บทที่ 22เตรียมของสำหรับไปโรงเรียน

2127 คำ
เฉินตงเดินถือกระสอบกล่องข้าวสามช่องกลับบ้านด้วยร่างไร้วิญญาณ คงจะพูดไม่ออกที่อยู่ๆ ก็เห็นของโผล่ออกมาจากในอากาศที่ไม่คิดว่ามันจะมี นอกจะกระสอบกล่องข้าวแล้วยังมีไข่จำนวนสิบชั่งที่แลกออกมาในคะแนนสะสมห้าสิบแต้ม ส่วนของอย่างอื่นเธอจะทยอยแลกออกมา หลังจากแลกของในระบบเสร็จเฉินเฟิ่นอี้ก็ลากน้องชายออกจากตลาดมืดทั้งที่มีอาการเหม่อลอย คงเป็นเรื่องที่ทำใจยากพอสมควรเธอจึงไม่ได้ทักท้วงเขาที่ไม่พูดระหว่างเดินกลับ เฉินเฟิ่นอี้นับเงินดูแล้วตอนนี้เธอมีตั๋วเงินสามร้อยหกสิบหยวน ซึ่งยังไม่รวมกับเงินอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตั๋วเงินและเงินที่เหลือจากย่าเฉิน คูปองมีรวมๆ กันห้าสิบใบจากการแลกมาและใช้ไปบางส่วน แต้มสะสมเหลือสามพันกว่าแต้มซึ่งเธอต้องนำของออกมาอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าคงหายไปเป็นพันๆ คะแนน พอเดินถึงบ้านก็รีบนำของเข้าไปเก็บในครัว ยังดีที่ก่อนหน้านี้พวกเธอนำโหลที่มีในบ้านมาด้วยจึงไม่ได้ซื้อและแลกในระบบ เฉินเฟิ่นอี้รีบนำไข่ไก่ลงเก็บในโหลสะอาด เครื่องปรุงต่างๆ ถูกบรรจุใส่โหลเล็ก โดยมีเฉินตงคอยช่วยเหลือ เฉินไห่หลิว เฉินจาง และเฉินเหม่ยเย่ยังไม่กลับ ตอนนี้คงใกล้เที่ยงแล้ว เฉินเฟิ่นอี้จึงทำอาหารรอน้องๆ เธอรู้ว่ายังไงเฉินไห่หลิวต้องพาทุกคนกลับมารับประทานอาหารที่บ้านเพราะกลัวว่ามันจะสิ้นเปลือง เฉินตงรับหน้าที่จุดไฟและล้างกล่องข้าวที่เฉินเฟิ่นอี้แลกออกมาจากระบบ เหมือนเขาจะทำใจได้แล้วสีหน้าจึงดีขึ้นมาก เฉินเฟิ่นอี้เตรียมหุงข้าวระหว่างรอจุดเตา เธอจึงหันไปเตรียมผลไม้ที่แช่เอาไว้ ในหนึ่งมื้อเฉินเฟิ่นอี้จะมีผลไม้ให้รับประทานตลอด ร่างกายที่เคยผอมตอนนี้จึงมีเนื้อมีหนังกันทั้งหมด “พวกพี่กลับมาแล้ว ฉันตกใจหมดค่ะ” เฉินเหม่ยเย่เปิดประตูห้องครัวจากในบ้าน หลังมาถึงบ้านแล้วประตูไม่ได้ล็อก โชคดีที่เฉินไห่หลิวเห็นรองเท้าน้องชายจึงไม่ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ มือที่กำลังหั่นแอปเปิลชะงัก เฉินเฟิ่นอี้หันไปมองน้องสาวที่มีอาการหอบเล็กน้อย เธอส่ายหน้าก่อนจะหันกลับมาหั่นผลไม้ต่อ กว่าจะทำอาหารเสร็จก็คงหายเหนื่อยพอดี “ได้หนังสือกลับมาไหม” เฉินตงยกหม้อข้าวขึ้นหุงเสร็จก็หันมาถามน้องสาวที่นั่งลงข้างๆ “มีแค่เฉินจางที่ได้หนังสือต่างประเทศมาค่ะ” มันเป็นหนังสือเขียนมือราคาแค่สองเหมา ทั้งสามจึงยอมซื้อมันมา อันที่จริงหากจะซื้อเล่มดีๆ กว่านี้ก็ได้ “ไม่เป็นไร ระหว่างรอโรงเรียนเปิดพวกเธอก็ไปดูหนังสือทุกวันก็ได้” เฉินเฟิ่นอี้ไม่เชื่อว่าทั้งสามไม่มีเล่มที่อยากได้ คงคิดว่ามันจะสิ้นเปลืองถึงไม่ยอมซื้อ เอาไว้พรุ่งนี้จะพาไปก็แล้วกัน “ค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ? พี่ชายรองซื้อเนื้อกลับมาด้วยค่ะ” เฉินเหม่ยเย่ถกแขนเสื้อขึ้นพร้อมช่วยทำอาหาร “หั่นเนื้อมาทำอาหารหน่อย” “ได้ค่ะ” ที่บ้านเช่ายังไม่มีแปลงผัก เฉินเฟิ่นอี้จึงจะต้มซุปหมูใส่สาหร่ายแทน สาหร่ายอบแห้งที่ซื้อจากสหกรณ์มีประโยชน์พอสมควร ไม่แปลกที่เธอจะซื้อติดบ้านไว้ เฉินเฟิ่นอี้รีบหั่นผลไม้ล้างก่อนนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นรอระหว่างทำอาหาร สาหร่ายแห้งถูกนำมาแช่ในน้ำต้มสุก เสียดายที่เธอไม่ได้แลกขวดน้ำเก็บไว้ จึงไม่มีน้ำเย็นๆ ที่ต้มสุกให้ดื่ม แต่ก็ไม่เป็นไร หลังทำอาหารเสร็จเธอจะต้มน้ำไว้ดื่ม เฉินเฟิ่นอี้ถอนหายใจด้วยความกังวล เธอกลัวว่าเด็กๆ จะรับไม่ได้หากรู้ความจริง เฉินตงภายนอกเห็นเขาเป็นแบบนี้แต่ข้างในแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เหลือบมองเฉินจาง เฉินเหม่ยเย่ที่กำลังอ่านหนังสือใหม่ก็ยิ่งหนักใจ เฉินไห่หลิวมีมองมาที่เธออย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถาม ซึ่งมันก็ดีแล้ว รอไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเฉินเฟิ่นอี้ก็รีบต้มซุปหมูสาหร่ายที่ใส่เก๋ากี้ด้วย มันส่งกลิ่นหอมจนเธอหิว เฉินเฟิ่นอี้ทำกับข้าวไม่นานก็เสร็จ เธอเรียกเฉินตงมายกหม้อข้าวและให้เฉินไห่หลิวมาช่วยถือถ้วยต้มซุปหมูสาหร่าย เด็กๆ ที่เห็นว่าอาหารเสร็จแล้วก็เก็บหนังสือลง เฉินเฟิ่นอี้ตักข้าวให้ทุกคนที่นั่งประจำที่ โชคดีที่โต๊ะรับประทานอาหารมีเก้าอี้ห้าตัว พวกเธอจึงนั่งรับประทานได้พอดีคน ถ้วยซุปหมูสาหร่ายถูกวางลงกลางโต๊ะ เฉินเฟิ่นอี้นั่งลงหัวโต๊ะที่ว่างก่อนจะเริ่มคีบอาหารไป เด็กพวกนี้ติดนิสัยที่ต้องให้ผู้ใหญ่เริ่มรับประทานอาหารก่อนถึงจะลงมือ “อร่อยมากเลยค่ะ” เฉินเหม่ยเย่เอ่ยชมพร้อมคีบเนื้อหมูเข้าปาก “ฝีมือพี่สาวสามอร่อยที่สุด” เฉินจางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ในถ้วยข้าวของเขามีชิ้นหมูที่เฉินไห่หลิวคีบให้น้องชายเพราะเขามัวแต่ซดน้ำแกง “อร่อยก็กินเยอะๆ” เฉินเฟิ่นอี้ยิ้มก่อนหันมารับประทานบ้าง ทุกคนสนทนาระหว่างรับประทานอาหารมื้อกลางวันด้วยความผ่อนคลาย เพราะมีเฉินจาง เฉินเหม่ยเย่คอยพูดตลอดเวลา “เอาไว้พรุ่งนี้พี่จะพาไปร้านหนังสือ” รับประทานอาหารเสร็จ ก็รอย่อย เธอจะพาทุกคนไปร้านเสื้อผ้าและซื้อข้าวขาวมาไว้รับประทาน จริงๆ เรื่องข้าวเธอสามารถติดต่อเพื่อนลุงสามให้จัดการได้ แต่เฉินเฟิ่นอี้ก็เกรงใจและกลัวว่าจะถูกจับตาที่รับประทานข้าวขาว บ่ายสองเป็นเวลาที่เด็กบ้านเฉินเตรียมตัวออกไปข้างนอก เฉินจางและเฉินเหม่ยเย่ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินว่าจะไปซื้อเสื้อผ้า ยกเว้นเฉินไห่หลิวกับเฉินตงที่ปฏิเสธเพราะชุดยังใหม่อยู่เลย สำหรับเธอชุดมันใหม่ก็จริงแต่ถ้าเทียบกับคนในอำเภอมันก็เก่าอยู่ดี เฉินเฟิ่นอี้เอาสบู่หอมออกจากกระเป๋าผ้า เธอวางมันไว้บนหัวเตียงและเงินบางส่วนก็ถูกเก็บไว้ภายในช่องลับตรงหัวเตียง เธอนำไปเพียงหกสิบหยวน และเงินที่ไม่ได้นับ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเสื้อผ้าเป็นสิบๆ ตัว พร้อมคูปองที่เธอแลกเก็บไว้ ทั้งห้าคนเดินออกจากบ้านพร้อมล็อกอย่างแน่นหนา กุญแจบ้านเป็นกุญแจใหม่ ทั้งเป็นบ้านของอดีตทหารจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีโจร อีกอย่างบริเวณที่เธออยู่ถึงไม่มีคนพลุกพล่านแต่ก็ไม่ได้น่ากลัว “พี่จะซื้อให้คนละสามชุด เลือกเอาเองก็แล้วกัน” เฉินเฟิ่นอี้บอกก่อนเข้าร้านเสื้อผ้าที่มีแค่ร้านเดียวในอำเภอ เสื้อแขนกระบอก เสื้อเชิ้ต เสื้อแขนยาว กางเกงลายไม้ กางเกงขายาว และเสื้อผ้าอื่นๆ แขวนไว้เต็มร้าน ภายในร้านมีลูกค้าเดินเข้าเดินออกเป็นว่าเล่นเพราะเป็นร้านเสื้อผ้าร้านเดียว หากไม่รวมกับในสหกรณ์อำเภอที่มีแค่เดือนละไม่กี่ตัว เฉินเฟิ่นอี้ปล่อยให้ทุกคนเดินเลือกเสื้อผ้าเอง เธอก็ไม่ต่างกัน เมื่อเห็นว่ามีขนาดของเธอก็รีบเข้าไปดูทันที เสื้อผ้าที่เธอจะซื้อไม่พ้นชุดแบบเดิม เพราะต้องไปโรงเรียน หากใส่ชุดไม่สุภาพจะถูกดุได้ แต่หากเป็นชุดเก่าๆ ก็คงถูกพูดถึงทั้งโรงเรียน พนักงานในร้านไม่ได้สนใจเด็กทั้งห้าคน มีเพียงมองห่างๆ ซึ่งบางทีก็สร้างความไม่พอใจให้กับเฉินเฟิ่นอี้ ต่อให้พวกเธอเป็นเพียงเด็กแต่ก็มีเงินมาซื้อ ต่างจากคนที่สวมชุดคุณนายเดินเข้ามาทีหลังแล้วมีพนักงานเดินอ้อมหน้าอ้อมหลัง กางเกงขาก๊วยสีขาวถูกเฉินเฟิ่นอี้หยิบขึ้นมาดูด้วยความสนใจ แต่พอเห็นรอยเปื้อนที่น่าจะมาจากมือของใครสักคนก็วาง ไม่ใช่ว่ารังเกียจแต่เธอกลัวว่ามันจะเลอะของเขา “ฉันเอาตัวนี้ค่ะ” เฉินเหม่ยเย่หยิบเสื้อแขนตุ๊กตาสีฟ้ามาให้เฉินเฟิ่นอี้ดู “อืม เธอไปเลือกเพิ่มเลย” เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าให้น้องสาว พลางหยิบเสื้อที่ต้องการมาถือ เสื้อพวกนี้เธอสามารถใส่ได้แน่เพราะมีขนาดเดียวกัน สามชุดที่ว่าคือกางเกงและเสื้ออย่างละสามตัว เธอจึงเห็นเด็กๆ เดินเลือกซื้ออย่างกังวล น่าจะกลัวเงินไม่พอยกเว้นเฉินตงที่รู้ว่าพี่สาวมีเงิน เขาเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีราคาแต่มันสามารถใส่ได้หลายปี ระหว่างเลือกซื้อเสื้อสายตาของเธอกลับหันไปเห็นกระเป๋าผ้าพอดี มันมีทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ แน่นอนว่ามันดึงดูความสนใจของเฉินเฟิ่นอี้ได้ กล่องข้าวของเธอไม่สามารถหิ้วได้เหมือนปิ่นโตที่หลายๆ คนใช้ แต่มันใช้สะดวกกว่าปิ่นโตมาก เฉินเฟิ่นอี้จึงเลือกแลกมา กระเป๋าผ้าที่กำลังดูก็มีขนาดที่พอดีกัน กระเป๋าผ้าขนาดเล็กสีดำจำนวนห้าใบ และใบใหญ่สีขาวอีกหนึ่งใบถูกเฉินเฟิ่นอี้หยิบมา กระเป๋าเล็กสำหรับใส่กล่องข้าวและน้ำเป็นอาหารมื้อกลางวัน ส่วนกระเป๋าใหญ่เธอจะนำไปเปลี่ยนกับกระเป๋าที่ใช้อยู่ ส่วนอันเดิมจะเอาไปให้ที่บ้านใช้ เฉินเฟิ่นอี้เลือกเสื้อผ้าเสร็จก่อนคนอื่น เธอจึงต้องหอบทุกอย่างไปหาพวกเขา เฉินเหม่ยเย่มองอย่างอึ้งๆ เพราะพี่สาวของหล่อนหอบทั้งเสื้อ กางเกง และกระเป๋า “ฉันช่วยค่ะ!” ของหล่อนมีเสื้อและกางเกงที่ตัวเล็กกว่าทั้งยังพับไว้เรียบร้อยมันจึงไม่เหมือนของเฉินเฟิ่นอี้ที่มองแทบไม่เห็นทางเดินแล้ว “พี่ซื้ออะไรไปเยอะขนาดนั้น” เฉินไห่หลิวขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าแค่นี้ของก็เยอะมากแล้ว “ไว้ใส่กล่องข้าวไปโรงเรียน” เฉินเฟิ่นอี้กล่าวยิ้มๆ พลางถอนหายใจ เฉินไห่หลิวบ่นเก่งจริงๆ หากไม่มีเฉินตงคอยห้ามเขา เธอคงคิดว่าเขาเป็นพ่อเธอแล้ว “สิ้นเปลืองแบบนี้ ย่ากับคนในบ้านจะเดือดร้อน” เฉินไห่หลิวมองกว้างกว่าเฉินตงและเฉินเฟิ่นอี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นเงินของเฉินเฟิ่นอี้ ที่บ้านต้องทำงานในแปลงนาทุกวัน แม้อายุจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยอมกัดฟันส่งพวกเขาเรียนจึงควรจะประหยัด “ไม่เอาน่า ไปๆ จ่ายเงินกันเถอะครับ” เฉินตงโผล่หน้ามาพร้อมเฉินจางที่ได้เสื้อผ้าครบแล้ว เฉินเฟิ่นอี้จึงไปจุดชำระเงินพร้อมวางเสื้อผ้าและของทั้งหมดลง พนักงานหลายคนต่างหันมามองเพราะซื้อจำนวนมาก “น้องคะ น้องจะซื้อทั้งหมดจริงๆ เหรอจ๊ะ” เหมือนหล่อนจะกังวลเรื่องเงินไม่พอจึงถามย้ำ “ทั้งหมดเลยค่ะ พี่สาวรีบๆ จัดการด้วยนะคะ พอดีฉันต้องไปซื้อของต่อ” อีกอย่างพนักงานที่นี่ก็ไม่ต้อนรับพวกเธอ ถ้าไม่ติดว่ามีร้านเสื้อผ้าแค่ร้านเดียวเธอไม่ซื้อแน่ “ได้จ้ะ” แม้กังวลแต่หล่อนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะลูกค้ายืนยันจะซื้อ พร้อมทั้งคำนวณราคาเสื้อ กางเกง และกระเป๋าจำนวนหลายอย่าง เฉินเฟิ่นอี้ยื่นเงินจำนวนยี่สิบสี่หยวนให้พนักงาน ราคาเสื้อผ้าถูกมากสำหรับเธอ แต่คนอื่นมองว่ามันแพงมากโดยเฉพาะเฉินไห่หลิวที่มองแล้วมองอีก ก่อนทั้งห้าจะเดินไปร้านธัญพืชกันต่อ  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม