หิรัญกำลังทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว เมื่อเขาใช้อุ้งมือใหญ่ทาบไปกับเนินอวบอิ่ม ดึงให้เธอห่างออกมาจากกระจกเงาบานใหญ่ในห้องน้ำ เพื่อให้เธอได้มองเห็นว่าตอนนี้กลางร่างกายของเธอกำลังโดนเขาทุ่มแทรกเข้ามาอย่างเร่าร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า
จันทร์เจ้าอ้าปากหอบสะท้านยามเห็นว่าเนื้อกายสาวของเธอกำลังถูกความเป็นชายบุกรุกเข้ามาอย่างรุนแรงแทบไม่ให้เธอได้หนีหายไปไหนได้ แถมยังกดให้ร่องสาวของเธอรับการกระแทกกระทั้นที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
จันทร์เจ้าเผยอริมฝีปากร้องครางเสียงสั่นระริก เธออ้าปากค้างยามที่ร่างกายสะท้านใกล้ถึงจุดสุดยอดเป็นครั้งแรก
เมื่อคืนอาจจะมีสัมพันธ์สวาทต่อกันแต่เธอไม่รู้สึกตัว เช้านี้เธอรับรู้ทุกอย่างว่าร่างกายแข็งแกร่งของเขากำลังขยับขับเคลื่อนเข้มมาจนท่อนกายชายฝากฝังมิดเม้น
“อาหิน ไม่นะคะ” เธอจิกมือไปกับขอบอ่างล้างหน้า ยามที่สะโพกโก่งไปทางด้านหลัง เขย่งปลายเท้าและงอเข่าไปด้านหน้าด้วยความเสียวซ่านสุดใจ หิรัญโหมสะโพกเข้ามาแรงขึ้นจนเธอเกร็งกระตุกรับความเสียวซ่านสุขสมอย่างรุนแรง
จันทร์เจ้าเพิ่งเคยรู้สึกถึงความเสียวซ่านของการถึงจุดหมายปลายทางเป็นครั้งแรกก็ตอนที่หยาดน้ำรักอุ่นๆ ไหลชโลมไปทั่วความเป็นชายจนและไปตามเรียวขาเนียนละเอียดของเธอ
เธอหอบหายใจสะท้านตัวสั่นระริก แล้วร่างน้อยก็สั่นคลอนอีกครั้งยามที่เขาเริ่มขยับซอยสะโพกสอบเข้ามาอย่างดุดัน เธอส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่านก่อนจะหวีดร้องสุดเสียงยามที่ร่างกายของเธอถูกฝากฝังด้วยความร้อนผ่าวที่ฉีดพร่าเข้ามาในร่องสวาทจนหมดสิ้น
“แบบนี้จันทร์เจ้ายิ่งต้องรับผิดชอบอามากๆ เลยนะ” เขากระซิบที่ริมหูของเธอ ในขณะที่จันทร์เจ้าไม่มีแรงแม้แต่จะโต้เถียงคนที่สูงวัยกว่าแถมยังเป็นชายฉกรรจ์ที่เรียกร้องแต่จะให้เธอรับผิดชอบเขาท่าเดียว
ไม่สิ! หลายท่าเชียวละ
หิรัญเพิ่งได้เห็นหน้าเจ้าหลานชายตัวแสบวัยยี่สิบเจ็ดเมื่ออีกฝ่ายโผล่หน้ามาเหมือนกับว่าไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด
“โผล่หน้ามาแล้วเหรอ”
“ผมมานานแล้ว” หัสดินยิ้มเจ้าเล่ห์ หิรัญขยับตัวไปมาด้วยความอึดอัดเล็กน้อย เขาไม่ควรหลุดมาดต่อหน้าหลานชายตัวแสบ ให้ตายดิ้นสิวะ! พับผ่าสิ! หิรัญสบถในใจยาวเหยียดเป็นหางว่าว
“อาหินนั่นแหละมัวแต่ทำอะไรอยู่บนห้อง”
“อย่ามากวนบาทา”
“ผมกวนตรงไหนกันครับ”
“เอากันตรงๆ”
“เอากันท่ายืนเหรออา หรือนอน”
“อะไรของแก” หิรัญหน้าแดงก่ำ
“ก็เอากันท่ายืนกับนอนตะแคงเข้าหากัน มันเอากันตรงๆ ได้”
“ไอ้นี่!” หิรัญทำท่าจะฟาดปากหลานชายแต่เจ้าตัวดีหนีเก่งยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวล
“อะไรของอา โมโหอะไร ผมหาเมียให้แล้วนะ”
“นั่นมันคู่หมั้นแก”
“คู่หมั้นผมงั้นผมขอคืน”
“อยากตายหรือไง” ประโยคของหิรัญทำให้หัสดินหัวเราะร่วน
“ผมนึกว่าอาจะยกเมียให้ผมเสียอีก” หัสดินยังเล่นไม่เลิกแต่เพราะได้รับสายตาดุๆ ของผู้เป็นอาส่งกลับมาเขาเลยเลิกเล่น คิดว่าหยอกล้อพอหอมปากหอมคอเป็นพอ
“เอาสาระบ้างเถอะ คุยกับแกนี่ปวดกบาลจริงๆ”
“ก็อาแอบชอบจันทร์เจ้าไม่ใช่เหรอ”
“แค่กๆๆ” หิรัญพ่นกาแฟออกจากปาก เขาสำลักจนหูตาแดงไปหมด ก่อนใช้กำปั้นหนักๆ ทุบอกไปมาแรงๆ ให้หายสำลัก
หัสดินหัวเราะลงลูกคอ แต่อยู่ให้ห่างจากรัศมีเท้าของผู้เป็นอาที่รักเขาเหมือนลูก เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก แม้อายุจะห่างกันแค่สิบปีก็ตามที ตอนนั้นเขาโตเป็นหนุ่มพอดิบพอดี บิดามารดาก็เสียชีวิตกะทันหันทำให้ต้องอยู่ในความดูแลของผู้เป็นอาแล้วหิรัญก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี เขาจึงรักหิรัญเหมือนบิดามารดาก็ไม่ปาน
หัสดินเห็นว่าผู้เป็นอารักจันทร์เจ้าคู่หมั้นของเขา เขาก็เลยทำตัวเป็นกามเทพอุ้มสมเนื่องด้วยว่าเขานั้นรักและเอ็นดูจันทร์เจ้าเหมือนน้องสาวมากกว่าคนรัก และยิ่งให้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันก็ยิ่งทำให้เขาอึดอัดกับสัญญาของผู้ใหญ่ที่ผู้เป็นอาก็ช่างรักษาสัญญาอย่างมั่นคงเสียเหลือเกิน แม้ตัวเองจะแอบรักคู่หมั้นของตนแต่ก็พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ภายในใจ แต่เขานี่สิดันไปรู้ไปเห็นเข้า เลยช่วยทำให้ผู้เป็นอาที่ครองตัวเป็นโสดมานานถึงสามสิบเจ็ดปีมีเมียกับเขาเสียที
และที่ครองตัวเป็นโสดก็ไม่ใช่อะไรหรอก แอบรักเด็กมานานแต่ดันเป็นคู่หมั้นของหลานชาย เลยไม่มีเมียเสียที แถมเขายังรู้ด้วยว่าอาของเขาให้การช่วยเหลือด้านทุนการศึกษาแก่จันทร์เจ้ามาตลอดตั้งแต่เธอยังเด็กๆ แต่ไม่เคยปริปากพูดมันออกมา
หัสดินยกยิ้มมุมปาก อาของเขาเป็นพวกปิดทองหลังพระ เขาเองก็เป็นพวกไม่อยากปิดทองหน้าพระเลยไปชะเง้อคอมองด้านหลังก็เห็นว่าผู้เป็นอากำลังขะมักเขม้นกับการปิดทองอยู่ทางด้านหลัง เขาเลยต้องตอบแทนความดีเสียหน่อย ไอ้จะบอกตรงๆ ว่ายกคู่หมั้นให้ก็ดูกระไรอยู่ อีกทั้งอาของเขาคงไม่ยอมผิดสัญญาต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลเขาจึงต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาของเขาก็คงขึ้นคานตลอดชีวิตเป็นแน่แท้
“เป็นไงครับผมหาเมียให้ ถูกใจอาไหม”
“พูดเลอะเทอะ”
“เห้อ... อาจะทำตัวเป็นตาแก่ปากแข็งไปถึงเมื่อไหร่ นี่ผมอุ้มสมให้แล้วนะ”
“เอาสาระ” หิรัญทำเสียงดุใส่หลานชายอีก กระแอมกระไอ ตีหน้าดุเข้มใส่แต่เจ้าตัวดีไม่ยักกลัวแถมยังทำสีหน้าล้อเลียนจนหน้าตบกระโหลกให้สักทีสองที
“เหตุผลก็อย่างที่ผมบอกอาไปแล้วว่าอารักจันทร์เจ้าผมก็เลยอุ้มสมให้ไง ผมเอ็นดูจันทร์เจ้าเหมือนน้องสาว ผมบอกอาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่อาก็ยังยึดมั่นถือมั่นกับคำสัญญา สรุปว่าอาเจาะไข่แดงคู่หมั้นของผมไปแล้ว ถือว่าการหมั้นหมายของผมกับจันทร์เจ้าเป็นอันยกเลิก เป็นโมฆะแล้วนะครับ” หัสดินนั่งลงตรงหน้ากับผู้เป็นอาก่อนจะพูดต่ออย่างจริงจัง
“ที่สำคัญผมก็สงสารจันทร์เจ้าด้วย ตั้งแต่พ่อแม่ตายก็โดนใช้งานทุกวัน ป้าวารีใช่จะรักใคร่ไยดีจันทร์เจ้าเท่าใดนัก ลุงพงศ์เองก็กลัวเมีย เมียว่าไงก็ว่างั้น ถึงจะเป็นหลานในไส้ก็ไม่ได้ดูแลให้ดี ยิ่งรัศมีแขยิ่งแล้วใหญ่ ทำเหมือนจันทร์เจ้าไม่ใช่น้องสาวแต่เป็นสาวใช้ก็ไม่ปาน” เขาไม่ได้หูหนวกตาบอดและรู้ด้วยว่าผู้เป็นอาก็เห็นเลยเร่งรัดจะให้เขาแต่งงานกับจันทร์เจ้าทุกวันตั้งแต่เธอเรียนจบ อาของเขาห่วงใยจันทร์เจ้าด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง เขาคิดว่าน้องสาวที่เขารักและเอ็นดูอย่างจันทร์เจ้าจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับผู้เป็นอา
“อืม...” หิรัญครางออกมาเพราะเห็นด้วยกับทุกอย่างที่หลานชายพูด เขาเองก็ไม่ได้หูหนวกตาบอกถึงจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“เอาเป็นว่าอาก็มีน้องให้ผมอุ้มไวๆ ก็แล้วกันครับ”
“แกนี่มัน” หิรัญทำเสียงในลำคอใส่หลานชาย
“อาก็จัดการแล้วกันครับ ผมก็คงช่วยได้แค่นี้แหละ ยายรัศมีแขอยากจะจับอาหินทำผัวอยู่ทุกวัน”
“แค่กๆๆ” หิรัญสำลักตบอกตัวเองไปมาอีกครั้งเมื่อได้ยินหลานชายพูดแบบนั้น เห็นหัสดินเป็นคนตลกแต่กลับเป็นคนช่างสังเกต
“พ่อเลี้ยงคะ คุณพงศ์ศักดิ์กับคุณวารีมาขอพบค่ะ” วิไลเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่ม นั่นทำให้หัสดินหัวเราะเบาๆ
“หัวเราะอะไรของแก”
“ถ้าผมซื้อหวยนี่ไม่ถูกอาเชื่อไหม ผมว่าแล้วว่าลุงกับป้าสะใภ้ของจันทร์เจ้าต้องมา และให้ผมเดาต้องมาพูดเรื่องการแต่งงานเพราะจันทร์เจ้าหายมากับผมข้ามคืนแบบนี้ แต่คนที่จะต้องรับผิดชอบจันทร์เจ้า ต้องเป็นอาหินแล้วนะครับ ผมไม่อยากแย่งเมียคนอื่น” หัสดินเท้าคางยกยิ้มมุมปาก หิรัญถอนใจพรืดใหญ่ ก่อนจะเดินออกไปต้อนรับลุงกับป้าของจันทร์เจ้า และคนที่รีบปรี่เข้ามาหาเขาอย่างรัศมีแขที่เขาต้องเบือนหน้าหนีเธออย่างนึกรำคาญ