1
ซีรีส์ร้อนเสน่หา
เล่ม 1 พิศวาสในคืนหวาม
มือหนาลูบไล้สะโพกเนียนละเอียดเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปกัดแก้มก้นของหล่อนด้วยความมันเขี้ยว ร่างน้อยบิดตัวไปมาคล้ายว่ากำลังถูกรบกวนการนอนหลับ
กลิ่นกายหอมกรุ่นจากสาวน้อยแรกแย้มทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจไม่น้อย ของขวัญล้ำค่าในคืนวันเกิดที่ถูกจัดให้ทำให้หิรัญนึกชอบใจเป็นอันมาก ความปรารถนาของเขากำลังคุกรุ่นรุนแรง ไม่รู้เพราะเครื่องดื่มแก้วนั้นหรือเพราะอะไรกันแน่
หิรัญพลิกร่างน้อยหอมกรุ่นขึ้นนอนหงายภายใต้ความมืดมิด ยื่นมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงแต่ปรากกฎว่ามันไม่ยอมสว่าง เขาอยากยลโฉมแม่สาวน้อยนางนี้เสียเหลือเกิน อยากรู้ว่าของขวัญจากหลานชายจะเป็นหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราสักแค่ไหนกัน
ความรู้สึกของหิรัญคือความรู้สึกตื่นตัวอย่างรุนแรง เขาปรารถนาร่างหอมกรุ่นนี้เหลือเกิน มือหนานวดเฟ้นไปตามเนื้อตัวของหล่อนอย่างถ้วนทั่ว ความเป็นชายของเขากำลังหึกเหิมอย่างรุนแรง มันทำให้เขาอยากกดแทรกเนื้อกายเข้าไปในเรือนร่างนี้เสียเหลือเกิน
หิรัญไม่รอให้ความปรารถนาของเขารุนแรงมากไปกว่านี้ เขาจึงรีบแหวกเรียวขาของเธอออกจากกัน ความเป็นชายที่กำลังแข็งคึกค่อยๆ สอดแทรกโจนจ้วงเข้าในซอกเนื้ออ่อนนุ่มอย่างเร่าร้อน
“อื้อ/โอ้” เสียงประท้วงของเธอดังประสานกับเสียงร้องครางอย่างรุนแรงของเขา ความคับแน่นทำให้หิรัญต้องนิ่วหน้าด้วยความอึดอัดปนเสียวซ่าน
“อ๊า...” หิรัญครางยาวปนเสียวซ่าน ไม่คิดว่าจะได้สาว เวอร์จิ้นมาเป็นของขวัญบนเตียงในค่ำคืนนี้ ใจหนุ่มโลดแรงด้วยความกระสันระคนตื่นเต้น รวมถึงความสงสัยใคร่รู้เสียเหลือเกินว่าสาวนางนี้เหตุไฉนเลยถึงยอมขายพรหมจรรย์อย่างง่ายดาย
เธอครางอืออาคล้ายคนขี้เซาแต่เขาไม่ได้ใส่ใจนัก หิรัญเร่งเร้าควบสะโพกสอบเข้าหาร่องสาวที่บีบรัดเขาทุกทิศทางด้วยความเสียวซ่านไปตลอดลำกาย มือหนาลูบโลมไปทั่วสะโพกกลมกลึงเนียนละเอียด ขยำฟอนเฟ้นและดันให้เธอหยัดขึ้นมาหาเพื่อให้เขาได้ฝากฝังเรือนกายลงไปจนมิดเม้น
“อ๊า...” หิรัญครางเสียงแหบพร่ายามที่ได้สอดเสียบเข้าไปในร่องเนื้อแดงฉ่ำ เขาควบสะโพกหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองได้ก้าวข้ามไปสู่ความวาบหวามที่กำลังกวักมือรอคอยอยู่เบื้องหน้า
หิรัญกดกายเข้าฝากฝังในเรือนร่างสาวจนได้ยินเสียงครางหนักๆ ของคนใต้ร่าง เขาฉีดพร่าความร้อนระอุเข้าในร่องสวาทจนหมดสิ้น ก่อนจะพลิกกายลงนอนเคียงข้างด้วยความอิ่มเอมเปรมสุข ความเหน็ดเหนื่อยและอะไรอีกหลายอย่างในค่ำคืนอันยาวนานทำให้หิรัญหลับลงในเวลาอันรวดเร็ว ตลอดระยะเวลาสามสิบเจ็ดปี เขาไม่เคยให้หญิงใดได้นอนเคียงข้างบนเตียงที่สุดแสนหวงแหนเลยแม้แต่คนเดียว แต่หญิงสาวปริศนาน่าจะเป็นคนแรกที่ได้ทำเช่นนี้
จันทร์เจ้าค่อยๆ ตื่นจากการหลับใหล เธอปรือตามองไปรอบกายอย่างไม่คุ้นเคย และความตกใจก็มาเยือนเมื่อรับรู้ได้ว่าเธอกำลังนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงกว้างของใครคนหนึ่ง ร่างกายที่ขยับและแรงดึงผ้าห่มมาปิดอกทำให้คนที่นอนหลับตะแคงไปอีกด้านหันกลับมา
หิรัญกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเบิกตากว้าง เขาหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เจอเข้ากับสาวน้อยนามว่าจันทร์เจ้า สุคนธา คู่หมั้นคู่หมายของหลานชายคนเดียวของเขา
จันทร์เจ้า สุคนธาเป็นคู่หมั้นของหัสดิน เจ้าหลานชายจอมกระหล่อนที่เขาเลี้ยงดูมาจนโตตั้งแต่พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาเสียชีวิต ก่อนตายพวกท่านเคยพูดเอาไว้ว่าโตขึ้นจะให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนรักที่หมั้นหมายกันเอาไว้ตั้งแต่เล็กแต่น้อยนามว่าจันทร์เจ้า
สีหน้าของจันทร์เจ้าซีดสลับแดง เธอทั้งอายทั้งทำอะไรไม่ถูกในเวลาเดียวกัน ผู้ชายตรงหน้าของเธอคือหิรัญ พฤกษ์ไพบูลย์ เป็นอาแท้ๆ ของคู่หมั้นของเธอเอง และอีกไม่กี่เดือนเธอกับหัสดินก็จะเข้าพิธีแต่งงานกันหลังจากที่เธอเรียนจบเรียบร้อยแล้ว
“อาหินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” เป็นประโยคที่หิรัญได้แต่อึ้ง เขาต่างหากไม่ใช่เหรอที่ควรจะถามว่าเธอมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน
จันทร์เจ้าค่อนข้างกลัวหิรัญอยู่มากเพราะเขาเป็นคน เงียบขรึมชอบทำหน้าดุไม่เหมือนหัสดินที่ขี้เล่นเป็นกันเอง หญิงสาวกัดปากตัวเองจนเจ็บ กำจิกผ้าห่มที่ปกปิดอยู่ตรงเนินอกแน่นขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก
หิรัญมองสาวน้อยที่กำลังตัวสั่นและกลัวเขาไม่วางตา นั่นสิเขาควรตอบคำถามของเธอว่าอย่างไรดีเพื่อไม่ให้เธอหาว่าเขากวน
“นั่นสิ อาก็อยากรู้ว่าจันทร์เจ้ามาอยู่บนเตียงของอาได้อย่างไรกัน” เขาใช้น้ำเสียงราบเรียบ ในขณะที่จันทร์เจ้าเผลอกัดปากตัวเอง ก่อนจะเบิกตากว้าง
“พี่ดินบอกว่าจะพามางานวันเกิดคุณอาค่ะ ดื่มน้ำเข้าไปแล้วก็ง่วงนอนน่ะค่ะ” เธอจำได้ว่ามึนๆ เบลอๆ หัสดินบอกว่าจะพาไปนอน ก่อนจะตื่นขึ้นมาแล้วเจอกับสภาพที่เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงเดียวกับหิรัญ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอสูญเสียพรหมจรรย์ให้เขาไปเรียบร้อยแล้ว จากอาการเจ็บบริเวณช่องคลอดเพียงแค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำให้จันทร์เจ้าหน้าแดงร้อนเห่อและทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย
“นั่นสิ” หิรัญครางออกมาด้วยความรู้สึกโมโหอยู่มาก น้ำเสียงและสีหน้าของเขาทำให้จันทร์เจ้าก้มงุดแทบจะทันที เธอคิดว่าเขากำลังโมโหเธออยู่
“ไปอาบน้ำเถอะ จะได้แต่งตัว” เป็นประโยคที่ทำให้ จันทร์เจ้าทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง เธอรีบดึงผ้าห่มที่คลุมกายมาห่อตัวก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพาตัวเองลงจากเตียงแต่หิรัญรั้งผ้าห่มเอาไว้
“ผ้าห่มมีผืนเดียว ถ้าจันทร์เจ้าดึงเอาไปคนเดียว แล้วจะให้อาโป๊หรือยัง”
“เอ่อ...” สั่นสิ จันทร์เจ้าได้แต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ข้างเตียง มองร่างกายหมิ่นเหม่ของหิรัญแล้วหน้าแดง
“หรือเราควรจะอาบน้ำด้วยกันดี”
“จะดีเหรอคะ” จันทร์เจ้าถามด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ ใบหน้าของเธอเหลอหลาชวนตลกปนน่าเอ็นดูมากมายนักในความรู้สึกของหิรัญ
“ดีสิ สิ่งที่จันทร์เจ้าทำกับอา จันทร์เจ้าจะรับผิดชอบยังไงดี” หิรัญเอ่ยถามสาวน้อย เธอเพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาคหกรรม ใช่แล้ว... ว่าที่หลานสะใภ้ของเขาเป็นคน นุ่มนิ่มอ่อนหวานและน่าจะหัวอ่อนเสียด้วยซ้ำ บิดามารดาของเธอเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่กับผู้เป็นลุงและป้าสะใภ้จอมงก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นความเป็นมาเป็นไปของเธอเพราะว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ได้สั่งเสียเอาไว้ก่อนตายว่าอย่างไรก็ต้องทำตามสัญญาให้หัสดินแต่งงานกับจันทร์เจ้าให้ได้ ครอบครัวของจันทร์เจ้าเองก็รับรู้ ดังนั้นขณะที่จันทร์เจ้ากำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่นั้น พงศ์ศักดิ์กับวารีจึงมาหยิบยืมเงินทองจากเขาเพื่อส่งเสียให้ จันทร์เจ้าได้เรียนหนังสือหนังหาเป็นจำนวนมากโข โดยอ้างถึงความเดือดร้อนและภาระอันใหญ่โตที่ต้องเลี้ยงดูจันทร์เจ้าแทนบิดามารดาที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้จันทร์เจ้าเองไม่ได้รับรู้เพราะเขาเองก็แอบให้การช่วยเหลือเธอมาตลอด
“จันทร์เจ้าต้องรับผิดชอบอาหินเหรอคะ” เธอทำท่า ตกอกตกใจซ้ำๆ สีหน้าครุ่นคิดจนเขานึกเอ็นดูไม่น้อย
“ใช่”
“รับผิดชอบยังไงคะ” จันทร์เจ้ารู้ดีว่าเป็นคำถามชวนตลกขบขันถึงได้เห็นใบหน้าของหิรัญในตอนนี้กำลังกลั้นยิ้ม นั่นทำให้เธอเผลอค้อนใส่เขาเสียวงใหญ่
“อาเสียตัวให้จันทร์เจ้าแล้ว คิดว่าต้องรับผิดชอบยังไงล่ะ”
“จันทร์เจ้าเป็นผู้หญิง รับผิดชอบอาหินไม่ไหวหรอกค่ะ เงินทองก็ไม่มี” เธอกัดปากพูดอย่างพาซื่อ หิรัญเข้าใจว่าเด็กสาวนั้นถูกเลี้ยงดูมาแบบถูกกดให้ต่ำที่สุดในบ้าน เธอต้องทำงานทุกอย่างที่บ้านสวน เขาไปมาหาสู่กับครอบครัวของเธออยู่เสมอ ด้วยว่าเรื่องเงินทองที่ลุงกับป้าสะใภ้ของเธอมักมาหยิบยืมหรือโทร. มาขอความช่วยเหลือ จึงได้เห็นว่าเด็กสาวต้องทำงานงกๆ รับใช้ทุกคนในบ้านกว่าจะได้กินข้าวและไปเรียนหนังสือ เสื้อผ้าที่ใช้ก็เป็นมรดกตกทอดที่รัศมีแขโละให้จากตู้เสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว แต่ด้วยว่า จันทร์เจ้านั้นไม่ใช่คนเรื่องเยอะหรือปริปากบ่นอันใด ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำเพราะสำนึกในบุญคุณว่าลุงกับป้าสะใภ้เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่มีปัญหาอะไรกับใครแม้แต่รัศมีแขพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเธอที่มักเรียกใช้จันทร์เจ้าเหมือนคนรับใช้มากกว่าจะนับศักดิ์กันเป็นพี่น้อง