จางหลี่หมิงผูกม้าไว้กับใต้ต้นไม้ใหญ่ริมแอ่งน้ำขนาดกว้างหน้าม่านน้ำตกสูงชันที่มีหญ้ารกชัฏโผล่แซมขึ้นตามซอกโขดหินเพื่อให้ม้าคู่ใจได้แทะเล็มกินยามหิว เขาถอดชุดเกราะเหล็กซึ่งมีน้ำหนักมากไว้บนอานม้า เลือกหยิบเฉพาะกระบี่อาคมคาดติดหลังไปด้วย เมื่อต้องใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นไปเหนือผาน้ำตกชั้นบนสุด
คืนนี้แสงจันทร์นวลตาสว่างไสวยิ่งกว่าโคมไฟดวงใหญ่หน้าจวนแม่ทัพ เขากวาดสายตาสำรวจทุกสิ่งรอบกายจนแน่ใจว่าปลอดจากอันตราย ก่อนพาร่างสูงใหญ่จะกระโดดขึ้นไปที่ชั้นหินบนสุดเหนือแหล่งน้ำตกด้วยความรวดเร็วและเงียบกริบราวสายลม
พื้นรองเท้าหนังสัตว์ทำจากยางไม้สามารถยึดแผ่นหินซึ่งลื่นตะไคร่น้ำได้ดี จางหลี่หมิงเคลื่อนไหวด้วยความระวัดระวังยามกวาดสายตามองทั่วบริเวณลานหินดาดขนาดกว้าง
โดยรอบคือแนวต้นไม้น้อยใหญ่แบบป่าโปร่งแต่ร่มรื่นและที่น่าพิศวงยิ่งกว่านั้นคือมีบ้านหลังเล็กก่อจากอิฐโบราณรูปทรงคล้ายอุโมงค์ถ้ำขนาดเล็ก สร้างอยู่บนเนินหินดาดชั้นที่ติดกับผืนป่าซึ่งแยกตัวจากแอ่งน้ำลึกที่ไหลลงสู่ธารน้ำตกสายใหญ่และไหลสู่แอ่งน้ำเท่าสระขนาดเล็กอีกหลายจุด
ขณะที่จางหลี่หมิงเผลอไผลชื่นชมความงามของธรรมชาติโดยรอบ พลันมีบางสิ่งโผล่ขึ้นมาจากแอ่งน้ำเบื้องหน้า เป็นร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของหญิงสาวทรวดทรวงยวนเสน่ห์
นางปรากฏกายขึ้นโดยที่เขาไม่ทันตั้งหลัก
“ท่านคือมนุษย์”
กระบี่ที่คาดไว้ด้านหลังถูกชักออกจากฝักอย่างรวดเร็ว เมื่อสาวงามราวไม่ใช่มนุษย์ ค่อยๆ เยื้องย่างขึ้นมาจากแอ่งน้ำด้วยท่วงท่ายั่วยวน นางไม่อนาทรจะยกแขนขึ้นเพื่อปิดป้องสัดส่วนบาดหัวใจ
ซ้ำยังใช้มือเรียวงามลูบไล้ทั่วเรือนร่างทรงเสน่ห์ด้วยกิริยาพริ้วไหวชดช้อย ชวนให้ชายหนุ่มจินตนาการอย่างเพลิดเพลินว่าได้สัมผัสนวลเนื้อผุดผาดบาดตาไปพร้อมกับนาง ขณะที่ช่วงขาเรียวเล็กก้าวย่างเข้าหาร่างสูงใหญ่ซึ่งมีกระบี่อาคมอยู่ในมือ
ไม่มีความหวาดหวั่นหรือเกรงกลัวอันตรายปรากฏอยู่ในแววตาหวานระยับของนาง
“ส่วนเจ้าคงไม่ใช่มนุษย์”
ดวงตาสีเขียวหยกเรืองรองในที่มืดเหมือนสัตว์ป่าคือสิ่งเดียวที่ทำให้เขาแน่ใจว่านางต้องไม่ใช่คนธรรมดา ความงดงามของนางทำให้จางหลี่หมิงเริ่มจิตใจไม่มั่นคงและเกิดความใคร่รู้เกี่ยวกับหญิงสาว
“ข้าก็เป็นคนธรรมดาเช่นท่าน หากไม่เชื่อ... ท่านลองสัมผัสร่างกายของข้า”
หงกุ้ยฟางใช้ปลายนิ้วของนางผลักคมกระบี่ออกห่าง มือเรียวอีกข้างยกขึ้นวางบนท่อนแขนกำยำของชายหนุ่ม นางลูบไล้ฝ่ามือนุ่มเลื่อนขึ้นสู่บ่าไหล่ทรนง เรื่อยลงสู่อกแกร่งและรอยผ่าตรงอกเสื้อ ก่อนจะสอดฝ่ามือเข้าสัมผัสหน้าอกเปลือย
จางหลี่หมิงลอบกลืนน้ำลาย เมื่อฝ่ามืออุ่นของนางแนบกับเนื้อหนุ่ม เขารีบเก็บกระบี่เข้าฝักและรีบกำจัดมือน้อยออกจากสาบเสื้ออย่างรวดเร็ว
นางเอนร่างไร้อาภรณ์ระทวยซบร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่ม วาดแขนเรียวเล็กโอบกอดรอบต้นคอแกร่ง โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาเพื่อแตะริมฝีปากอิ่มงามกับริมฝีปากหยักลึกได้รูปของเขา พลางกระแซะเรือนร่างนุ่มนิ่มและเบียดเนินเนื้ออวบอัดด้วยวัยสาวสะพรั่งแนบเคล้ากับความเป็นบุรุษเพศที่ตื่นตัวภายใต้กางเกงเนื้อหนาด้วยกิริยาท่าทางเชิญชวน
“กอดข้าสิ ท่านเองก็ต้องการข้าใช่หรือไม่”
ดวงตาสีเขียวหยกของหญิงสาวฉายแววหวานออดอ้อน นางพยายามเหลือเกินที่จะทำลายความอดทนอดกลั้นอันน้อยนิดของเขา
“ไม่ใช่! ”
จางหลี่หมิงกล่าวปด น้ำเสียงห้วนจัดจนเหมือนตะวาด ทั้งที่หลักฐานปรากฏนูนเด่นแนบชิดกับแผ่นหน้าท้องขาวเนียนของนาง
ชายหนุ่มลอบเย้ยหยันจิตใจอกุศลของตัวเอง ผู้ที่มีวิชาระดับเขาหากต้องการจะจับนางจิ้งจอกนั้นเป็นเรื่องดายราวพลิกฝ่ามือ แต่เขากลับยังเพิกเฉยและปล่อยกายปล่อยใจให้นางเอาเนื้อหนั่นยั่วกิเลสมาเคลียคลอโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง
“รีบใส่เสื้อผ้าปิดบังร่างเปลือยน่าเกลียดของเจ้าซะ”
เขาสอดกระบี่เข้าปลอกที่ขัดไว้ด้านหลัง กระชากแขนเรียวเล็กออกจากต้นคอและลากนางมายังโต๊ะไม้ที่มีเสื้อผ้าสีทึบวางพาดอยู่
“พี่ชายรูปหล่อ ท่านเป็นห่วงว่าข้าจะหนาวตายเช่นนั้นหรือ ถึงได้บังคับขู่เข็ญให้ข้าสวมเสื้อผ้านัก ท่านรู้รึไม่ว่าตอนที่หน้าท้องของข้าแนบชิดกับตรงนี้ของท่าน ภายในกายของข้าร้อนรุ่มแทบจะขาดใจ”
ร่างสูงใหญ่สะท้านไหวทันทีที่ถูกมือซุกซนกอบกุมความเป็นบุรุษเพศซึ่งกำลังตื่นตัวเต็มขนาดกดเบียดกับดอกไม้งามของนาง แม้จะมีผ้าเนื้อหนากางกั้น ทว่าไม่สามารถขัดขวางอารมณ์หนุ่มแม้แต่น้อย
“หากเจ้าเป็นมนุษย์ ทำไมถึงไม่เกรงกลัวคนแปลกหน้า ไม่รู้หรือว่าผู้หญิงธรรมดาจะไม่ยั่วยวนผู้ชายแบบนี้”
ราวกับเขากำลังไล่จับปลาไหลร้อยตัวใส่กระด้ง เมื่อจับแขนข้างหนึ่งของนางสอดเข้าในแขนเสื้อ นางก็เลื้อยแขนอีกข้างออกมากอดเขาราวกับไม่มีกระดูก ความใกล้ชิดทำให้สามัญสำนึกเส้นสุดท้ายของเขาใกล้จะสะบั้นลงเต็มที
จางหลี่หมิงสบถกับตัวเอง รวบสองแขนเรียวเล็กขัดไขว้เอาไว้ด้านหลัง แต่ท่วงท่านั้นทำให้ยอดถันสีสวยของนางชูชันท้าทาย ความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มได้ถูกนางตรึงไว้ด้วยเสน่ห์หญิง
แม่ทัพหนุ่มไม่อาจหักห้ามใจชื่นชมเรือนร่างงดงาม สาวสวยนับร้อยทั่วทุกแว่นแคว้นแผ่นดินที่เคยพบเจอและร่วมเสพสม ไม่มีแม้สักคนที่งามได้ถึงเสี้ยวหนึ่งในความงามของหญิงสาวผู้นี้
ลาดไหล่บอบบางทรวงอกตูมเต่งราวดอกบัว เอวคอดรับกับสะโพกผายและหนั่นเนื้ออวบอูมแห่งวัยสาวทำให้หูตาของเขามืดบอดลงทีละน้อย
“แล้วท่านมาที่นี่ทำไมกัน”
จางหลี่หมิงแทบไม่ได้ยินคำถาม จิตใจของเขากำลังจดจ่ออยู่กับริมฝีปากอิ่มงามน่าลิ้ม
“เจ้าอยู่กับใคร” น้ำเสียงชายหนุ่มพร่าต่ำราวกระซิบ
“ข้าตัวคนเดียว ครอบครัวของข้าเสียชีวิตหมดแล้ว”
นางออดอ้อนฉอเลาะได้อย่างน่าใคร่ ร่างสะคราญบิดกายส่ายไหวหน้าอก จนก้อนเนื้อคู่อวบงามสั่นสะเทือน กิริยายั่วยวนชดช้อยของนางแสนท้าทายอารมณ์
หญิงสาวทอดกายราบลง เมื่อสามารถล่อหลอกให้เขาขยับตามมาจนชิดโต๊ะขอนไม้หน้ากระท่อมหลังเล็ก นางใช้ขาเรียวสวยเกี่ยวรั้งสะโพกสอบของเขาเข้าหาร่างงามในจังหวะที่ชายหนุ่มเสียหลัก
“พี่ชายรูปหล่อได้โปรดช่วยข้าให้หายทรมานทีเถิด”
จางหลี่หมิงชะงักงันอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามนาง “เจ้าขอให้ผู้ชายทุกคนที่ขึ้นมาหา ช่วยเจ้าเช่นนี้หรือ”
“ไม่เคยมีใครขึ้นมาถึงที่นี่... และข้าก็ไม่เคยรู้สึกร้อนรุ่มเช่นนี้มาก่อน”
คำตอบของนางทำให้จางหลี่หมิงรู้สึกพึงพอใจอย่างน่าฉงน ทว่าเขาไม่คิดจะเชื่อทุกสิ่งได้ยิน
“ถ้าข้าช่วยเจ้าคลายจากความทรมาน เจ้าต้องให้ในสิ่งที่ข้าต้องการเช่นกัน” จางหลี่หมิงต่อรองอย่างมีชั้นเชิง
“รับปากข้า แล้วข้าจะช่วยเจ้า”
“ข้ารับปาก” หญิงสาวหายใจหอบ
ริมฝีปากน่าลิ้มของนางงถูกเขาครอบครองโดยทันทีเมื่อตอบตกลง
จางหลี่หมิงสำนึกรู้ว่าตนผิดในหน้าที่ แต่ไม่ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้จะนำพาเขาไปสู่นรกหรือสวรรค์ ชายหนุ่มไม่อาจยุติมันได้และหากขืนชักช้ายิ่งกว่านี้ เขาเองที่จะกลายเป็นฝ่ายร้องขอความเมตตาจากนาง
หญิงสาวครางแผ่วเมื่อผิวนุ่มละมุนเหมือนกลีบดอกเหมยถูกลูบไล้ด้วยฝ่ามือกร้านหยาบที่สัมผัสแต่โลหะแข็งจนชินชา เขาเล้าโลมเรือนร่างงดงามสวยสะคราญด้วยความละลานตาละลานใจ เป็นความรื่นรมย์ที่ไม่อาจบรรยาย ยิ่งรับรู้ว่าเขาทำให้นางครวญครางสั่นสะท้าน ความฮึกเหิมในอารมณ์ยิ่งทบทวี
ชายหนุ่มกอบกุมก้อนเนื้อคู่อวบงามของนางอย่างถนอม นิ้วเรียวยาวคีบยอดถันสีหวานขยี้ยั่วด้วยชั้นเชิงนักรัก ขณะที่ริมฝีปากอุ่นประกบแนบเคล้ากลีบปากนุ่ม จุมพิตดูดดื่มเร่าร้อนของเขาทำให้นางหอบหายใจระรัว
เขาปล่อยให้นางถอดทึ้งเสื้อผ้าที่สวม ฝ่ามือนุ่มของนางเลื่อนไล้ไปตามมัดกล้ามแข็งแรง แผ่นหลังกว้าง เอวสอบแคบ กระทั่งมาถึงสะโพกแกร่งและสัดส่วนกำยำล่ำสัน นางลูบคลำความหนุ่มแน่นของเขาอย่างซุกซน
จางหลี่หมิงคลายมือที่เคล้นคลึงทรวงอกอวบอิ่ม เลื่อนต่ำลงทักทายดอกไม้งาม นางผวากอดร่างหนาเมื่อกลีบสาวถูกคลี่ออก และนิ้วเรียวยาวสัมผัสกับเกสรนุ่มเป็นจังหวะร้อนแรง
เขาเกร็งข้อนิ้วกดลงในร่องรักฉ่ำของนาง หงกุ้ยฟางครางออกมาอย่างเจ็บปวดแม้ว่านิ้วเรียวจะเคลื่อนเข้าออกในความสาวแสนรัดรึงด้วยความนุ่มนวลเนิบช้า และเร็วยิ่งขึ้นทีละน้อยเมื่อถูกชะโลมลื่นด้วยหยาดรัก
ชายหนุ่มพาร่างหนาเคลื่อนต่ำลงกระทั่งพบกับดอกไม้งาม ริมฝีปากรุ่มร้อนแนบจูบเชยชมเนินเนื้อแห่งวัยสาว ลิ้นอุ่นชื้นแตะชิมรสชาติน้ำหวานที่นิ้วเรียวยาวเร่งเร้าให้นางคัดหลั่งออกมา
หงกุ้ยฟางหอบหายใจกระเส่า บิดเร่าทุรนทุรายเมื่อเขาใช้ปากลิ้นกับเกสรนุ่มและขยับมือเร็วยิ่งขึ้น เร็วกระชั้นจนนางกรีดร้องและผวาขยุ้มกลุ่มผมดกหนาบนศีรษะของชายหนุ่ม
กระทั่งร่างงามสั่นเกร็ง ดวงตาของนางพร่าพรายด้วยม่านหมอกแห่งความสุขสม ก่อนทุกสิ่งจะมืดดับลงอย่างสงบ