พัฐสุดาคือลูกสาวคนเล็กที่น่ารักอ่อนหวาน
คนกระด้างหัวแข็งอย่างญาณินเลยถูกทับถมมากขึ้น
ญาณินไม่ใช่คนหัวแข็ง เธอมีเหตุผลต่างหาก ไม่ใช่อะไรก็เออออตามคนอื่นไปเรื่อยๆ ญาณินไม่ใช่คนแบบนั้นไง เลยกลายเป็นคนขวางโลกในสายตาคนอื่น
โชคดีที่มีเพื่อนสนิทรู้ใจ...ญาณินเลยไม่ต้องหดหู่ เพราะไม่ได้เป็นที่ครอบครัวต้องการ
บทที่2.คู่ปรับตัวฉกาจ
พอเห็นรายชื่อคู่ค้าเต็มตาญาณินถึงกับถอนใจดังเฮือก!! เธอยกมือขยี้เปลือกตาแรงๆ และแอบหวังให้ตัวเองตาฝาด ครั้นลืมตาหลังปล่อยเวลาผ่านไปชั่วครู่ ความจริงที่ยังเห็นอยู่เต็มตา ก็ทำให้เธอหนักใจมากขึ้น
“หมวย ไม่มีรายอื่นแล้วหรือไง” ญาณินกระซิบถามเพื่อน
แพรไหมส่ายหน้ายิ้มกร่อยๆ ให้ “ไม่มี รายนี้ถูกที่สุดแล้ว”
ยูเนี่ยนฟู๊ด คือบริษัทตระกูลยูซึ่งมีประธานบริษัทคนใหม่คือคนที่ญาณินไม่ชอบหน้า ญาณินมีตำแหน่งเป็นฝ่ายจัดซื้อ เธอต้องหาวัตถุดิบป้อนให้โรงงาน โลกมันกลมเกินไปจริงๆ คนที่ไม่อยากพัวพันที่สุดกลับหนีไม่พ้น
“คงไม่โชคร้ายจนต้องเจรจากับหมอนั่นโดยตรงหรอกนะ”
หลายครั้งที่ญาณินหัวเสียเพราะการเจรจา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสิทุกครั้งที่ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบจากบริษัทแห่งนี้ คนที่ญาณินต้องเจรจาด้วยกลับเป็นคนที่เธออยากหลบเลี่ยงที่สุด
“คงไม่แล้วมั้งคะ คุณคริสเตียนเธอขึ้นเป็นCEO แล้ว คงไม่มีเวลามาเสวนากับพวกเราแล้วล่ะ” พัชรีพูดแทรก คริสเตียน ขึ้นแท่นเป็นบอสเต็มตัว เขาคงไม่มีเวลาว่าง แถมยังต้องเตรียมตัวแต่งงานด้วย คงยุ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
“ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะ” ญาณินเปรยลอยๆ พร้อมกับเริ่มปลง
เพราะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง และไม่อยากถูกบิดามารดาว่ากระทบบ่อยๆ อีก ญาณินเลยพยายามอดทน แม้หลายครั้งที่ฟังคำดุด่าจากบิดามารดาแล้วจะทนไม่ไหว
ญาณินไม่เคยพิศวาสคริสเตียนเลย
แต่ไม่รู้เพราะอะไร ไม่ว่าจะตัวพัฐสุดาเอง หรือแม้แต่แววตามารดาของเธอ ทั้งสองคนนั่นกระแหนะกระแหนทุกครั้ง หากญาณินมีความจำเป็นต้องเจอผู้ชายคนนั้น
“เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปนะยัยณิน ยังไงคุณคริสเตียน เขาก็ถือว่าเป็นแฟนของยัยดา”
คำพูดแปล่งๆ ฟังทะแม่งหู ญาณินพยายามไม่เก็บมาใส่ใจ แม้จะรู้สึกตงิดๆ ทุกครั้งไป
“คุณคริสเตียน เขารักดามากเลยนะคะ ดาอยากได้อะไรเขาก็ซื้อให้ทุกอย่าง”
ญาณินแอบเบ้ปากทุกครั้งที่ได้ยินน้องสาวคุยฟุ้ง นิสัยเศรษฐีเขาไม่แยแสกับการจ่าย หากได้ในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้
“เขารวยมากเลยนะแม่” เสียงทรงพลพูดสนับสนุน
“ดีแล้วล่ะ อย่าปล่อยให้หลุดมือไปเชียวนะยัยดา คนนี้แม่ชอบ”
ญาณินถึงกับถอนใจแรงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา เธออยากเตือนน้องสาว แต่หากปริปากพูดออกมาตอนนี้ คงไม่มีใครฟังเธอหรอก ญาณินเลยพยายามหุบปาก และตัดความรำคาญด้วยการย้ายตัวเองออกมาอยู่ข้างนอกเสียเลย
นั่นเป็นรอยร้าวจุดแรก...ที่ทำให้เธอกับครอบครัวมองหน้ากันไม่เต็มตา
ช่างเถอะ...เพื่อความสบายใจของทุกคน
“ว่าไงแก...ตกลงจะไปเองใช่ไหม?” แพรไหมถามซ้ำ เมื่อเพื่อนสนิทนิ่งและยังไม่ตอบคำถาม
ญาณินฝืนยิ้มกร่อยๆ “คงงั้นแหละ แกเองก็ไม่ได้อยากไปนี่หมวย”
“ผู้ชายมีเจ้าของแล้วฉันไม่อยากยุ่งด้วย” แพรไหมเปรยลอยๆ มองหน้าญาณินซ้ำอีกครั้งตอนที่ถามคำถามต่อไป “แกไม่คิดจะขวางยัยดาใช่ไหมณิน แกสัญญามาสิว่าแกจะไม่ยุ่งเรื่องของสองคนนั่น”
ความที่สนิทกันมาก สองสาวเพื่อนซี้เลยพลอยรู้เรื่องความบาดหมางในครอบครัวของญาณินไปด้วย ลูกชังอย่างญาณิน ไม่ควรเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับการวิวาห์ครั้งนี้ เพราะต่อให้คริสเตียนนิสัยไม่ดีแค่ไหน ทั้งบิดา มารดาของญาณินยังพร้อมที่จะทำเป็นไม่เห็น เพียงเพราะความร่ำรวยของเขา
“อืม...”
“ดีแล้ว ชีวิตใครชีวิตมันยัยณิน ยัยดาไม่ใช่เด็กแล้ว และการแต่งงานมันไม่ใช่การเล่นขายของ”
คำเตือนที่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง
ไม่มีใครสามารถตักเตือนพัฐสุดาได้ ในเมื่อครอบครัวส่วนใหญ่เห็นด้วยและคอยสนับสนุน
คริสเตียน นั่งหน้าเครียด เขาเหวี่ยงการ์ดแต่งงานในมือไปจนสุดมุมโต๊ะ ริมฝีปากสีเข้มเม้มแน่น งานวิวาห์ที่ถูกกำหนดขึ้นนั้น เป็นความต้องการของเขาเอง แต่ไม่ใช่เพราะรักว่าที่เจ้าสาวจนท่วมท้นนะ เขามีความจำเป็นต้องแต่งงาน ไม่อย่างนั้น…
“ถ้าแกยังไม่มีเมียภายในปีนี้ ฉันจะยกสมบัติที่ฉันหามาตั้งแต่หนุ่มๆ ให้การกุศล”
บิดายื่นคำขาด มีมารดาของเขาคอยสนับสนุน
ปัญหานั่นเรื่องใหญ่สำหรับคนที่กำลังสนุกกับการทำงานจนไม่อยากมีชนักปักหลัง ปัญหานี้คริสเตียนขบไม่แตก ระยะเวลาก็หดสั้นลงไปทุกๆ วัน แต่แล้ว ก็เหมือนสวรรค์เปิดทางให้ คู่ควงคนล่าสุดที่เขาใกล้จะปลดระวาง ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้เขา และคริสเตียน เห็นด้วย
“แต่งงานกับดานะคะ ดาจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณเลย”
“ไม่ละ” ครั้งแรกที่ได้ฟัง เขาปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดทบทวน
“คุณเหลือเวลาไม่มากแล้วนี่คะ ดาน่าจะเป็นตัวลือกสุดท้ายของคุณเลยนะ”
“ไปรู้อะไรมาเหอะ?” คริสเตียน ตัดสินใจถาม
“วันนั้นดาบังเอิญได้ยินที่ท่านทั้งสองพูดกับคุณค่ะ”
คริสเตียน ตวัดตามองผ่านหน้าของพัฐสุดา เขาถอนใจแรงๆ ฉวยแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่ม แต่ไม่ยอมพูดต่อ ทั้งที่แววตาของเขามีแต่รอยตำหนิติเตียนเต็มไปหมด
“ดาขอโทษที่เสียมารยาทแอบฟังค่ะ แต่ข้อเสนอของดา คุณน่าจะลองพิจารณาดูนะคะ”
“มันจะไม่หยุดแค่การเป็นเมียในนามสิ ฉันรู้จักเธอดี” คริสเตียน กระตุกมุมปากยิ้มเยาะ
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เข้าหาเขาแล้วไม่หวังผลประโยชน์ พัฐสุดาก็ด้วย เขาเปย์หล่อนไปไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยแตะต้องหล่อนสักครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่ชอบนะ แต่ทุกครั้งที่แตะตัวพัฐสุดา แววตาของใครบางคนทิ่มแทงเขา จนต้องยกเลิกความคิดพวกนั้นไป
ใครคนนั้นที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวหญิงตรงหน้า
ใครคนนั้นที่มองเขาไม่เหมือนกับแววตาผู้หญิงคนอื่นๆ
ในดวงตานั่นเต็มไปด้วยแววตำหนิ และเยาะหยัน
คริสเตียนสลัดเงาของผู้หญิงคนนั้นไม่หลุด เขาเลยรู้สึกกระดากใจที่จะแตะต้องพัฐสุดา ซึ่งทำให้พัฐสุดาไม่พอใจหลายครั้ง และนาทีนี้ เขาดีใจที่หยุดตัวเองไว้ทัน แม้จะเฉียดฉิวเต็มที
“ดายอมรับค่ะ ดาคงอายจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ หากถูกคุณคริสเตียน สลัดทิ้ง”
รอยยิ้มแต้มมุมปากคริสเตียน แต่นั่นไม่ทำให้พัฐสุดายอมถอดใจ เธอหวังไว้สูงกว่านั้น ต่อให้เป็นแค่เมียในนามก็ขึ้นชื่อว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นของเธอ พัฐสุดาปัดโอกาสที่ดีที่สุดตอนนี้ทิ้งไปไม่ได้ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องอายผู้คน ถึงแม้อนาคตจะตรงกันข้ามกับที่ตัวเองต้องการ
“บอกไว้ก่อนเลยนะ อย่ามารักคนอย่างฉันเลย เสียเวลาเปล่า”
“ค่ะ ดาจะอยู่อย่างสงบในฐานะ ‘เมีย’”
“ฉันคงเหลือตัวเลือกไม่มากอย่างที่เธอว่า...ฉันจะให้ทนายร่างสัญญาแต่งงานมาให้เธอพิจารณา หวังว่าเธอจะเป็นนักแสดงที่ดี ไม่ทำให้พ่อแม่ฉันจับได้ล่ะ”
นั่นล่ะเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดงานวิวาห์ครั้งนี้
“หน้าตาคุณไม่เหมือนเจ้าบ่าวผู้โชคดีได้สมหวังในความรักเลยนะ คริสเตียน ”
ไฮน์เนอร์ ลัมล์ เพื่อนสนิทสมัยเรียนต่างประเทศ ผู้ชายที่คล้ายๆ เงาของคริสเตียน เพราะทุกทีที่มีเขามักมีเพื่อนผู้นี้ด้วยเสมอ สองหนุ่มสุดฮอตและกำลังสนุกกับงานที่ตัวเองรับผิดชอบ จนไม่มีเวลาคิดเรื่องส่วนตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าข้างกายของพวกเขาจะไร้ผู้หญิงเคล้าเคลียนะ
“เห้อ...” คริสเตียน ถอนใจ
ไฮน์เนอร์เลยหัวเราะร่วน “ผมเคยคิดว่าเรื่องตลกพวกนี้มีแค่ในหนังสือนิยายที่ผู้หญิงชอบอ่านเสียอีก ไม่คิดว่าในชีวิตจริงก็มีด้วย”
คริสเตียน แสยะยิ้ม “ทุกตำนานหรือเรื่องเล่า มักมาจากเรื่องจริงไม่ใช่เหรอไงล่ะ”