ธาวินไปส่งโรสลินที่หน้าอาคารคณะ ช่วงเย็นก็ไปรับเด็กสาวถึงที่เป็นอย่างนี้ทุกวันนับตั้งแต่มหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียน โรสลินจึงรู้สึกได้ว่าเธอและพี่ชายกลับมาสนิทกันดังเดิม และบ่อยครั้งที่เธอต้องไปนั่งรอพี่ชายเลิกเรียนที่คณะของเขา ทำให้เธอได้รู้จักกลุ่มเพื่อนของธาวินไปโดยปริยาย โดยเฉพาะปิ่น กมลลักษณ์ซึ่งเคยเป็นพี่ค่ายที่เธอไปเข้าร่วมตอนมัธยมห้า
“น้องโซ่” ปิ่นร้องทักเมื่อเห็นรุ่นน้องปีหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้ม้าหินหน้าอาคาร ฝ่ายโรสลินก็ยกมือไหว้ตามมารยาทพลางชะเง้อชะแง้มองหาพี่ชายคนสนิท
“พี่ภีมละคะ”
“ภีมคุยกับอาจารย์อยู่จ้า” เจ้าของประโยคเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนหญิงสาวอีกคนที่มาพร้อมกับเธอจะพูดว่า “เสาร์นี้น้องโซ่ว่างไหม พี่จะจัดเลี้ยงวันเกิดน่ะ”
“เอ่อ…” โรสลินมีทีท่าลังเล เนื่องจากเธอไม่ได้สนิทสนมกับเจ้าของวันเกิดขนาดนั้น ปิ่นเห็นผู้ฟังมีท่าทีลังเลจึงกล่าวเสริม “มาเถอะไม่ต้องเกรงใจพี่พลอยเขาหรอก งานนี้มีน้องปีหนึ่งกับปีอื่น ๆ มาร่วมเยอะแยะ ภีมก็จะมาด้วยเหมือนกัน”
“พี่ภีมก็จะไปด้วยหรือคะ”
เจ้าของวันเกิดเช่นพลอยเห็นรุ่นน้องมีท่าทีคล้อยตามจึงรีบเอ่ย “ใช่ โซ่ก็แค่มากับภีม”
หลังครุ่นคิดอยู่อีกครู่ โรสลินจึงตอบตกลง ครั้นธาวินออกมาสมทบ ทั้งสองสาวก็ย้ำบอกให้ธาวินพารุ่นน้องปีหนึ่งคณะอักษรศาสตร์มาร่วมงานวันเกิดของพลอยด้วย จากนั้นจึงบอกลาแยกย้าย
ครั้นถึงงานวันเกิด เด็กสาวเลือกสวมใส่ชุดกระโปรงยาวครึ่งแข้ง แขนตุ๊กตาสีฟ้าอ่อน โดยเธอขอให้ผู้เป็นแม่ช่วยแต่งหน้าบาง ๆ ให้ เนื่องด้วยเพิ่งพ้นจากวัยมัธยม โรสลินจึงไม่เคยแต่งหน้าเลยสักครั้ง แม้เพื่อนนักศึกษารอบตัวจะแต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบายามไปเรียนกันก็ตาม ทว่าเมื่อมีโอกาสออกไปกับพี่ชายคนสนิท นอกเหนือจากการไปเรียนตามปกติ เธอจึงอยากแต่งตัวให้ดูแปลกตาเพื่อให้เขาประทับใจ
โรสลินออกมายืนรอธาวินที่โถงบันไดหน้าบ้านด้วยความตื่นเต้น คาดหวังให้เขาเอ่ยชมเธอสักนิด ฉะนั้นตอนที่รถยนต์ยี่ห้อหรูของเขามาจอดนิ่งสนิท หัวใจของเธอจึงยิ่งเต้นรัว เธอเร่งก้าวเท้าไปเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับและสอดตัวเข้าไปนั่งเช่นเคย ฝ่ายธาวินกลับเหยียบคันเร่งบังคับรถให้เคลื่อนที่โดยไม่ได้เอ่ยคำใด ส่งผลให้ใบหน้าของเด็กสาวเจื่อนจ๋อยลงเล็กน้อย นอกจากพูดคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้สัพเพเหระทั่วไป ธาวินก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องชุดและการแต่งตัวของเธออีกเลย ทำให้โรสลินเสียความมั่นใจไปมากทีเดียว
เมื่อถึงสถานที่จัดงานวันเกิด โรสลินกับธาวินก็เข้าไปอวยพรเจ้าของวันเกิดและมอบของขวัญเป็นลำดับแรกจากนั้นพี่ชายคนสนิทของเธอก็โดนเพื่อนลากไปสังสรรค์เฮฮา โรสลินจึงต้องยืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียวกลาย ๆ เพราะเจ้าของวันเกิดต้องไปรับแขกคนอื่น ส่วนกมลลักษณ์ก็คุยอยู่กับกลุ่มเพื่อน
“เครื่องดื่มครับ” พนักงานเสิร์ฟยื่นถาดไปตรงหน้าโรสลิน
“คะ?... อ๋อ ขอบคุณค่ะ” โรสลินตกใจเล็กน้อยเพราะไม่ทันเห็นพนักงาน แต่ก็หยิบน้ำพันช์ซึ่งเป็นแก้วสุดท้ายในถาดขึ้นมา ก่อนพนักงานจึงเดินจากไป
จังหวะนั้นคล้ายว่ากมลลักษณ์เห็นเธอแล้ว อีกฝ่ายถึงได้เดินมาหา ครั้นเข้ามาใกล้และเห็นว่าเธอถือเครื่องดื่มอยู่ในมือ จึงเอ่ยว่า “น้องโซ่คะ ดื่มกันค่ะ” โรสลินยกแก้วขึ้นชนกับคนชวนแล้วดื่มน้ำพันช์ในแก้วตนเองเข้าไปจนหมด
กมลลักษณ์ยังยืนพูดคุยกับเธอต่อ ครู่ถัดมาก็มีผู้ชายอีกคนเข้ามาร่วมวงสนทนา กมลลักษณ์จึงแนะนำให้เด็กสาวรู้จักกับฝ่ายนั้น ถึงไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ด้วยอัธยาศัยของชายหนุ่ม วงสนทนาจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง โรสลินกลับรู้สึกง่วงอย่างประหลาด เธอเริ่มเวียนหัวและใกล้ที่จะลืมตาไม่ขึ้นเต็มที หญิงสาวค่อย ๆ หายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ เพราะกลัวว่าจะหลับลงไปเสียก่อน เธอสะลึมสะลือกึ่งรู้ตัวและไม่รู้ตัว รู้เพียงว่ามีคนเข้ามาประคอง เธอพยายามเปล่งเสียงเรียกธาวินอย่างดังที่สุด ทว่าเสียงที่ออกจากริมฝีปากของเธอกลับเบาค่อยจนแทบไม่ได้ยิน เธอจึงใช้สติเฮือกสุดท้าย ควานหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าและกดปุ่มเพื่อต่อสายฉุกเฉิน
....
เช้าต่อมาโรสลินตื่นขึ้นพร้อมอาการปวดหัวอย่างหนัก ยังไม่ทันได้เรียบเรียงเหตุการณ์ประตูห้องนอนก็เปิดเข้ามาเสียก่อน
“ตื่นแล้วหรือจ๊ะ แม่สาวซ่า” สร้อยสุดาเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มสัพยอก ขณะถือแก้วน้ำขิงมาส่งให้บุตรสาว
“สาวซ่าอะไรกันคะ คุณแม่” เมื่อกวาดสายตามองสำรวจ เด็กสาวก็พบว่าที่นี่คือห้องนอนของตัวเอง
“ก็เมื่อคืนหนูซ่ามาก ดื่มเหล้าจนเมาขนาดนี้ไงละคะ”
“โซ่จำได้ว่าดื่มพันช์ไปแก้วเดียวเองนะคะ”
“โอ๊ะ! อย่างนี้น่าจะเพราะลูกสาวแม่แพ้แอลกอฮอล์ล่ะสิ กินแก้วเดียวก็เมาแล้ว” ผู้เป็นแม่เอ่ยวิเคราะห์อย่างตื่นตระหนก
โรสลินโคลงศีรษะไม่ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ แต่เปลี่ยนไปถามว่า “แล้วหนูกลับบ้านมาอย่างไรล่ะคะ”
“แม่เห็นโซ่โทรมา ตอนรับสายก็ไม่ได้ยินเสียงพูด เลยกดวางสายแล้วโทรกลับไป ตอนนั้นรุ่นพี่ของลูกเป็นคนรับสาย เลยบอกว่าโซ่น่าจะเมา ครั้นจะให้ภีมพาลูกมาส่ง แม่ก็เห็นว่าน่าจะเพิ่งถึงงานกัน แม่ยังคิดอยู่เลยว่าทำไมหนูถึงกินเหล้า และทำไมถึงได้เมาเร็วนัก จากนั้นแม่ก็ไปรับตัวหนูกลับมานี่แหละจ้ะ”
“ขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณแม่ลำบาก” โรสลินบอกเสียงอ่อย
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ลูกสาวแม่ทั้งคน คราวหน้าหนูก็ระวังพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หน่อยละกัน” สร้อยสุดาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนกลับออกไป โรสลินนวดขมับพลางจิบน้ำขิง กระทั่งอาการมึนศีรษะทุเลาลงแล้ว ถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายหาพี่ชายคนสนิท แต่ปลายสายกลับไม่มีการตอบรับ ครั้นส่งข้อความไปก็ปรากฏว่ามีแต่การกดอ่าน ทว่าไม่มีการตอบกลับ เด็กสาวจึงวางเครื่องมือสื่อสาร พลางดื่มน้ำขิงจนหมด จากนั้นทิ้งตัวลงนอนต่อโดยหวังให้สภาพร่างกายกลับมาปกติโดยเร็ว
อย่างไรก็ดีหลังจากวันนั้น เธอกลับรับรู้ได้เลา ๆ ว่าธาวินจงใจหลบหน้าเธอ เขาไม่มารับเธอเพื่อเดินทางไปมหาวิทยาลัยด้วยกันอีก ไม่ยอมรับโทรศัพท์ แม้แต่การไปหาที่บ้าน ก็ยังไม่ได้เจอหน้าเขาแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ช่วงก่อนเธอจะเข้ามหาวิทยาลัย สมัยที่ยังเรียนมัธยม โรสลินยังได้เจอเขาบ้าง
เธอได้แต่เก็บความกังขาไว้ในใจและปล่อยให้เวลาเคลื่อนผ่าน จวบจวนเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย และสมัครสอบเข้าทำงาน เส้นทางชีวิตระหว่างเธอกับเขาจึงค่อย ๆ ห่างเหินกันไปโดยปริยาย