโซฟาสีดำเท่านั้น
“มีอะไรจะพูดว่ามา เสร็จแล้วก็รีบกลับได้ละ”
“ดุจังเลย แค่จะมาถามว่านายเป็นอะไร ตั้งแต่เช้าแล้ว ตึงใส่ฉันจังเลย แถมเย็นก็ยังหนีหน้าฉันอีก”
ฉันหย่อนตัวเองลงบนโซฟาข้าง ๆ เขา
“เราสนิทกันขนาดนั้นแล้วหรอ”
“ก็อยากสนิทกว่านี้”
ร่างของคนข้าง ๆ โน้มลงมาหาฉัน มันทำให้ฉันตกใจฉันต้องเอนไปข้างหลังอัตโนมัติ
“ก็บอกแล้วไง ว่าถ้าอยากได้แค่ตัว จัดให้เลยก็ได้นะ”
ใกล้ ใกล้เกินไปแล้ว ฉันหลับตาปี๋ทันที ทนเห็นภาพเขาไม่ได้แล้ว ใกล้ไปหัวใจจะระเบิด
“ตัวฉันก็อยากได้ แต่อยากได้ใจนายมากกว่า” ฉันโพล่งออกไปพร้อมกับดันเขาออก
“อะไรแค่จูบเอง ทำเป็นไม่เคย”
“ก็ไม่เคยนะสิ ถึงจะอยากถูกนายจูบ แต่ตอนนี้มันอาจจะเร็วไป แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้เตรียมตัว ไหนจะ.......” หน้าของเข้าใกล้เขามาจนรู้สึกถึงลมหายใจที่รดที่ริมฝีปาก ปลายริมฝีปากถูกสัมผัสแม้แต่จะเฉี่ยว ๆ แต่มันก็ทำให้ฉัน หัวใจเต้นจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ไม่ไหว ทนไม่ไหว
ตาย ตาย ฉัน ตายสงบ ศพสีชมพู
“มินิท มินิท จูบแรกจริงดิ” แรงเขย่าแขนทำให้ฉันรู้สึกตัว แต่มันไม่ได้ทำให้ออกจากภวังค์นี้ได้เลย หูอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินเสียงเรียก
กลิ่นตัวเขาหอมจัง ทำไมฉันถึงได้ล่องลอยแบบนี้นะ
ป๊อก!!!!
“โอ๊ยยยย ดีดหน้าผากฉันทำไม” ฉันเอามือถูที่หน้าผากของตัวเองเบา ๆ
“นึกว่าสติหลุดไปแล้ว”
“จูบฉันแล้วรับผิดชอบฉันด้วยนะคะ” ฉันเอามือปิดหน้าด้วยความอาย
“เรียกจูบที่ไหน แค่พิสูจน์เฉย ๆ ว่าเธอโกหกหรือเปล่า" หน้านิ่ง ๆ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไร แต่แค่พิสูจน์เองหรอ
“ทำไมฉันต้องโกหกนายด้วยอะ"
“จะรู้หรอ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ชอบโกหกให้ตัวเองดูใส"
“แล้วทำแบบนี้แสดงว่าหายโกรธแล้วใช่ไหม" ฉันยิ้มอาย ๆ ให้คนตรงหน้า
“กลับไปได้ละ อยู่บ้านผู้ชายนาน ๆ จะดูไม่ดี” เติร์ด โยนฉันออกมาจากบ้าน แล้วปิดประตูใส่ดัง ปัง!!!
หน้านิ่ง ๆ ของเขาทำเอาฉันเดาไม่ออกอยู่ดี ว่ามันหมายถึงอะไร สรุปหายโกรธหรือยัง เดาใจยากชะมัด
อิอิ แต่ปากเขาเฉี่ยวเราตั้งนิดนึงแหนะ อายจังเลย เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาการหนักขึ้นแล้วสิ นายกำลังจะทำฉันเป็นบ้าแล้ว รู้ไหม