"พ่อเป็นอะไรจ๊ะ" ตังเมทิ้งสายยางที่ใช้รดน้ำต้นไม้วิ่งไปดูคนเป็นพ่อที่จู่ๆ ก็ทรุดตัวลงไป โดยใช้ด้ามเสียมช่วยพยุงตัว
"จู่ๆ ก็หน้ามืด สงสัยจะเมาแดด วันนี้อากาศร้อนกว่าทุกวัน" ประกอบเร่งขุดดินเตรียมปลูกต้นไม้ตั้งแต่เช้า ตั้งใจว่าจะขุดหลุมให้เสร็จและลงต้นไม้ในตอนเย็น
"พ่อนั่งพักก่อนนะจ๊ะ หนูไปเอาน้ำมาให้" ตังเมพยุงพ่อให้ไปนั่งบนม้านั่งสนามใกล้ๆ รีบวิ่งไปหาน้ำมาให้คนเป็นพ่อดื่ม
ประกอบยกมือทาบอกตนเองด้วยรู้สึกแน่นบริเวณกลางอก หายใจเข้าได้ลำบาก เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าไหลหยดหยาดเป็นทาง ไหลเข้าไปในดวงตา รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ คงเป็นเพราะโหมงานหนักเกินไปในวันที่มีแสงแดดจ้า ใช้มืออีกข้างยกขึ้นเช็ดดวงตา
"น้ำมาแล้วจ้ะพ่อ" ตังเมรินน้ำจากขวดใส่แก้วให้ผู้เป็นพ่อ ประกอบรับมาดื่มแก้กระหาย ผู้เป็นลูกสาวกวาดสายตาหาของที่จะมาพัดวี ได้กระดาษลังมาพัดคลายร้อน
"ดีขึ้นไหมจ๊ะ"
"ค่อยยังชั่วแล้ว นั่งพักอีกสักเดี๋ยวก็คงดีขึ้น"
"ลงต้นไม้ใหม่ทีไรพ่อชอบหักโหมจะให้เสร็จในวัน หนูได้ยินคุณภูบอกพ่อเรื่อยว่าค่อยๆ ทำก็ได้ แต่พ่อก็เร่งให้เสร็จในวันทุกที จนเป็นลมแดดเลยเห็นไหม"
"บ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย พ่อพักแป๊บเดียวก็หาย"
"ก็หนูเป็นห่วง หนูมีพ่ออยู่แค่คนเดียว ไม่ให้หนูห่วงพ่อจะให้หนูไปห่วงใคร"
"ถ้าวันหนึ่งแม่มาหา ตังเมจะว่ายังไง"
"เขาจะมาหาหนูทำไม เขาคงมีความสุขกับครอบครัวใหม่ ลูกใหม่เขาแล้ว เรามีกันแค่สองคนก็พอแล้ว หนูรักพ่อนะ หนูจะตั้งใจเรียน หนูจะเป็นหมอให้พ่อภูมิใจ" สิบกว่าปีที่แม่ของตังเมไม่เคยสนใจไยดีลูกคนนี้ แทบจะทั้งชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ หากพ่อไม่พูดถึง เธอคงลืมไปแล้วว่าเคยมีแม่ แม้แต่หน้าเธอยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
"ไม่ว่าตังเมจะเป็นอะไร พ่อก็ภูมิใจในตัวลูกสาวของพ่อ ตังเมไม่เคยทำให้พ่อหนักใจ เป็นเด็กดีมาตลอด พ่อภูมิใจที่มีตังเมเป็นลูก"
"หนูก็ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ" ตังเมกอดและอิงซบแขนผู้เป็นพ่อ เธอไม่เคยรู้สึกน้อยใจในโชคชะตา เธอภูมิใจในสิ่งที่พ่อเป็น พ่อของเธอเป็นคนสวนที่เก่งที่สุด ครั้งหนึ่งภูเคยเสนอจะลงทุนเปิดร้านต้นไม้ และรับจัดสวนให้พ่อของเธอ แต่พ่อก็ยืนกรานจะดูแลสวนให้บ้านหลังนี้จนกว่าจะสิ้นเรี่ยวแรง
"จะว่าไปพอพวกคุณๆ ทั้งสี่ไม่อยู่ บ้านดูเงียบเหงาไปเยอะเลยนะ" ประกอบทอดสายตาไปยังคฤหาสน์หลังงามที่ดูไร้ชีวิตชีวายามไม่มีแฝดสี่อยู่
"ไม่มีคนป่วนแล้วใช่ไหม"
"ก็จริง ถ้าคุณไฟอยู่ป่านนี้มาช่วยพ่อลงต้นไม้แล้ว ผู้ช่วยมือฉมังไปเป็นนักเรียนนอกซะแล้ว ไม่แคล้วจะหาแหม่มผมทองมาเป็นสะใภ้บ้านหลังนี้ พ่อไปทำงานต่อดีกว่า เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน ตังเมก็เข้าบ้านไปช่วยป้าแวว ป้านวล กับพี่อุ๊ทำอาหารเย็นให้คุณๆ เถอะ ทางนี้พ่อจัดการเอง" เมื่อความเหนื่อยล้าคลายลง ประกอบก็ลุกไปจัดการงานที่คั่งค้างต่อ โดยไม่ทันสังเกตเห็นสายตาวูบไหวของลูกสาว หกเดือนแล้วที่เด็กชายเพลิงกัลป์เงียบหาย ไม่ติดต่อ ไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้ มีแต่พวกคุณๆ ที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเยี่ยมเยียนลูกหลานที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา แม้แต่เพลงก็ได้ไปหาน้องชายกับคนที่รักในช่วงปิดเทอม ในเวลานั้นพ่อของเธอป่วยด้วยทำงานกลางแดด ในสภาวะที่ร้อนจัดอย่างวันนี้ ร่างกายเหนื่อยล้าและเป็นไข้ เธอจึงไม่ได้เดินทางไปด้วย ช่วงหลังมานี้ดูพ่อของเธอจะเจ็บออดแอดอยู่บ่อยๆ แต่ก็ดื้อดึงไม่ยอมไปหาหมอ กินเพียงยาตามอาการ และพักผ่อนเท่านั้น
"ยินดีด้วยนะตังเม ยินดีด้วยนะไทเกอร์" เพลง เฟรย่า เจได กังฟู นะโม และพู่กัน ต่างเอ่ยแสดงความยินดีกับเพื่อนทั้งสองที่สอบผ่านคัดเลือกเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ประเภทโควต้า มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศได้
"ขอบใจนะ" ตังเม ไทเกอร์ เอ่ยขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มของความดีใจ ปลื้มปริ่มที่ผลของความพยายามประสบความสำเร็จ ก้าวแรกของการเป็นศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
"แบบนี้ต้องฉลอง ไปไหนกันดี" เพลงเอ่ยขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆ
"ชาบูหน้าโรงเรียนคือที่สุด ฉลองให้ตังเมกับไทเกอร์ ที่ได้เป็นว่าที่คุณหมอ แล้วก็ถือโอกาสเลี้ยงส่งเฟรย่าไปอเมริกา เพลงกับเจไดไปแคนาดาด้วยเลย" กังฟูเสนอความคิดเห็นเป็นคนแรก และมั่นใจว่าเพื่อนทุกคนต้องเห็นด้วย
"แล้วเมื่อไรกังฟู นะโม พู่กัน จะตัดสินใจได้ว่าจะเรียนต่อที่ไหน" เฟรย่าถามเพื่อนทั้งสามที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกที่เรียนสักที
"คงเป็นม.เอกชนแหละ" นะโมว่า อีกสองคนก็พยักพเยิดด้วยเห็นพ้องต้องกัน ก่อนจะพากันออกไปเลี้ยงฉลอง และเลี้ยงส่งในคราวเดียวกันที่ร้านชาบูหน้าโรงเรียน ร้านประจำหลังเลิกเรียนของทุกคน