สตรีสูงวัยสี่คนนั่งรายล้อมหงกุ้ยฟางช่วยกันแปลงโฉมหญิงงามให้แลดูเป็นชายชาตรี ตามคำไหว้วานของท่านเจ้าอาวาสเฉิงอวี้ เหนือริมฝีปากสีอ่อนหวานถูกติดด้วยหนวดปลอมที่ตัดมาจากปลายเส้นผมดำเงายาวสลวยของหงกุ้ยฟาง รูปร่างอ้อนแอ้นถูกอำพรางด้วยผ้าทอใยไผ่ที่เย็บซ้อนทับกันแน่นเหมือนเสื้อเกราะทหารจนลำตัวแลดูหนา และใส่ปลอกแขนทำจากผ้าแบบเดียวกันจนดูเหมือนมีมัดกล้ามขึ้นมาพอประมาณ
“ผ้าทอจากเยื่อไผ่ระบายความร้อนได้ดีแม่นางจะไม่รู้สึกลำบากมาก แต่ผิวพรรณคงทาแป้งปกปิดไม่ได้นานเพราะไม่ทนต่อเหงื่อที่ซึมออกมาตอนอากาศร้อนระอุเช่นนี้”
“ข้าขอบคุณท่านป้าทั้งสี่ที่ช่วยเหลือ”
หงกุ้ยฟางก้มศรีษะลงอย่างนอบน้อม กิริยามารยาทน่าเอ็นดูในสายตาของผู้ใหญ่ แม้จะไม่ดูเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้เช่นสตรีที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ แต่ความอ้อนน้อมซึ่งถ่ายทอดออกมาแบบจริงใจนั้นกลับสร้างความซาบซึ้งแก่ผู้รับการขอบคุณได้มากกว่า
“ท่านแม่ทัพวางใจได้ว่าความลับเรื่องนี้จะไม่ถูกแพร่งพราย ทุกคนที่มาถือศีลกินเจที่วัดป่าแห่งนี้ล้วนฝักใฝ่แต่ความสันติร่มเย็น”
หนึ่งในสตรีสูงวัยกล่าวออกตัวแทนทุกคน อย่างเข้าอกเข้าใจหนุ่มสาวทั้งคู่
“รับชุดบังทรงอีกสองชุดนี้ไปด้วยเผื่อสับเปลี่ยนยามต้องการ”
หงกุ้ยฟางรับถุงผ้าที่หญิงสูงวัยหยิบยื่นให้ นางก้มศีรษะลงพร้อมคำกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ
“ขอบคุณพวกท่านมากที่ช่วยเหลือ”
จางหลี่หมิงโน้มกายลงทำความเคารพผู้สูงวัยกว่าอย่างไม่ถือยศถือศักดิ์ แม้จะในแผ่นดินต้าชิงเขาจะเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจทางทหารเหนือกว่าองค์ฮ่องเต้ราชันผู้เปรียบเสมือนโอรสสวรรค์ ทว่าชายหนุ่มยังคงปฏิบัติต่อผู้มีวัยวุฒิสูงกว่าด้วยความนอบน้อมเสมอ
“คุณชายรองกลับมาแล้ว”
บ่าวรับใช้วัยรุ่นวิ่งกระหืดกระหอบมาบอก ‘ปิ๋งจื่อ’หัวหน้าพ่อบ้านที่ดูแลความเรียบร้อยในจวนแม่ทัพ
หัวหน้าพ่อบ้านซึ่งดูแลจางหลี่หมิงมาตั้งแต่ห้าขวบหลังจากแม่นมของเขาสิ้นชีวิตลุกขึ้นยืน รีบละมือจากงานทาสีซ่อมแซมศาลาพักร้อนกลางสระบัวที่ถูกขุดเชื่อมจากแม่น้ำรั่วซีที่เป็นแม่น้ำสายหลักของเมืองหลวงต่อจากหอคัมภีร์ซึ่งสร้างอยู่กลางบึงมาอีกทอด และมุ่งหน้าไปยังจวนหลังใหญ่
“คุณชายรอง... ปิ๋งจื่อบกพร่องนักที่ไม่ได้เตรียมการต้อนรับคุณชายรองก่อนล่วงหน้า”
จางหลี่หมิงรวบไหล่ผอมบางของหัวหน้าพ่อบ้านสูงวัยที่โน้มกายทำความเคารพยืนตรงขึ้น
“ปิ๋งจื่อ ท่านรู้ดีกว่าใครว่าข้าไม่ชอบความเอิกเกริก อีกอย่าง... ให้กำชับทุกคนในจวนไม่ให้ปริปากเรื่องที่ข้าเดินทางมาถึงเมืองหลวง” เขาทำเสียงเข้ม
“ปิ๋งจื่อเข้าใจแล้วคุณชาย”
หัวหน้าพ่อบ้านรับปาก พลันสายตามองเห็นเด็กหนุ่มผิวพรรณสะอาดสะอ้าน รูปลักษณ์งามราวสตรีซึ่งยืนหลบอยู่ด้านหลังของจางหลี่หมิง สีหน้าของปิ๋งจื่อแสดงความอยากรู้
เรือนหลังใหญ่โตโอ่อาและความเป็นคุณชายของจางหลี่หมิงทำให้นางประหม่าจนรู้สึกว่าตัวลีบเล็กลงยิ่งกว่าเดิม
“หย่งฟาง คือน้องชายบุญธรรมของข้า บอกให้ทุกคนเรียกเขาว่า คุณชายสาม และสั่งบ่าวจัดห้องพักให้คุณชายสามติดกับห้องพักข้า”
“ปิ๋งจื่อทราบแล้วขอรับ คุณชายรอง คุณชายสาม”
หงกุ้ยฟางรับตำแหน่งคุณชายสามด้วยยิ้มจืดเจื่อน อดไม่ได้ที่จะประณามความโป้ปดอย่างหน้าตาเฉยของเขาทางสายตา
“จำไว้ว่าตอนนี้เจ้าชื่อหย่งฟาง” จางหลี่หมิงมองหนวดเทียมเหนือริมฝีปากของนางด้วยแววตาล้อเลียน
***“โชคชะตา ไร้สิ้น วาสนา
ใกล้เพียงเอื้อมมือ ไกลสุดปลายฟ้า
ไม่อาจไขว่คว้าเจ้าดวงจันทร์
เฝ้างมงาย รักลวงใจ ยากปล่อยวาง
กล้ำกลืนช้ำ ไร้จุดหมาย ใคร่รอคอย”
เสียงกุกกักหลังฉากกั้นห้องนอน ปลุกหญิงสาวตื่นจากนิทราแสนสุข ร่างเล็กลุกพรวดพราดนั่งหลังตรง เมื่อลืมตาขึ้นและพบกับสภาพรอบกายที่ไม่คุ้นเคย ก่อนตระหนักได้ว่าบัดนี้นางคือ ‘หย่งฟาง’ ไม่ใช่หงกุ้ยฟางและรีบหยิบเสื้อบังทรงมาผลัดสวม ติดหนวดเทียมไว้เหนือริมฝีปากอย่างเร่งร้อน
หญิงรับใช้ที่พ่อบ้านปิ๋งจื่อสั่งให้เข้ามาทำหน้าที่ช่วยผลัดอาภรณ์และเตรียมน้ำให้คุณชายสามอาบ ชะงักมือซึ่งกำลังวางเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับคุณชายสามบนโต๊ะเครื่องแต่งกาย เพ่ยจูเผลออุทานด้วยความตะลึงเมื่อเจอหงกุ้ยฟางครั้งแรก
ใบหน้าของหญิงรับใช้วัยแรกรุ่นมีสีแดงเรื่อกระจายอยู่ทั่วผิวแก้มอย่างรวดเร็ว นางรีบก้มหน้าลงจนคางแทบจรดกับทรวงอก เพราะบังเอิญได้สบตากับคุณชายสาม
“อรุณสวัสดิ์คุณชายสาม เพ่ยจูมาทำหน้าที่ช่วยผลัดเสื้อผ้าและแต่งตัวให้ท่าน”
ดรุณีวัยแรกแย้มก้มหน้าก้มตาพูดอย่างเหนียมอาย กว่าเพ่ยจูจะได้รับคัดเลือกเป็นหญิงรับใช้ของจวนแม่ทัพ นางต้องผ่านการคัดเลือกรูปโฉมและถูกอบรมขัดเกลาทั้งมารยาทมาแบบเคร่งครัด หน้าที่ของนางคือปรนนิบัติรับใช้ผู้เป็นนาย
“ขอบใจมากที่จัดการทุกอย่างให้ข้า แต่เจ้าออกไปได้แล้ว”
เพ่ยจูหน้าเผือดสี “เพ่ยจูขออภัยคุณชายสาม”
“ทำไมต้องขออภัย” หงกุ้ยฟางคิ้วขมวด
“เพราะเพ่ยจูทำให้คุณชายสามไม่พอใจ” น้ำเสียงของหญิงรับใช้สั่นเครือคล้ายจะร้องไห้
“ไม่ใช่แบบนั้น คือ... ข้าไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายตอนอาบน้ำแต่งตัว ข้าชอบอาบน้ำเอง” หงกุ้ยฟางลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อสีหน้าของเพ่ยจูแจ่มใสขึ้นกระทั่งเป็นปกติ
“เพ่ยจูจะยืนรออยู่หน้าห้อง หากคุณชายสามต้องการคนช่วยถูหลัง” เพ่ยจูก้มหน้าก้มตาพูด แต่ยังไม่ละความพยายาม
“ตามใจเจ้า แต่ว่าต่อไปนี้ห้ามใครเข้ามาในห้องข้า จนกว่าข้าจะอนุญาติ” นางทำเสียงเข้มเลียนแบบจางหลี่หมิง
“แม้แต่ตอนเตรียมน้ำให้คุณชายอาบด้วยหรือ ? ” เพ่ยจูถามด้วยความไม่แน่ใจ
“ใช่ ห้ามเด็ดขาด” นางพูดเสียงดังฟังชัด
เพ่ยจูมีสีหน้าแปลกใจแต่ก็ยอมทำตาม เด็กสาวถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนหมุนตัวเดินออกจากห้องของคุณชายสาม
ร่างผอมบางในชุดเสื้อผ้าของจางหลี่หมิงสมัยเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นได้ถูกหงกุ้ยฟางนำมาสวมใส่อีกครั้ง นางพับชายแขนเสื้อที่ยังคงหลวมโพรกและยาวรุ่มร่ามขึ้น ก่อนจะยกมือเป่าปากเสียงดังกังวาล สามสี่ครั้งโดยเว้นระยะห่างเพียงชั่วอึดใจ
คนทั้งจวนแม่ทัพเงยหน้าจากสิ่งที่ทำอยู่ ต่างหันซ้ายมองขวาเพื่อแสวงหาที่มาของเสียง กระทั่งพบว่าคนเป่าปากคือคุณชายสาม
ทว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือหลังจากนั้นไม่นานนักมีพญาอินทรีขนสีเทาขาวโฉบลงมายังจวนแม่ทัพ และบินวนรอบศาลาริมสระบัวก่อนโผนเกาะแขนของคุณชายสามอย่างสง่างาม
"ไม่ต้องตกใจไปหรอกเจ้าขาว ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นมิตร” นางพูดคุยกับมันอย่างสนิทสนม ราวกับเพื่อน
กระทั่งพญาอินทรีกระพือปีกบินด้วยความระแวดระวังเมื่อเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้
“เหลือเชื่อจริงๆ เจ้าพูดคุยนกอินทรีได้” จางหลี่หมิงเว้นระยะห่างจากนางหนึ่งช่วงตัว เพราะเกรงว่าจะทำให้พญาอินทรีบินหนีไป
“เจ้าขาวคือเพื่อนสนิทของข้า”นางโยกแขนข้างที่เจ้าขาวเกาะอยู่ออกห่าง เมื่อจางหลี่ หมิงทำท่าจะยื่นมือมาสัมผัสตัวเจ้าขาว
“ข้าอยากขอเป็นเพื่อนกับเจ้าขาวด้วย ได้หรือไม่”
“ได้สิ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” จางหลี่หมิงหรี่เปลือกตาลง นึกไม่ถึงว่านางเจ้าเล่ห์ถึงขั้นหาเรื่องมาต่อรองกับเขา
“เจ้าต้องการอะไร”
“ข้าอยากให้ท่านสอนวิชาป้องกันตัวทุกชนิดและ...” นางพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกเขาขัดขึ้นกลางคัน
“ข้าให้เจ้าปลอมเป็นชายเพื่อความปลอดภัยก็จริง แต่คงไม่ถึงขนาดต้องทำตัวเป็นผู้ชายไปตลอดชีวิต... หรือเจ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ? ”
“ข้ามีเรื่องไม่สบายใจอยู่สองเรื่อง”
“สองเรื่อง ? ” คิ้วเข้มสองข้างเลิกขึ้นสูง
“เรื่องแรก คือสายตาสบประมาท”
เขายกแขนขึ้นกอดอกครุ่นคิดก่อนพยักหน้าเข้าใจ เพราะบังเอิญได้ยินคำครหาว่าคุณชายสามทำตัวตุ้งติ้งและไม่ยอมให้หญิงรับใช้ปรนนิบัติ
“แล้วเรื่องที่สอง ? ”
“เรื่องที่สอง คือเรื่องหญิงรับใช้” นัยน์ตาสีดำสนิทของนางวาววับเป็นสีเขียวก่อนจะเลือนลง
เป็นอย่างที่เขาคาดเดาไม่มีผิด จางหลี่หมิงครุ่นคิด “ว่ามา”
“ข้ารู้ว่าหญิงรับใช้ของที่นี่ปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดี แต่พวกนางไม่จำเป็นต้องทำกับข้าแบบที่ทำกับท่าน”
“แบบที่ทำกับข้า ? ”
เขายิ้มขันราวกับเรื่องที่นางพูดเป็นเรื่องตลก
“ใช่! ข้าถูหลังเองได้และ... ไม่ต้องการให้ใครมาช่วยบีบนวด”
หงกุ้ยฟางเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องการปรนนิบัติอย่างใกล้ชิดยามหลับนอน เพราะเกรงจางหลี่หมิงอาจไม่พอใจหากรู้ว่านางซักไซร้เรื่องส่วนตัวของเขากับเพ่ยจู แม้มีคำถามผุดขึ้นมาในใจ นางอยากจะรู้ว่าเขาเคยหลับนอนกับใครและหญิงรับใช้คนไหนมาบ้าง
“ปัญหาเท่าขี้เล็บแค่นี้เจ้าถึงกับต้องรบกวนเจ้าขาว”
ชายหนุ่มใช้สายตารู้ทันมองทั้งคนและนก
หงกุ้ยฟางทำคอแข็งเมื่อเจ้าขาวกระพือปีกไม่หยุด ราวกับมันกำลังต่อว่านางและเปลี่ยนไปเข้าข้างจางหลี่หมิง