บทที่ 30แพ้

2055 คำ
นักเรียนมัธยมปลายปลายชั้นปีที่หนึ่งห้องอันดับต้นและห้องอันดับสามต่างทยอยเดินเข้าห้องการแข่งขันรอบที่สอง ตัวแทนห้องอันดับต้นมีหมิงหลานฮุ่ย ชิงไห่ตัน อี้เหม่ยเฟิ่งและหวังซ่งเยี่ยน ในขณะที่ห้องอันดับสามมีเฉินไห่หลิว เฉินตง เฉินเฟิ่นอี้ และเจียวซี ไม่มีใครรู้เกณฑ์การคัดเลือกตัวแทนของห้องอันดับต้น แต่สำหรับเฉินเฟิ่นอี้แล้วคิดว่าการแข่งขันรอบที่สองพวกเธอจะผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ในอดีตหมิงหลานฮุ่ยและอี้เหม่ยเฟิ่งคอยขอให้เฉินเฟิ่นอี้ทำการบ้านให้ ไหนจะงานต่างๆ ที่นำไปส่งและบอกว่าตนเองทำอีก หากไม่มีเฉินเฟิ่นอี้พวกเขาอาจจบมัธยมต้นไม่ได้ด้วยซ้ำ เสียงพูดคุยในห้องดังขึ้นเป็นระยะระหว่างรอคุณครูที่คุมการแข่งขันเดินเข้ามา มีหลายคนกำลังพูดถึงว่าห้องไหนจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แน่นอนว่าใครอยู่ห้องไหนก็บอกว่าห้องตนเองจะชนะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงห้องอันดับต้นที่คิดว่าตนเองเก่งกว่าห้องอื่นทั้งที่ระบบห้องเพิ่งเปลี่ยน เฉินเฟิ่นอี้จิบน้ำในขวดพร้อมนวดมือไปด้วย เมื่อวานทำอาหารเยอะเกินไป ตื่นเช้ามามันจึงมีอาการปวด ยิ่งก่อนหน้านี้ต้องเร่งเขียนคำตอบให้ทันก่อนคนอื่นมันจึงปวดเพิ่มขึ้นอีก แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้น “พี่ปวดแขน?” เฉินตงที่ยืนอยู่ด้านข้างสังเกตเห็นจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง การแข่งขันชิงทุนยังเหลืออีกหากพวกเขาชนะจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ “ไม่ได้ปวดมากขนาดนั้น” เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้าเก็บขวดน้ำใส่กระเป๋า หันมองเพื่อนๆ ที่นั่งและยืนคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเดินเข้ามาประจำที่ควรยืนเมื่อเพื่อนที่เฝ้านอกห้องบอกคุณครูมาแล้ว ปากกาถูกทดสอบใส่แผ่นกระดาษบางเพื่อดูว่าใช้ได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ห้องอันดับสามของพวกเธอยกโขยงออกไปพักด้านนอกทั้งหมด เฉินเฟิ่นอี้จึงเตรียมความพร้อมไว้ก่อน ส่วนสามคนที่เหลือก็ทำตามเฉินเฟิ่นอี้แม้จะงงๆ กับสิ่งที่ทำ แต่ไม่มีใครแย้งขึ้นมาเพราะคิดว่าสิ่งที่เฉินเฟิ่นอี้ทำมันดีที่สุดแล้ว ก่อนที่ครูคุมแข่งขันสามคนจะปรากฏตัวเข้ามาในห้อง “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีครับ” “ดีจ้ะเด็กๆ” คุณครูและเหล่านักเรียนระดับมัธยมปลายทั้งสองห้องเอ่ยทักทายกันด้วยความเคยชิน ทุกครั้งที่เข้าเรียนหรือพบเจอกันที่ไหนต้องทำความเคารพตลอด ทางโรงเรียนไม่ได้บังคับเพราะมันเป็นสิทธิของเด็ก แต่ถ้าไม่ทำก็ถูกต่อว่าเรื่องไม่เคารพผู้ใหญ่ เฉินเฟิ่นอี้ยื่นแผ่นกระดาษเปล่าให้ใครสักคนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอ การทดสอบรอบที่สองต้องทำการตรวจสอบอุปกรณ์เหมือนการแข่งขันรอบแรก นอกจากปากกาที่ให้มาในรอบแรกนักเรียนก็ต้องไม่มีอะไรวางอยู่ด้านหน้า “การแข่งขันรอบที่สอง…” รายละเอียดไม่ได้ต่างจากการแข่งขันรอบแรก เพียงแต่ห้องอันดับต้นยังไม่มีคะแนนสะสมเพราะไม่ได้แข่งรอบแรกด้วย สร้างความพอใจให้กับเฉินเฟิ่นอี้เป็นอย่างมาก เข้ารอบไปก่อนห้องอื่นชิลๆ แต่ไม่ได้รับคะแนนยังถือว่าทางโรงเรียนยังเป็นกลางอยู่ “ห้องสามครับ” แขนทั้งสองข้างถูกยกขึ้นสูงให้ครูคุมการแข่งขันตรวจสอบ ยังดีที่มีผ้ากั้นเอาไว้ไม่อย่างนั้นนักเรียนหญิงคงถูกครหา เฉินเฟิ่นอี้ตรวจไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ถูกปล่อยตัว “โจทย์แรก จางหลิวเดินทางเข้าเมืองอี้…” คำถามทั้งสามข้อถูกถามออกมา นักเรียนที่ไขโจทย์ข้อไหนได้ก่อนและคิดว่าถูกก็สามารถตอบได้เลย แต่ถ้าตอบผิดจะไม่ได้รับโอกาสให้แก้ไขโจทย์ข้อนี้ “ห้องหนึ่ง หนึ่งคะแนน” เฉินเฟิ่นอี้เงยหน้าขึ้นมองอี้เหม่ยเฟิ่งที่เอากระดาษคำตอบไปส่งและได้รับคะแนน เธอไม่ได้สนใจหันกลับมาเขียนสิ่งที่กำลังเขียนต่อ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเพราะโจทย์มันยากกว่ารอบที่แล้วมาก อีกทั้งหากตอบผิดก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เฉินเฟิ่นอี้เขียนคำตอบเสร็จแล้วแต่ไม่ยอมส่ง เธอรอให้ตัวแทนห้องของเธอนำไปส่งก่อน ที่จริงก็สามารถนำไปส่งได้แต่เฉินเฟิ่นอี้ดูท่าทางของอีกห้องอยู่ “ห้องสาม หนึ่งคะแนน” “ห้องสาม สองคะแนน” ทันทีที่เฉินตงเดินไปส่งกระดาษคำตอบเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินไปส่งตาม และยังส่งตัดหน้าหมิงหลานฮุ่ยอีกด้วย สร้างความไม่พอใจให้ตัวแทนอีกห้องเป็นอย่างมาก เฉินเฟิ่นอี้ยกยิ้มมุมปากเพราะการแข่งขันครั้งนี้หากมีเรื่องจะถูกปรับแพ้ ตัวแทนห้องอันดับต้นจึงไม่สามารถทำอะไรให้เธอได้ “โจทย์ต่อไป ฉงหลิวซื้อเสื้อจำนวน…” “ห้องสาม สามคะแนน!” เพียงคำถามโจทย์ที่สองจบลงเฉินเฟิ่นอี้ก็เดินเอากระดาษคำตอบไปส่งอย่างไม่รอช้า พวกเธอได้คุยกันก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ให้คะแนนห้องอันดับต้น แต่ถ้าพวกเธอได้คะแนนมาทั้งหมดจะถูกจับตามองจึงจะแบ่งให้เล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าห้องอื่นในตอนนี้มีคะแนนเก็บเท่าไรแลัว สีหน้าสมาชิกห้องอันดับต้นเริ่มแย่เมื่อตัวแทนห้องที่ส่งออกไปเพิ่งได้คะแนนมาคะแนนเดียว ทั้งๆ ที่ผ่านไปแล้วหลายโจทย์ ไหนบอกอี้เหม่ยเฟิ่งเคยได้รับรางวัลของโรงเรียนมาก่อน แต่วันนี้กลับแพ้ลงอย่างราบคาบ ระหว่างรอโจทย์คำถามต่อไปเฉินเฟิ่นอี้หันไปมองฝ่ายตรงข้ามที่มีสีหน้าไม่สู้ดี คิดจะมาสู้กับคนอย่างเธอหรือ คิดน้อยไปแล้ว ก่อนหันมาฟังโจทย์ข้อต่อไป “ข้อสุดท้าย การทำร้ายคนอื่นจนถึงแก่ความตาย…” โจทย์ข้อสุดท้ายสร้างความฮือฮาให้กับทุกคนเมื่อมีการวิเคราะห์เข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องราวรักระหว่างเด็กสาวเจาเยว่หรงที่มีคู่หมั้นฟางโจวเหอ พวกเขาทั้งสองถูกบรรยายว่ารักกันมากจนกระทั่งต้องเข้าเรียนในระดับที่สูงขึ้น และมีเพื่อนใหม่เข้ามาเกี่ยวข้อง แรกๆ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั่งเทอมสุดท้ายของการเรียนเจาเยว่หรงล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้หล่อนต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหลายๆ อย่าง เซี่ยเหมินลี่คือเพื่อนสาวในกลุ่มที่อยู่บ้านใกล้กันกับเจาเยว่หรง หล่อนจะเดินทางกลับบ้านพร้อมฟางโจวเหอคู่หมั้นของเพื่อนสนิท แต่แล้วช่วงหลังๆ ทั้งคู่กลับมาด้วยกันแต่ไม่ยอมมาพบเจาเยว่หรง มีเพียงฟางโจวเหอที่มาพบในเวลาสุดท้ายก่อนกลับ ฟางโจวเหอทำการยกเลิกหมั้นหมายกับเจาเยว่หรงไปหมั้นหมายกับเซี่ยเหมินลี่ภายใต้ความเจ็บช้ำของอดีตคู่หมั้น เจาเยว่หรงไม่ยอมแพ้หล่อนทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอาการป่วย จนสุดท้ายจึงรู้ความจริงที่หล่อนถูกวางยา! เฉินเฟิ่นอี้ตวัดสายตาไปมองหมิงหลานฮุ่ยกับอี้เหม่ยเฟิ่งเมื่ิอเรื่องราวมันคุ้นๆ ทั้งทีเป็นการถามถึงว่าฟางโจวเหอกับเซี่ยเหมินลี่ควรถูกจัดการยังไง ทั้งสองมีใบหน้าซีดลงโดยเฉพาะอี้เหม่ยเฟิ่งที่มีชนักติดหลัง เธออยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนออกโจทย์คำถามทั้งหมด เพราะเรื่องนี้มันเคยเกิดขึ้นมาจริง หรือระบบจะช่วยเหลือเธอ? แต่ก็เป็นไปได้ยาก ระบบไม่สามารถปรากฏตัวออกมาได้หากเธอไม่ปลดปล่อย “ฟางโจวเหอผิดที่สุดค่ะ เพราะก่อนเจาเยว่หรงล้มป่วยเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยเหมินลี่แล้ว แต่เซี่ยเหมินลี่ก็มีความผิดร้ายแรงเพราะแบบนี้เป็นการฆ่าคนชัดๆ ควรถูกจับส่งทางการและประจานรอบหมู่บ้าน” เฉินเฟิ่นอี้เป็นคนตอบคำถามคนแรก หากเป็นสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเฉินเฟิ่นอี้ หมิงหลานฮุ่ยก็เป็นคนผิดที่สุด “เฉินเฟิ่นอี้เธอพูดเกินไปแล้ว ฟางโจวเหอกับเซี่ยเหมินลี่รักกันทำไมเป็นเรื่องที่ผิดได้?” อี้เหม่ยเฟิ่งถึงแม้ยังกังวลแต่หล่อนก็เอ่ยค้าน ฟางโจวเหอกับเซี่ยเหมินลี่แค่รักกัน การถอนหมั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ “แต่ฟางโจวเหอกับเซี่ยเหมินลี่ทำอะไรลับหลังเจาเยว่หรงก่อนหล่อนล้มป่วยอีก ภายหลังยังถูกเฉลยว่าเซี่ยเหมินลี่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง เธอยังคิดว่ามันไม่ผิดอีกเหรอ? แค่การนอกใจมันก็ผิดอยู่แล้วยังมีการวางยากันอีก” เจียวซีที่เขียนเรื่องราวไปด้วยเงยหน้าขึ้นตอบ มองยังไงคนที่น่าสงสารที่สุดไม่พ้นเจาเยว่หรง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจียวซีกล่าวอย่างจริงจังสร้างความแปลกใจให้กับสมาชิกห้องอันดับสาม แต่สำหรับเฉินเฟิ่นอี้คิดว่าหล่อนคงรู้อะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นจึงไม่ชอบอี้เหม่ยเฟิ่ง “ใช่ครับ มองยังไงฟางโจวเหอก็ผิดที่สุด ถ้าเขาไม่นอกใจตั้งแต่แรกเรื่องแบบนี้คงไม่เกิด หรือบางทีที่เซี่ยเหมินลี่ตัดสินใจวางยาเพื่อนสนิทฟางโจวเหออาจมีส่วนร่วม” เฉินไห่หลิวตอบบ้างพลางเหลือบมองพี่สาว เรื่องราวนี้คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก อี้เหม่ยเฟิ่งดูเหมือนจะตอบอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกหมิงหลานฮุ่ยห้ามเอาไว้ เขาก็ตงิดใจเรื่องโจทย์คำถามไม่น้อย เพราะบางเรื่องมันเคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน “ฉันคิดว่าเซี่ยเหมินลี่ผิดที่สุด ถ้าหล่อนไม่ไปยุ่งกับฟางโจวเหอเรื่องทุกอย่างมันก็ไม่มีทางเกิดขึ้น” หวังซ่งเยี่ยนตอบบ้าง ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่หล่อนมีส่วนร่วม “แต่ฟางโจวเหอก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นตั้งแต่แรกหรือเปล่า เซี่ยเหมินลี่ก็เป็นผู้หญิงขี้อิจฉากลัวคนอื่นได้ดีกว่าตน” เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ครูคุมการแข่งขันก็ไม่ยอมนับคะแนนสักทีทั้งๆ ที่ห้องอันดับสามชนะไปหลายครั้ง บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเมื่อยังไม่มีเสียงสรุปคะแนน ตัวแทนทั้งสองห้องเริ่มโต้แย้งความคิดต่างๆ โดยเฉพาะเฉินเฟิ่นอี้ที่ร่ายรายละเอียดให้อีกฝ่ายฟังว่าตรงไหนมันผิด แต่ก็ยังถูกแย้งอยู่ดีจนหยุดพูด “ห้องที่สามยี่สิบเก้าคะแนน! รวมกับคะแนนเดิมเป็นห้าสิบหกคะแนน ชนะการแข่งขันชิงทุนรอบคัดเลือก” สิ้นเสียงประกาศ ห้องอันดับสามต่างร้องเฮด้วยความดีใจ แตกต่างจากห้องอันดับต้นที่เริ่มมีปากเสียงกัน คะแนนที่ควรได้มากกว่าครึ่งกลับได้มาแค่คะแนนเดียว สร้างความอับอายให้กับห้องเป็นอย่างมากทั้งที่เป็นห้องอันดับต้น เฉินเฟิ่นอี้ยกมือขึ้นกอดอกมองทุกคนที่ทยอยเดินออกไป ดูเหมือนว่าหมิงหลานฮุ่ยต้องการจะพูดคุยกับเธอจึงยืนรอ กลุ่มของเธอที่ยังยืนอยู่มีพวกเว่ยฟ่ง จี้หลัน เจียวซีและน้องชายทั้งสอง เฉินเฟิ่นอี้หันไปเผชิญหน้ากับคนอีกกลุ่มอย่างไม่หลีกเลี่ยงทั้งยังเอ่ยถามอย่างสงสัย “ข้อสุดท้ายเรื่องราวคุ้นๆ นะ พวกคุณคิดเหมือนกันไหม” เฉินเฟิ่นอี้เหยียดยิ้ม ใบหน้าของเธอเชิดรั้นขึ้นสบตากับฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัว “คุ้นอย่างไรหรือเฟิ่นอี้” จี้หลันถามด้วยความสงสัย หล่อนไม่รู้เรื่องราวมาก่อนจึงอดที่จะถามไม่ได้  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม