กรงรักมธุรส EP.07 คนเอาแต่ใจ (1)

1721 คำ
มธุรสนั่งตัวลีบอยู่บนโซฟาหน้าห้องนั่งเล่น ขณะที่บุคคลอันตรายที่สุดในชีวิตของเธอกำลังเข้าห้องน้ำอยู่ เธอได้แต่ภาวนาว่าหลังจากที่เขาออกมาจากห้องน้ำ แล้วเขาจะกลับเลย ภควัตเดินออกมาจากห้องน้ำ ยืนมองเจ้าของห้องสาวซึ่งนั่งก้มหน้าก้มตามองมือของตัวเองอย่างหนักใจ เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นสนทนากับเธออย่างไรดี อีกทั้งความรู้สึกผิดที่เกาะกุมจิตใจมานับสิบปี ทำให้เขารู้สึกอึดอัดและกังวลที่จะเดินเข้าไปคุยและเอ่ยปากขอโทษกับสิ่งที่เขาเคยทำไป ชายหนุ่มถอนหายใจ เดินไปหยุดอยู่ด้านหลังบอบบาง พิจารณาคนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าเด็กผู้หญิงที่เขาทำร้ายเมื่อสิบปีก่อนจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ เธอสวยขึ้น น่ารัก และน่าทะนุถนอม ที่สำคัญดวงตาคู่หวานกับรอยยิ้มอบอุ่นของเธอก็ยังเหมือนเดิม คงมีเพียงสิ่งเดียวที่เธอไม่เปลี่ยนไปนั่นก็คือความเกลียดที่มีต่อเขา “ฉันรู้สึกคอแห้ง อยากได้น้ำสักแก้ว” มธุรสสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงที่ดังอยู่ข้างหู ใบหน้าสวยหวานหันมองเจ้าของเสียงแล้วก็ต้องผงะจนแทบตกโซฟา เพราะอีกนิดเดียวหน้าของเธอก็จะชนกับหน้าของเขา ภควัตมองสีหน้าตื่นตระหนกตกใจของมธุรส แล้วยกยิ้มขึ้น รู้สึกพอใจกับสีหน้าแดงระเรื่อกับดวงตาคู่งามที่สั่นระริก หลบตาเขาอย่างเอ็นดู จึงตัดสินใจโน้มหน้าลงมาเล็กน้อย จนหน้าของเขาเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยหวาน “น้ำหวาน” “ค่ะ” คนถูกเรียกตอบเสียงสั่น ขยับกายลุกออกมาจากโซฟาอย่างรวดเร็ว เพราะความทรงจำในอดีตมันผุดขึ้นทุกครั้งยามเขาเข้าใกล้ มันมักทำให้เธอเจ็บตัวเสมอ การอยู่ให้ห่างผู้ชายคนนี้ เธอถึงจะปลอดภัย “ฉันไม่ทำร้ายเธอหรอก ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นก็ได้” ภควัตอธิบายเสียงนุ่ม ขณะลอบถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางตื่นกลัวของอีกฝ่าย มธุรสเลิกคิ้วมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้นั่งบนโซฟาตัวที่เธอเพิ่งลุกออกมาอย่างไม่ไว้ใจ เขาเกือบฆ่าเธอถึงสามครั้ง ความทรงจำที่แสนเลวร้ายที่เขาทำกับเธอ ใช่ว่าจะลืมกันได้ง่ายๆ “เร็วสิน้ำหวาน ฉันอยากดื่มน้ำ” ชายหนุ่มพูดกระตุ้นให้อีกฝ่ายทำตาม เมื่อเห็นเธอยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม คนถูกสั่งเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเจ็บ มองคนออกคำสั่งอย่างเกลียดชัง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะรู้ฤทธิ์เดชและความร้ายกาจของเขาได้ดี ถ้าขัดใจเขาเมื่อไร อาจมีภัยมาเยือนเธออีกก็ได้ “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะไปเอามาให้” “รีบๆ หน่อยล่ะ ฉันคอแห้ง” มธุรสไม่ตอบ เพียงแต่หันหลังเดินไปยังห้องครัวเล็กของเธอ ขณะที่ความคิดมากมายผุดขึ้นในสมองเกี่ยวกับการมาของปิศาจร้ายที่คอยหลอกหลอนเธอมาตลอดสิบปี แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี ภควัตหันไปมองมธุรสแวบหนึ่งแล้วหันมาสนใจหนังสือที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นอย่างประหลาดใจ ตู้ใส่หนังสือทั้งใหญ่และกว้าง นับดูแล้วก็ห้าชั้น เขาคิดว่าแต่ละชั้นสามารถวางหนังสือได้หลายสิบเล่มทีเดียว ถัดไปนิดหน่อยก็เป็นตู้ใส่พวกซีดีเพลงกับแผ่นดีวีดี และยังมีทั้งซีรีส์ฝรั่งและซีรีส์เกาหลี ส่วนใหญ่จะเป็นแนวสืบสวนซะมากกว่า ดูยังไงสิ่งของเหล่านี้ก็ไม่เหมาะกับมธุรสเลย สายตาคู่คมกล้ายังคงมองสำรวจภายในห้องนั่งเล่น จนไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้เจ้าของห้องสาวเดินออกมาจากห้องครัวขนาดจิ๋วของเธอพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้ว “เอ่อ...คุณพายค่ะ” มธุรสเรียกพร้อมกับวางแก้วน้ำลงตรงหน้าเขา แล้วเดินไปนั่งตรงโซฟาตัวที่อยู่ถัดไปจากที่ภควัตนั่ง “มีอะไร” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม ขณะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “คุณพายมีธุระอะไรกับฉันหรือค่ะ” “ก็ไม่มีอะไรหรอก กลับมาบ้านแล้วไม่เจอเธอ คุณพ่อกับคุณธิดาก็ไม่ยอมบอกว่าเธออยู่ที่ไหน ฉันก็เลย...” จู่ๆ คำพูดก็ติดอยู่ที่ปาก ภควัตมองสีหน้ายุ่งเหยิงกับดวงตาสับสนของมธุรส เขาก็ยิ่งพูดไม่ออก ‘คนที่เกลียดกันมาสิบปี พอมาเจอกัน ความรู้สึกที่ต่างมีต่อกันก็คงเป็นแบบนี้สินะ กังวล เครียดและสับสน เธอคงเกลียดฉันมากสินะน้ำหวาน’ มธุรสอึ้งกับคำพูดของภควัต ที่จริงเขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำ ที่เธอออกมาจากบ้านหลังนั้น เธอไม่ได้สนใจสมบัติหรือความเป็นอยู่ที่สุขสบายอย่างที่เขาเคยตราหน้าไว้ ออกมาอยู่ข้างนอก สบายทั้งกายและใจ การที่เธอตัดสินใจออกมาอยู่คนเดียว นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงโผล่หน้ามาหาเธออีก “คุณพายออกมาตามหาฉันเพื่ออะไรล่ะคะ หรือเพราะเมื่อสิบปีก่อนยังฆ่าฉันไม่ได้ ก็เลยกลับมาวางแผนเพื่อที่จะฆ่าฉันอีกครั้ง” “เปล่า” ภควัตหยักไหล่ตอบ เพราะยังอึ้งกับคำถามที่เสียดแทงใจอย่างรุนแรง ไม่คิดว่ามธุรสกล้าพูดออกมาตรงๆ แบบนี้ “แล้วมาหาฉันทำไม” คนที่เคยถูกทำร้ายถามต่อ “ตอนแรกก็มี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว” อุตส่าห์เตรียมคำพูดมาอย่างดี มาเจอคำถามแบบนี้เข้า ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน เอาไว้ค่อยขอโทษก็แล้วกัน สิ่งที่ต้องทำ ณ เวลานี้ก็คือ หาวิธีพามธุรสกลับเข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์วรากรพร้อมกับเขาดีกว่า มธุรสหน้าเหวอเล็กน้อยกับคำพูดของภควัต ‘พูดมาได้อย่างไรว่าตอนแรกมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว’ ถ้าไม่มีอะไรที่จะบอก แล้วทำไมถึงไม่ยอมกลับไปเสียที มานั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ในห้องของเธอทำไมอีกล่ะ “นี่ก็ดึกแล้ว ฉันว่าคุณพายกลับไปก่อนดีไหมคะ” “ยังไม่ดึกเสียหน่อย” “ดึกแล้วค่ะ คุณไม่ทำงาน แต่ฉันต้องทำงานนะคะ อีกอย่างมันก็ไม่เหมาะเท่าไร หากคุณอยู่ที่นี่” ดึกดื่นขนาดนี้มีผู้ชายอยู่ในห้องมันคงไม่ดี ถึงเธอไม่ได้คิดอะไร แต่คนอื่นอาจคิดไปในทางไม่ดีก็ได้ “เธอจะไปสนใจทำไมน้ำหวาน ใครจะมองยังไงก็ช่างเขาสิ ถ้ามีใครถาม ฉันก็แค่บอกไปว่าฉันเป็นพี่ชายของเธอ” “แต่ฉันไม่ยินดีที่จะเป็นน้องสาวของคุณ เชิญกลับไปเถอะค่ะ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก เชิญค่ะ” มธุรสเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง เธอไม่อยากเจอหรือพูดคุยกับผู้ชายที่เคยคิดฆ่าเธออีกเป็นครั้งที่สอง ผ่านไปสิบปีก็โผล่หน้ามา แล้วทำตัวสนิทสนมจนเกินกว่าเหตุ มันไม่ใช่เรื่องปกติเลย “นี่เธอก็กล้าไล่เหรอ คิดจะแข็งข้อกับฉันหรือไงน้ำหวาน” ภควัตสบตาถามเสียงกร้าว วางแก้วน้ำในมืออย่างแรง ผ่านไปสิบปีผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปมากจริงๆ ทั้งที่เคยกลัวเขาตัวสั่น ร้องไห้จนตัวโยน เวลาถูกเขาแกล้ง แล้วดูตอนนี้สิ กลับมานั่งลอยหน้าลอยตาเถียงเขาฉอดๆ ถึงน้ำเสียงจะอ่อนหวานเหมือนเดิมก็เถอะ แต่สีหน้านิ่งจนเกือบเย็นชานี่แหละ ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ “ไม่ได้คิดแข็งข้อค่ะ แต่เพราะมันดึกแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานอีก อีกอย่างนี่ก็เลยเวลานอนของฉันมานานแล้ว” มธุรสอธิบายอย่างใจเย็น ลอบถอนหายใจเบาๆ กับนิสัยเอาแต่ใจของภควัต เธอไม่ได้คิดแข็งข้อสักนิด แค่ขอให้เขากลับไปก็เท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น ภควัตมองใบหน้าหวานที่แสนเย็นชาของมธุรสอย่างหัวเสีย แค่บอกให้เขากลับ ก็ทำให้เขาอารมณ์ขึ้นแล้ว กว่าจะทำใจเข้ามาพบก็แทบแย่ แล้วจะให้เขากลับออกไปเฉยๆ ได้อย่างไร ไม่มีทางเสียล่ะ “แต่คำพูดกับการกระทำของเธอมันสวนทางกันนะน้ำหวาน” มธุรสเม้มปากแน่นกับคำยอกย้อนนั้น ตกลงเขามาหาเธอด้วยเหตุผลอะไรกันแน่ ถ้าคิดว่าเธอจะยอมเหมือนในอดีต ผู้ชายคนนี้คิดผิดถนัดทีเดียว “กลับไปเถอะค่ะ คุณกับฉันไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันอีก ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว สัญญาที่คุณแม่ของฉันให้ไว้กับคุณพ่อของคุณก็ถือว่าจบ” ในที่สุดความฝันของเธอก็เป็นจริงเสียที มารดาเธอบอกว่าทันทีที่ลูกชายของคุณลุงเกริกกลับมาจากต่างประเทศ ท่านก็จะย้ายออกมาอยู่กับเธอ เรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอจะได้จบเสียที ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลวรากร ก็มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน และแน่นอนว่าสาเหตุก็มาจากผู้ชายคนนี้ล้วนๆ “สัญญาอะไรกัน ฉันไม่เห็นจะรู้เลย” “ที่คุณไม่รู้ ก็ไม่เห็นแปลกนิคะ ในเมื่อคุณไม่ใช่คนในครอบครัวของฉันกับคุณแม่” มธุรสบอกเสียงเรียบ มองภควัตด้วยสายตาว่างเปล่า ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน และไม่มีความสำคัญอะไรกับเธอและมารดา ภควัตนั่งนิ่ง เม้มปากแน่น รู้สึกโกรธกับคำพูดตัดรอนของมธุรส เขาเป็นคนนอกสำหรับเธอกับมารดาตั้งแต่เมื่อไร หรือสิ่งที่เขาทำเอาไว้ในอดีต สองแม่ลูกคู่นี้ถึงไม่ยอมรับเขา หึ! อย่าคิดว่าแค่นี้เขาจะยอม ในเมื่อเขากลับมาเพื่อแก้ไขอดีตที่เคยทำผิดพลาดไว้ในอดีต เขาตัดสินใจแล้วที่จะทำให้สองแม่ลูกคู่นี้ยอมรับในตัวเขา และเขาต้องทำให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตามที /////// ...โปรดติดตามตอนต่อไป...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม