เฉินไห่หลิว เฉินจาง และเฉินเหม่ยเย่ออกไปที่ร้านหนังสือหลังรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ เฉินเฟิ่นอี้จึงให้เงินเฉินไห่หลิวไปจำนวนสิบหยวน หากเด็กๆ ต้องการหนังสือก็อนุญาตให้ซื้อ และบางทีเธอกับเฉินตงอาจกลับช้า ถ้าหิวก็สามารถเอาอาหารในตู้เย็นมาทำรับประทานได้เลยเพราะเฉินเหม่ยเย่ก็ทำอาหารเป็น หรือหากเงินเหลือก็ไปซื้ออาหารรับประทานในร้านค้ารัฐได้
เฉินเฟิ่นอี้กัดฟันแลกแต้มคะแนนสะสมจำนวนหนึ่งร้อยแต้มกับคูปองอาหารเพียงสิบใบ แต่ก็นับว่าคุ้ม หากเด็กๆ ไม่ต้องการทำอาหารเอง อีกทั้งเธอยังให้เงินเฉินไห่หลิวแยกต่างหากเพื่อให้เขานำไปซื้อเนื้อมาทำอาหาร
เงินที่เหลือมีเพียงหนึ่งร้อยกว่าหยวน และคำนวณดูแล้วเฉินเฟิ่นอี้คิดว่ามันจะอยู่ได้อีกไม่นาน วันนี้จึงแลกสบู่หอมออกมาหนึ่งโหล รวมกับที่เหลือไว้อีกสามก้อนก็เป็นสิบห้าก้อน เพราะเธอจะนำออกมาใช้ เฉินเฟิ่นอี้จะเข้าตลาดมืดแค่สัปดาห์ละครั้งป้องกันความเสี่ยง คาดว่าเข้าตลาดมืดวันนี้คงได้ไม่ต่ำกว่าร้อยหยวน
เฉินตงถอนหายใจ เมื่อคืนนี้เฉินไห่หลิวมากดดันเขาเรื่องที่จะไปตลาดมืด แต่ถึงกดดันอย่างไรก็ต้องไปอยู่ดี หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเขาจึงต้องรีบแต่งตัว ไม่อย่างนั้นพี่สาวสามคงต้องไปเอง คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดมีหรือที่จะไม่รู้ทันความคิด ยิ่งหลังจากหายป่วยชอบทำแต่อะไรแปลกๆ
วันนี้หลังจากกลับมาจากตลาดมืดแล้วเฉินเฟิ่นอี้จะพาทุกคนไปซื้อเสื้อผ้า ด้วยชุดที่มีตอนนี้มีแค่คนละไม่กี่ตัว และหากไปเรียนแล้วอาจไม่มีเวลาซัก ซึ่งเธอจะให้ทุกคนซักเสื้อผ้าเองเพื่อไม่ให้เอาเปรียบกัน อีกอย่างทุกคนก็ซักผ้าเป็นแล้ว
เฉินเฟิ่นอี้ส่งกระเป๋าสบู่ให้เฉินตงทันทีที่เดินออกจากห้องพร้อมหมวกที่ใส่ประจำ เฉินตงก็ดูเหมือนจะชิน เขารีบรับกระเป๋าไปถือไว้ แอบมองเจ้าสบู่หอมที่ส่งกลิ่นหอมสลับกับมองพี่สาวที่เดินข้างๆ กัน เรื่องนี้เขาไม่ได้บอกเฉินไห่หลิวว่าพี่สาวสามขายสบู่หรือขายอะไร บอกเพียงเข้าตลาดมืดเท่านั้น
ทั้งสองเดินผ่านร้านค้าของรัฐหลายร้านก่อนจะมาหยุดที่ซอยเปลี่ยว เฉินตงเดินไปเคาะประตูบ้านหลังเก่าอย่างคุ้นเคย มันถูกเปิดออกก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบแทรกตัวเข้าไป
เฉินตงก้มหัวเล็กน้อยให้เหล่าผู้คุมที่นั่งดื่มเหล้า เขารีบเปิดประตูเพื่อลงไปด้านล่าง ระหว่างทางเดินก็มีคบเพลิงถูกจุดตามรายทาง เมื่อมาถึงจุดหมายก็แค่เปิดประตู
เฉินเฟิ่นอี้เดินนำน้องชายเข้าไปด้านใน หมวกไม้ไผ่สานถูกดึงลงเพื่อให้มันแน่น หากเกิดเหตุไม่คาดฝันมันจะได้ไม่หลุดออกมา มาที่นี่กี่ครั้งสถานการณ์ยังเป็นเหมือนเดิม เธออยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังตลาดมืด
กระเป๋าผ้าถูกส่งคืนเจ้าของที่ต้องเริ่มขายสบู่หอม เฉินเฟิ่นอี้หยิบออกมาถือเอาไว้ก้อนหนึ่งพร้อมยืนนิ่งๆ หลายคนที่เดินผ่านต่างหันมามองเพราะได้กลิ่นหอม
“น้องสาวๆ”
“คะ”
“น้องสาวจริงๆ ด้วย! เธอจำพี่สาวได้หรือเปล่า คนที่ซื้อสบู่หอมไปรอบก่อน” หล่อนกระซิบเสียงเบา
เฉินเฟิ่นอี้ขมวดคิ้วภายใต้หมวกสานใบใหญ่ เธอฟังเสียงและนึกถึงครั้งก่อนที่ขายขายสบู่ ก่อนจะพยักหน้างึกงักเพราะหล่อนเป็นลูกค้าที่มากับสามี หรือก็คือลูกค้าคนแรกที่ซื้อสบู่หอมของเฉินเฟิ่นอี้
“จำได้ค่ะ”
“น้องสาวมีอีกเท่าไรหรือจ๊ะ พี่สาวเห็นถือเอาไว้คงเอามาแลกของแน่ๆ” หล่อนถามด้วยความคาดหวังพร้อมมองสบู่ในมือของหญิงสาว
หลังจากได้ลองใช้สบู่หอมก้อนนี้ไป ภรรยาเพื่อนสามีของหล่อนที่ตามสามีมาที่บ้านต่างอยากได้มันมาก แต่หล่อนไม่ยอมขายให้เพราะหล่อนก็ได้ไปเพียงไม่กี่ก้อนและไม่รู้ว่าจะเจอคนที่ขายสบู่หอมอีกเมื่อไร แต่หล่อนได้รับปากภรรยาเพื่อนสามีเอาไว้แล้วว่าถ้าเจอจะซื้อไว้ให้ วันนี้ไม่รู้อะไรดลใจให้หล่อนมาตลาดมืด แถมยังเห็นคนที่มีท่าทางคุ้นเคยทั้งยังถือสบู่หอมจึงลองเข้าไปทัก
เฉินเฟิ่นอี้กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี ครั้งก่อนเธอเคยบอกว่าญาติซื้อมาให้และนานๆ มาหาที แต่วันนี้เธอมีสิบกว่าก้อนหากขายไปหล่อนอาจสงสัย และที่สำคัญก็คืออีกฝ่ายเป็นภรรยาทหาร
“เอ๋ ฉันเพิ่งไปแลกมันมาค่ะ เพื่อนบ้านของฉันเขามาจากมณฑลอื่นจึงนำกลับมาเยอะ ฉันก็เลยแลกมาไว้ใช้งาน” เธอส่ายหน้าเป็นการตอบกลายๆ ว่าไม่ต้องการแลกของ ใจจริงก็อยากขายแต่เธอไม่ยากเสี่ยง ยิ่งราคาที่ได้รับสูงเท่าไร มันก็เสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น
“น้องสาว ฉันอยากได้จริงๆ นะ! ภรรยาของเพื่อนสามีฉัน พวกหล่อนเห็นฉันใช้สบู่หอมนี่ก็อยากได้เหมือนกัน แต่ฉันไม่ยอมขายให้เพราะไม่รู้ว่าจะเจอน้องสาวอีกเมื่อไหร่ ฉันให้ก้อนละสิบห้าหยวนก็ได้!” หล่อนต้องการสบู่มากจริงๆ หากภรรยาของเพื่อนสามีได้ใช้สบู่นี่พวกเขาย่อมต้องเกรงใจเธอและสามี หล่อนยังไม่มีลูกและแยกบ้านออกมาจากครอบครัวสามีแล้ว การใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายสามีของหล่อนก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนราคาสบู่หอมหล่อนสามารถนำไปขายเพิ่มราคาได้อีก
เฉินเฟิ่นอี้มองอย่างใช้ความคิด อันที่จริงเธอก็สามารถขายให้ได้ในราคาเดิม แต่มีคนมาเสนอราคาที่มากกว่าเดิมมีหรือจะไม่สนใจ เพราะอันที่จริงเธอก็ขายโก่งราคาเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายอยู่แล้ว ยิ่งขายได้มากเท่าไรยิ่งเป็นผลดี
“ถ้าฉันขายให้พี่ไป ฉันจะโดนตรวจสอบหรือเปล่า” เพราะกระดานใสของระบบเปิดเผยว่าอีกฝ่ายมีสามีเป็นทหาร เฉินเฟิ่นอี้จึงกลัวว่าหล่อนจะเก็บความลับไม่ได้ ถึงวันนั้นทั้งสองจะมาด้วยกันก็ตาม
“ไม่ๆ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แน่นอน น้องสาวสบายใจได้!” เรื่องอะไรจะต้องบอกคนอื่นล่ะ หากหล่อนต้องการขายโก่งราคาเรื่องคนขายย่อมเป็นความลับ
“ฉันขายให้ก็ได้ค่ะ แต่ฉันให้แค่ห้าก้อนหนึ่งร้อยหยวน” ราคามาพร้อมความเสี่ยง ไหนๆ แล้วมันก็เสี่ยงตั้งแต่แรก เฉินเฟิ่นอี้จึงทำการโก่งราคาแพงไปเลย และเธอเชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีเงินซื้อ หากหล่อนนำไปขายคงได้ราคาแพงกว่านี้แน่นอน
“หนึ่งร้อยหยวน!” หล่อนอุทานอย่างตกใจที่ราคาสูงขึ้นมากกว่าเดิม ปกติที่เคยซื้อมันสามารถซื้อได้ถึงสิบก้อน แต่พอหล่อนเพิ่มราคาให้อย่างน้อยก็ได้หกก้อนและมีเงินทอน
“ใช่ค่ะ ฉันติดต่อญาติที่นำสบู่หอมมาให้รอบก่อนแล้ว เขาจะส่งสบู่หอมมาให้ ราคาจึงแพงขึ้นมากกว่าเดิม ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมส่งมาให้ ส่วนรอบนี้เป็นของเพื่อนบ้าน” เฉินเฟิ่นอี้โกหกคำโต ญาติ เพื่อนบ้านมันไม่ได้มีตั้งแต่แรก และเธอจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ในตลาดมืดราคาของมันก็แพงเป็นธรรมดา
“น้องสาวลดให้ไม่ได้เหรอจ๊ะ ฉันมีเงินไม่พอจริงๆ”
เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้าทันที หากเธอยอมลดให้ครั้งหน้าหรือครั้งต่อๆ ไป อีกฝ่ายก็จะขอลดราคาและเธอก็หน้าเลือดมากด้วยสิ ยิ่งต่อไปต้องโฟกัสกับการเรียน
“ถ้าอย่างนั้นน้องสาวจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่” หล่อนนำเงินมาพอแต่ก็ยังต้องนำไปซื้อของอย่างอื่นอีก
“ไม่รู้ค่ะ” เธอไม่ได้พูดเล่น วันไหนว่างถึงจะเข้ามาขายของ และระหว่างนี้เฉินเฟิ่นอี้ก็ต้องหาอย่างอื่นทำไปด้วย ของในระบบต้องใช้คะแนนแลกมาขาย เธอไม่สามารถแลกมาขายได้ตลอด
“ลดให้หน่อยไม่ได้เหรอ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ พอดีมีคนสั่งสบู่หอมเอาไว้น่ะค่ะ ถ้าจะรอรอบหน้าคงอีกหลายเดือนฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เพื่อไม่ให้เสียเวลาเฉินเฟิ่นอี้จึงเลิกสนใจหล่อน ความเสี่ยงแลกกับเงินเพียงน้อยนิดให้อีกฝ่ายนำไปโก่งราคาเธอไม่ยอม
เฉินเฟิ่นอี้ยื่นกระเป๋าให้เฉินตงถือ เขารับไปด้วยความงง ส่วนในมือเธอยังถือสบู่หอมเอาไว้อยู่ เธอกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แย่งชิงขึ้นมา ซึ่งเฉินตงน่าจะดูแลมันได้ดีกว่า
“ก็ได้ๆ หนึ่งร้อยหยวนก็หนึ่งร้อยหยวน แต่ฉันขอซื้อเพิ่มได้หรือเปล่า สิบก้อนสองร้อยหยวน!” หล่อนต่อรองทันทีที่เห็นว่าในกระเป๋าผ้าไม่ได้มีสบู่แค่ห้าก้อน หากนำไปขายต่อหล่อนจะได้กำไรไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยหยวนแน่ๆ
ไม่รอช้าเฉินเฟิ่นอี้ก็พยักหน้าตกลงซื้อขายทันที สบู่หอมเธอคงจะไม่เอามาขายอีกสักพักให้หล่อนตายใจ สบู่หอมจำนวนสิบก้อนถูกส่งให้หญิงสาวที่มองเงินจำนวนมากอย่างหมดแรง ครั้งนี้หล่อนใช้เงินเก็บของบ้านไปจำนวนมาก หากนำไปขายไม่หมดคงขาดทุน แต่เพื่อสามีแล้วหล่อนยอม
“พี่ขายให้หล่อนไปจะไม่โดนจับได้เหรอ” เฉินตงถามด้วยน้ำเสียงกังวล อีกอย่างก็อดที่จะทึ่งกับเงินจำนวนสองร้อยหยวนไม่ได้ ลุงสามต้องทำงานอย่างน้อยสามเดือนถึงจะได้เงินจำนวนนี้ แต่พี่สาวสามกลับเดินขายของที่ว่าไม่ถึงชั่วโมง
“หล่อนไว้ใจได้” ใช่ ระหว่างกำลังคิดว่าจะขายดีหรือไม่ ระบบก็เอ่ยบอกว่าหล่อนไว้ใจได้
“กลับกันเลยไหม”
เงินจำนวนมากขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ เฉินเฟิ่นอี้กลับส่ายหน้า เธอต้องการนำของออกจากตลาดมืดไปใช้ แต่ไม่ใช่ของที่เธอซื้อ เป็นของในระบบต่างหาก
เฉินเฟิ่นอี้มองหน้าเฉินตงก่อนจะถอนหายใจออกมา เธอเดินนำเขาไปยังจุดที่ลึกที่สุดและห่างสายตาผู้คน เฉินตงรวมถึงพี่น้องบ้านเฉินไว้ใจได้ทุกคนแต่เธอต้องหาพวกก่อน
“นายสัญญากับฉันก่อนว่าจะไม่บอกใคร” เฉินเฟิ่นอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เงยหน้าขึ้นสบตากับเฉินตงที่มองอย่างไม่เข้าใจ เธอจะบอกทุกคนแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
"ครับ ผมสัญญา” สายตาที่จริงจังของพี่สาวทำให้เฉินตงตอบตกลง
เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าพลางมองรอบๆ ตัว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมาเธอก็หลับตาลงพร้อมกวาดมือไปด้านหน้า กระดานใสที่ไม่มีคนเคยเห็นยกเว้นเธอก็ปรากฏแสงสีฟ้ารอบๆ ทำให้เฉินตงสามารถมองเห็นได้ เรื่องนี้ระบบเป็นคนบอกเธอเอง เฉินเฟิ่นอี้จึงกล้าที่จะบอกทุกคน และจะได้ไม่หาว่าเธอเป็นบ้า
“นี่…นี่ คือ อะ..อะ ไร” เฉินตงเดินถอยหลังพลางถามอย่างหวาดกลัว
“สิ่งที่นายเห็นฉันเรียกว่ากระดานใส หลังจากหายป่วยอยู่ๆ มันก็ปรากฏขึ้นมา” เฉินเฟิ่นอี้ไม่ได้บอกว่าพี่สาวของเขาตายแล้ว เธอไม่ต้องการทำให้เฉินตงเศร้าเสียใจ
เด็กบ้านเฉินรักพี่รักน้องกันมาก หากรู้ว่าพี่สาวของพวกเขาตายและหญิงวัยกลางคนอย่างเธอเข้ามาอยู่ในร่าง คงจะยอมรับไม่ได้ และตอนนี้เธอก็กล่าวได้ว่าเริ่มผูกพันกับพวกเขาไปแล้ว
“กระ…กระดานใส”
“อืม”
เฉินเฟิ่นอี้เริ่มกดดูของที่เธอต้องการ กล่องข้าวสามช่องเป็นของที่เธอมองไว้ตั้งแต่แรก เฉินเฟิ่นอี้จะทำอาหารไปรับประทานที่โรงเรียนเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน ทั้งยังไม่ต้องจ่ายเงินออกไปทุกวัน เงินในส่วนที่ได้รับจากย่าเฉินจะเป็นเงินที่ทุกคนจะได้รับไปใช้จ่ายที่โรงเรียนในแต่ละวัน ส่วนเรื่องอาหารแน่นอนว่าเป็นเงินของเธอ