ภควัตนั่งทำใจอยู่หน้าคอนโดมิเนียมของมธุรสเกือบสองชั่วโมง เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขึ้นไปพบหญิงสาวตอนนี้หรือรอเจอตอนที่เธอไปเยี่ยมมารดาที่คฤหาสน์วรากร แต่ก็ตัดสินใจลงมาจากรถ แหงนหน้าขึ้นมองตึกสูงตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจล๊อคประตูรถแล้วเดินเข้าไปในคอนโด ดวงตาคู่คมกล้ามองประชาสัมพันธ์สาวซึ่งนั่งก้มหน้าทำอะไรสักอย่าง ร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แล้วแจ้งความประสงค์ที่จะขอพบมธุรส
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรให้ดิฉันรับใช้หรือคะ” ประชาสัมพันธ์สาวเงยหน้าถามเสียงหวาน เมื่อเห็นหนุ่มหล่อท่าทางภูมิฐานตรงหน้า
“ผมมาพบคุณมธุรสน่ะครับ”
“ที่นี่มีคนชื่อมธุรสหลายคนค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมธุรสที่คุณต้องการพบ เธอนามสกุลอะไรหรือคะ”
“เธอชื่อ มธุรส วรากร ครับ” ประชาสัมพันธ์สาวเลิกคิ้วมุ่น ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ ยังไม่มีลูกค้าคนไหนนามสกุลนี้เลย
“ที่นี่ไม่มีคนนามสกุลนี้หรอกค่ะ”
“แล้วนามสกุล ชุติวัต ล่ะครับ มีหรือเปล่า” ภควัตถาม มองประชาสัมพันธ์สาวอย่างสงสัย เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่รู้จักมธุรส เขาเห็นเต็มสองตาว่ามธุรสเดินเข้าไปในคอนโดแห่งนี้
“ถ้านามสกุล ชุติวัต มีค่ะ”
“นั่นแหละครับคุณมธุรส วรากร” ภควัตบอกประชาสัมพันธ์สาว แล้วหันไปยิ้มให้อีกหนึ่งสาวที่เดินออกมาหลังบานประตูด้านหลังเคาน์เตอร์
“คุณเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับคุณหนูน้ำหวานหรือคะ”ประชาสัมพันธ์สาวใหญ่ถามอย่างประหลาดใจ คนที่รู้นามสกุลเดิมของลูกค้าสาวรายนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“คุณรู้จักน้ำหวานด้วยหรือครับ” ภควัตถามอย่างแปลกใจ
“แล้วคุณเป็นใครคะ ทำไมถึงรู้นามสกุลเดิมของคุณน้ำหวาน” สาวใหญ่ถามขึ้น สบตามองหนุ่มหล่อตรงหน้า ความสงสัยมีมากยิ่งขึ้น เธอทำงานที่นี่มาเกือบสิบปี ยังไม่เคยมีใครมาหาลูกค้าสาวรายนี้ด้วยวิธีนี้เลย แถมยังรู้นามสกุลเดิมอีก หรือว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกัน
“ผมต้องรู้สิครับ เพราะผมกับน้ำหวานนามสกุลเดียวกัน”
“นามสกุลเดียวกัน” ประชาสัมพันธ์ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน
“ครับ ผมภควัต วรากร” ชายหนุ่มอธิบายแล้วหยิบบัตรประชาชนยื่นให้สองสาวต่างวัยดู
‘ทำไมผู้ชายคนนี้นามสกุลเดียวกับคุณน้ำหวานล่ะ’ ประชาสัมพันธ์สาวใหญ่คิด ขณะพิจารณาชายหนุ่มแปลกหน้าที่มาขอพบคุณมธุรส เห็นทีเธอต้องรีบโทรศัพท์ไปแจ้งให้คุณกุลธิดาทราบโดนด่วน
“ผมต้องการพบน้ำหวาน คุณช่วยติดต่อน้ำหวานให้ผมหน่อยได้ไหม ผมมีธุระที่ต้องคุยกับเธอนะครับ”
“แต่นี่มันดึกแล้วนะคะ คุณมาพบเธอพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าหรือคะ”
“ผมต้องการพบเธอเดี๋ยวนี้ คุณแค่โทรศัพท์ขึ้นไปบอกเธอเท่านั้น” น้ำเสียงที่เคยสุภาพเริ่มแข็งขึ้นเล็กน้อย เมื่อสองประชาสัมพันธ์สาวไม่ยอมให้เขาเจอมธุรส
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์ขึ้นไปบอกคุณมธุรสให้”
“รีบๆ นะครับ ผมมีธุระด่วนที่ต้องคุยกับเธอ ผมไม่ทำร้ายหรือล่อลวงน้ำหวานแน่ เพราะผมกับเธออยู่บ้านเดียวกันมาก่อน” ภควัตพูดย้ำเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับมธุรสให้ทั้งสองสาวฟังอีกครั้ง จะกลัวอะไรนักหนา เขาไม่ได้มาร้ายเสียหน่อย แค่อยากเจอแล้วขอโทษเรื่องที่เขาเคยทำไม่ดีกับเธอก็แค่นั้น
“ผมขอบัตรประชาชนคืนด้วยครับ”
“อ้อ ค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวรับคำเสียงสั่น ยื่นบัตรประชาชนคืนชายหนุ่มตรงหน้าทันที แล้วรีบหันไปยกหูโทรศัพท์กดหมายเลขห้องของคุณมธุรสอย่างเร่งด่วน ทั้งที่ในใจรู้สึกสงสัยความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ได้
ชายหนุ่มรับบัตรประชาชนมาเก็บแล้วหันไปมองสาวใหญ่ที่หันหลังให้เขาแล้วก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่าง เสียงกดปุ่มโทรศัพท์ก็ดังแว่วขึ้นมา “จะโทรศัพท์ไปไหนหรือครับ ถ้าจะโทรไปรายงานคุณธิดา ผมว่าไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะคุณธิดากับผมอยู่บ้านเดียวกัน”
“เอ่อ...เข้าใจแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ภควัตเอ่ยขอบคุณแล้วเดินออกมาจากหน้าเคาน์เตอร์ไปนั่งที่โซฟา หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดอ่าน จึงไม่ได้เห็นสีหน้าของประชาสัมพันธ์สาวใหญ่ที่หันมามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
หลังจากรับสายจากประชาสัมพันธ์ มธุรสก็ลงมาดูว่าแขกไม่ได้รับเชิญที่มาหาเธอเป็นใคร แต่เมื่อเห็นหน้า คิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่น เพราะเธอจำได้ดีว่าเขาเป็นคนที่เธอเดินชนที่ร้านอาหารเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
ภควัตพับหนังสือพิมพ์เก็บเข้าที่ เมื่อบุคคลที่เขาต้องการพบยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่คมกล้าเงยขึ้นมองใบหน้าสวยหวานนิ่ง ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงที่เขาเคยทำร้ายในอดีต โตขึ้นจะสวยและน่ารักขนาดนี้
“จะไม่ทักทายฉันหน่อยหรือน้ำหวาน”
“เอ่อ...แล้วคุณเป็นใครคะ ทำไมฉันต้องทักทาย ทำความรู้จักกับคุณด้วย อีกอย่างพวกเราไม่ได้รู้จักกัน” เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยไปรู้จักเขาตอนไหน เมื่อกี้ประชาสัมพันธ์ก็ไม่ได้บอกเธอด้วยว่าเขาชื่ออะไร บอกเพียงแต่ว่ามีคนมาขอพบ เธอนึกว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอเสียอีก
“ผ่านไปสิบปี เธอเปลี่ยนไปเยอะนะน้ำหวาน” ภควัตถาม มองสีหน้ายุ่งเหยิงของมธุรสอย่างแปลกใจ อย่าบอกนะว่าเธอลืมเขาไปแล้ว
หญิงสาวยืนงง ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด สบตามองชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างงุนงง เธอไปรู้จักผู้ชายคนนี้เมื่อไร ก่อนจะฉุกคิดถึงใครบางคนที่เธออยากลืมผุดขึ้นมาในสมอง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“คะ...คุณพาย”
“นึกว่าเธอจำฉันไม่ได้แล้วเสียอีก”
“คะ...คุณพายกลับมาจากเมืองนอกเมื่อไรค่ะ” มธุรสถามออกไปเสียงสั่น มือทั้งสองข้างกำแน่น เหงื่อผุดขึ้นตามไรผม ริมฝีปากอิ่มสั่นระริก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ความกลัวแล่นพล่านอยู่ทั่วกาย
ภควัตมองท่าทางตื่นกลัวของมธุรสแล้วรู้สึกใจหายไม่น้อย คิดดูแล้วการที่หญิงสาวกลัวเขาก็ไม่แปลก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต เขาก็ทำร้ายเธอเอาไว้เยอะทีเดียว
“หลายวันแล้ว นั่งก่อนสิน้ำหวาน”
“เอ่อ...ค่ะ” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยเสียงสั่น ขณะนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามชายหนุ่มที่เธอกลัวมากที่สุดในชีวิต
“ทำไมถึงออกมาอยู่ข้างนอก” ชายหนุ่มเสียงเข้ม สังเกตใบหน้าสวยหวานไม่กะพริบตา เขาพบแต่ความหวาดกลัวในดวงตาคู่งาม หรือสาเหตุที่หญิงสาวย้ายออกมาจากคฤหาสน์วรากรเป็นเพราะเขาอีกแล้ว
“เอ่อ...คือ” มธุรสกลัวภควัตจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ยังกำแน่นจนรู้สึกว่าเหงื่อเริ่มซึมออกมาตามง่ามนิ้ว
“เป็นเพราะฉันใช่ไหม เธอถึงออกมาจากบ้าน”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“โกหก” ภควัตต่อว่าเสียงเข้ม ก็เห็นๆ อยู่ว่ากลัวเขา ทุกครั้งที่มธุรสโกหก เธอจะหลบหน้าหลบตาเสมอ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน
“น้ำ...ฉันไม่ได้โกหก ตกลงคุณพายมาหาฉัน มีธุระอะไรหรือคะ” มธุรสพยายามรวบรวมสติแล้วถามถึงสาเหตุที่ชายหนุ่มมาหา ผ่านไปสิบปีแต่นิสัยเสียๆ และท่าทางคุกคามของเขาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเยอะเลย แต่ตอนนี้ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”
“ห้องน้ำอยู่ทางด้านโน้นค่ะ” บอกพร้อมกับชี้ไปยังห้องน้ำที่ไว้ให้บริการแก่แขกหรือญาติของลูกค้าที่เข้ามาพักหรือซื้อคอนโดมิเนียมแห่งนี้
“มันไม่สะอาด เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเข้าห้องน้ำสาธารณะ” ภควัตบอก สบตามองใบหน้าสวยหวานอย่างไม่ชอบใจนัก เขาไม่มีทางเข้าห้องน้ำนั้นเด็ดขาด ไม่ใช่ว่ามันไม่สะอาด แต่เขาอยากไปเข้าห้องน้ำบนห้องของมธุรสมากกว่า
“แต่ห้องน้ำที่นี่ก็สะอาดนะคะคุณพาย ไม่ได้สกปรกอย่างที่คุณคิด”
“ขอกุญแจห้อง”
“เอ๊” มธุรสทำหน้ายุ่ง ไม่เข้าใจคำพูดของภควัต ทำไมเขาต้องขอกุญแจห้องของเธอด้วย
“กุญแจห้องของเธอไงน้ำหวาน ฉันจะเข้าห้องน้ำในห้องของเธอ เพราะมันสะอาดกว่าห้องน้ำด้านล่าง”สิ้นคำพูดของภควัต มธุรสถึงกับอ้าปากค้าง เบิกตากว้างอย่างตะลึง เพราะนึกไม่ถึงว่าเขาจะขอขึ้นห้องพักของเธอ คนที่เกลียดกันมาเป็นสิบปี จู่ๆ ก็โผล่หน้ามาให้เห็น แถมยังทำตัวสนิทสนมกันอีก ผู้ชายคนนี้มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ที่บุกมาหาเธอถึงที่นี่
“ไม่ต้องมาทำหน้าเหวอเลย เอากุญแจห้องมาซะ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ ฉันอยากเข้าห้องน้ำเต็มแก่แล้ว” ภควัตบอกแกมสั่ง ยื่นมือไปดึงกุญแจพร้อมคีย์การ์ดจากมือของมธุรส ก่อนลุกเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูกระจก แล้วหันมามองเจ้าของห้องพักด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นักที่ยังเห็นหญิงสาวนั่งอยู่
“เร็วๆ สิน้ำหวาน เธอจะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม”
“เอ่อ...ค่ะ” มธุรสตอบไม่เต็มเสียงนัก แล้วรีบลุกเดินไปหยุดอยู่ข้างกายภควัตอย่างหวาดระแวง
“ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ ขณะยื่นคีย์การ์ดไปบนเครื่องสแกน พอประตูกระจกเปิด ก็ยื่นมือข้างที่ว่างมาจับข้อมือเล็กรั้งร่างระหงให้เดินตามเขาเข้าลิฟต์
///////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...