น้องน้อยของพี่ภีม #1
ร่างผอมบางของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้กลม เธอถูกหมุนตัวไปมาเพื่อประโคมเครื่องประทินโฉมหลายชนิดบนใบหน้าหวานละมุน ทุกการแต่งแต้มล้วนต้องการดึงความงามของเครื่องหน้าให้ยิ่งโดดเด่น
เกิดเป็นหญิง วันที่มีความสุขที่สุดคงไม่พ้นวันแต่งงาน วันที่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับชายหนุ่มซึ่งตนเองเลือกจะเป็นคู่ชีวิตไปตลอด โรสลินเองก็เช่นกัน เธอเคยวาดฝันไว้ในวัยเด็กว่าวันแต่งงานจะต้องเป็นวันที่เธอได้เป็นเจ้าหญิงในชุดกระโปรงฟูฟ่อง ยืนเคียงข้างเจ้าชายรูปงามที่เธอเลือกจะฝากชีวิตไว้
แม้ทุกอย่างจะไม่ได้เป็นดังที่เธอคาดหวังไว้เท่าใดนัก ทว่าอย่างน้อย เจ้าชายรูปงามผู้กำลังจะกลายมาเป็นสามีของเธอก็ยังเป็นชายผู้อยู่ในดวงใจของเธอมาเนิ่นนาน
“น้องโซ่ขา เดี๋ยวพี่จะปัดมาสคารานะคะ รบกวนน้องโซ่อย่ากะพริบตานะคะ” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองที่มีใบหน้าและรูปร่างแทบจะไม่ต่างจากผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“อ๋อ ได้ค่ะ” โรสลินตอบด้วยเสียงหวานนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ “เอ่อ... ไม่ทราบว่า แม่ของโซ่อยู่ไหนเหรอคะ”
“อุ๊ย คุณสร้อยน่ะหรือคะ ออกไปคุยธุระกับคุณพ่อน้องโซ่ค่ะ อีกแป๊บก็กลับมาแล้วค่ะ” หล่อนว่าพลางเริ่มลงมือปัดมาสคาราเคลือบขนตาของร่างบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
โรสลินพยักหน้าในใจเมื่อรู้ตัวว่าไม่ควรขยับใบหน้าในตอนนี้
“ทีนี้เหลือแค่ปัดแก้ม...” ช่างแต่งหน้าพึมพำขณะที่มองหาบลัชออนในกระเป๋าเครื่องแต่งหน้า “อืม... สีอะไรดีน้า”
โรสลินถอนหายใจแผ่วเบา กว่าเธอจะได้เข้างานวิวาห์ หญิงสาวก็อายุย่างเข้าสามสิบแล้ว สำหรับสมัยนี้ก็คงไม่เรียกว่าแต่งงานช้า แต่ถ้าพิจารณาระยะเวลาที่เธอและเจ้าบ่าวรู้จักกัน ต้องเรียกว่ายาวนานเหลือเกินเกือบทั้งชีวิต เขาเป็นรักแรกของโรสลินซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่เธอยังเด็ก แต่ความรักของคนทั้งคู่ไม่สามารถผลิบานได้ เนื่องจากภาระหน้าที่เรื่องการศึกษา พอธาวินเข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เขาก็ทุ่มเทให้กับการเรียน และชีวิตการเป็นนักศึกษา จึงไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กัน และกลายเป็นความห่างเหินกันในที่สุด
....
ย้อนกลับไปสมัยที่มีละครทีวีแรก ๆ ในยุคที่โทรทัศน์ได้แต่ฉายภาพขาวดำบนจอบอกเล่าเรื่องราวละครดังมากมายให้กับประชาชนคนทั่วไปที่เปิดดูเพื่อจรรโลงใจและคลายความเหนื่อยล้าหลังจากตรากตรำทำงานหนักมาทั้งวัน
บริษัทคอมฟี่มีเดียได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างสรรค์งานละครโทรทัศน์ในการนำเสนอแก่ผู้ชมทั่วประเทศ โดยนักแสดงระดับตำนานอย่างเช่น ชรินทร์ พัฒนวงศ์ พระเอกละครตอนค่ำที่นำแสดงในเรื่อง สายโลหิต คู่กรรม และบ้านทรายทอง ก็เป็นหนึ่งในผลผลิตชิ้นหนึ่งของสังกัดคอมฟี่มีเดีย หรือนางเอกเจ้าน้ำตาที่เล่นได้เข้าถึงบทบาทมาตั้งแต่ยุคเก้าศูนย์อย่างอภิรดี แสงเพ็ชร ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงรุ่นบุกเบิกของสังกัดคอมฟี่มีเดียเช่นกัน
กาลเวลาผ่านพ้นล่วงเลยมาจนถึงช่วงที่ธารินทร์ อรรถเศรษฐากุลขึ้นเป็นประธานบริษัท คอมฟี่มีเดียกรูปก็ยิ่งเจริญเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด มูลค่าหุ้นเพิ่มสูงเสียจนเป็นที่จับตามอง สปอนเซอร์มากมายทั้งรายใหญ่รายเล็กต่างจับจ้องเข้ามาขอเป็นส่วนหนึ่งทั้งนั้น
ธารินทร์มีภรรยาคนสวย ซึ่งการกระทำของเขาอาจเรียกได้ว่าเป็นดั่งสมภารกินไก่วัด เพราะศรีภรรยาของเขาอย่างณัฐฐา อรรถเศรษฐากุลนั้น เข้ามาทำงานเป็นนักแสดงในสังกัดคอมฟี่มีเดียได้ไม่ถึงสามเดือน มีผลงานละครได้ไม่ถึงเรื่อง ธารินทร์ก็ตกหลุมรักผู้หญิงมากเสน่ห์ที่ถือในเกียรติและศักดิ์ศรีของตนอย่างยิ่งจนเขาได้แต่ตามเทียวไล้เทียวขื่อเพื่อให้เธอใจอ่อน
และด้วยความจริงใจของฝ่ายชายที่แสดงออกมาอย่างจริงจัง ณัฐฐาจึงไม่ได้ปิดกั้นความรู้สึก ค่อย ๆ เปิดใจให้กับประธานบริษัทหน้ามนคนนั้นไป จนสุดท้ายไป ๆ มา ๆ งานแต่งก็ถูกจัดขึ้น เป็นเครื่องยืนยันว่าทั้งสองคนตกลงปลงใจอย่างแน่นอนแล้วว่าจะเป็นสามี-ภรรยากันไปจวบจนสิ้นอายุขัย
สองปีให้หลังความรักของทั้งคู่ยิ่งผลิบานมากกว่าเดิม เพราะธาวิน อรรถเศรษฐากุล ลูกชายคนแรกได้ถือกำเนิดมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ เด็กชายตัวเล็ก ๆ เป็นที่รักของทั้งบิดามารดา รวมถึงคุณปู่คุณย่าเป็นอย่างมาก
จากนั้นไม่นาน ธารินทร์ได้พบกับทัพรุจ เจริญกิจธารา นักการเมืองหนุ่มผู้ซื่อตรง ทำงานด้วยความซื่อสัตย์จนครองใจมวลชนกระทั่งได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนหลายต่อหลายสมัย สองหนุ่มได้พบกันครั้งแรกในสนามกอล์ฟ เมื่อได้พูดคุยกันจนถูกคอ การนัดทานอาหารระหว่างสองครอบครัว ณ คฤหาสน์อรรถเศรษฐากุลก็เกิดขึ้น
เป็นความบังเอิญอย่างมากที่คฤหาสน์อรรถเศรษฐากุลและบ้านเดี่ยวดิไซน์หรูหราของครอบครัวเจริญกิจธารา อยู่ในอาณาเขตหมู่บ้านเดียวกัน เพียงแต่อยู่คนละเฟส นอกจากนั้นณัฐฐา ภรรยาของธารินทร์ยังรู้จักกับสร้อยสุดา ภรรยาของทัพรุจ เนื่องด้วยทั้งสองเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มัธยมปลาย เมื่อได้พบกันแล้ว สองสาวก็คุยกันอย่างออกรสออกชาติ กลายเป็นว่ากลับมาสนิทกันได้เหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว