"ไฟเป็นอะไร" ดินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากบ้านเกิดเมืองนอนเหินฟ้าสู่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ไฟก็เอาแต่นั่งนิ่งเงียบ แววตาเหม่อลอยมองไปทางหน้าต่างของเครื่องบินในชั้น Business Class
"คิดถึงคุณแม่ คิดถึงคุณพ่อ คิดถึงพี่เพลง คิดถึงคุณทวด คิดถึงยายนง คิดถึงเมจังงงงงงง" ไฟพูดด้วยน้ำเสียงเบาแผ่วอย่างรู้สึกใจหายที่ต้องห่างไกลจากคนที่รัก พานให้ดินรู้สึกโหวงเหวงใจขึ้นมาด้วย ก่อนจะต้องตกใจเสียงแหกปากร้องลั่นเครื่องบินของไฟเมื่อเอ่ยถึงคนสุดท้ายที่คิดถึง ไฟกลืนก่อนสะอึกลงคอเมื่อเจอฝ่ามือของดินฟาดลงไปที่ศีรษะจนหน้าคะมำ ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะตนเองป่อยๆ
"ไอ้ไฟ ร้องเป็นเด็กสามขวบเลย" ด้วยความตกใจที่ถูกกระชากอารมณ์จากดิ่งสุด แล้วจู่ๆ ก็ทะยานขึ้นสูงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จึงไม่ได้ยั้งมือ ฟาดลงไปเต็มแรง คงสร้างความมึนตื้อให้น้องชายฝาแฝดไม่น้อย
"ไฟเป็นอะไรลูก" ภิณถามหลานชายด้วยน้ำเสียงห่วงใย รัณย์ ภู เอริน และพวกพี่ๆ ก็ต่างเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง ไฟเบะปากคว่ำราวกับจะร้องไห้ออกมา
"เกิดอยากเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วน่ะสิครับอาภิณ" ดินว่า ทำหน้าเหนื่อยหน่าย
"ไฟเอ้ย" เอรินส่ายหน้าเบาๆ
"ยังไงก็ต้องให้ถึงก่อน ค่อยซื้อตั๋วกลับ" ภูไม่ว่าหากหลานชายจะเปลี่ยนใจกลางคัน
"ไฟไม่ได้เปลี่ยนใจซะหน่อย แค่บอกว่าคิดถึง ไฟไม่เปลี่ยนใจครับคุณปู่ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำกันหรอก" น้ำเสียงเจือสะอื้น แต่ไฟก็ยังคงยืนกรานที่จะไปเรียนต่อแคนาดา พูดจบเสียงสูดน้ำมูกก็ดังขึ้น ก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้หยิบกล่องไม้ที่มีจดหมายปึกใหญ่ของตังเมขึ้นมา เลือกซองจดหมายสีชมพูเปิดอ่าน ทุกคนพากันส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
I may not be with you at all times, but I want you to know that you are never out of my heart.
(ฉันอาจจะไม่ได้อยู่กับคุณตลอดเวลา แต่อยากให้คุณรู้ไว้ว่า คุณไม่เคยไม่อยู่ในใจฉันเลย)
"พี่เมจัง" เสียงใสของเด็กชายตัวน้อยดังมาแต่ไกล ตังเมยังคงอยู่ในชุดนักเรียน พับแขนเสื้อสีขาวที่ยาวขึ้นไปจนถึงข้อศอก เนคไทคลายหลวม ชายเสื้อเอาออกมานอกกระโปรง กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านหน้าสตูดิโอของตนเอง สตูดิโอศิลปะที่ไฟสร้างให้ก่อนไปเรียนยังอีกซีกโลกหนึ่ง หันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคยนั้น
"คุณเรียว" เสียงหวานเอ่ยเรียกเด็กน้อยที่เป็นแขกประจำของเธอ มาหาเธอที่นี่แทบทุกวัน นับตั้งแต่แฝดสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศแคนาดา
"เยียวหย่อไหมฮับ เยียวไปโยงเยียงมา" เด็กน้อยหมุนตัวให้ตังเมได้เห็นตนเองในชุดนักเรียนได้แบบทุกส่วน
"หล่อมากเลยค่ะ คนเก่งยอมไปโรงเรียนแล้ว" ในช่วงแรกเรียวไม่ยอมไปโรงเรียนท่าเดียว ช้างกับมิกิ ผู้เป็นพ่อแม่ก็ไม่อยากบังคับ แต่เมื่อในช่วงเวลากลางวันมาหาตังเมที่บ้านแล้วไม่เจอ เพราะเธอก็ต้องไปโรงเรียน และเธอก็อธิบายเหตุผลต่างๆ นานาให้เด็กน้อยไปโรงเรียน จนในที่สุดก็ยอมไปโรงเรียน วันนี้เป็นวันแรก
"แฟงพี่เมจังหย่อเนอะ พี่เมจังกิงติมกัง" เด็กน้อยชมตนเองในฐานะแฟนของตังเม ก่อนจะชวนกินไอศกรีมอย่างเช่นทุกวัน
"เมื่อวานคุณเรียวกินไอติมอันสุดท้ายไปแล้วไงคะ"
"อดกิงเยย"
"งั้นคุณเรียวรอพี่แป๊บหนึ่ง พี่ปั่นจักรยานไปซื้อให้แป๊บเดียว"
"เยียวไปด้วย"
"ถ้าคุณเรียวจะไปต้องขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ก่อนค่ะ"
"ขอป้ายี่หวาได้ไหมฮับ คุงพ่อทำงางกับยุงภีม คุงแม่ไปฉ่งพี่ยิวเยียงพิเฉด ไกล วิ่งไปไม่ได้" มิกิมาส่งเรียวที่นี่ก่อนจะพาลูกชายคนโตไปเรียนพิเศษ
"ได้ค่ะ" ได้ยินดังนั้นเรียวก็วิ่งไปหายี่หวาทันที
ตังเมปั่นจักรยานพาเรียวไปซื้อไอศกรีมที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ได้ไอศกรีมกลับมาหลายสิบแท่ง เด็กน้อยหยิบไอศกรีมอันที่ตนจะกินมาถือไว้ ส่วนที่เหลือก็แช่ตู้เย็นไว้กินวันอื่น ก่อนจะพากันไปนั่งกินไอศกรีมที่ดาดฟ้าของสตูดิโอเมจัง ชื่อสตูดิโอที่ไฟเป็นคนตั้ง ตามชื่อที่ไฟชอบเรียกขาน เช่นเดียวกับเด็กชายตัวน้อยที่นั่งกินไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างๆ
"คิดถึงพี่ไฟเนอะพี่เมจัง" เรียวใช้สองมือเล็กเท้าคาง นั่งมองตังเมต่อจิ๊กซอว์ สายตาของเด็กน้อยมองไปยังรูปต้นแบบของภาพจิ๊กซอว์ที่เธอกำลังต่ออยู่นี้ รูปของเธอกับไฟ
"ค่ะ คิดถึง" เสียงหวานเบาแผ่ว คิดถึงเด็กชายจอมป่วนจอมแสบของเธอเป็นที่สุด ไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปสร้างความปั่นป่วนที่แวนคูเวอร์ขนาดไหน