สองครอบครัวจึงสนิทสนมกันเรื่อยมาจนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สี่ปี ตระกูลเจริญกิจธาราก็มีข่าวดี เนื่องจากสร้อยสุดาได้ให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่ง ยังความดีใจมาให้แก่วงศ์ตระกูลอย่างมาก
หลังจากสร้อยสุดาออกจากโรงพยาบาลและกลับไปอยู่บ้าน ธารินทร์และณัฐฐาจึงได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนคุณแม่มือใหม่พร้อมกับรับขวัญหลาน โดยสองสามีภรรยาได้พาธาวินไปดูน้องด้วย ทั้งสองขับรถไปยังบ้านเจริญกิจธาราด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าทายาทของเพื่อนรัก ทว่าธาวินในวัยสี่ขวบนั้นไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงเห่อเด็กที่เกิดใหม่นั่นนักหนา แต่เขาก็ไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดออกมาได้
รถยนต์คันหรูเลี้ยวเข้าไปในอาณาเขตบ้าน จอดรถบริเวณมุขหน้าบันไดก่อนสองสามีภรรยาจะลงจากรถ จากนั้นผู้เป็นแม่จึงเปิดประตูที่นั่งตอนหลัง ปลดเข็มขัดนิรภัยของคาร์ซีตและอุ้มลูกชายออกมา ครั้นแจ้งสาวใช้ อีกฝ่ายก็เดินนำทางไปหาเจ้าของบ้าน
“อ้าว เป็นยังไงมายังไง ลมอะไรหอบมาเนี่ยณัฐ” สร้อยสุดาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงแช่มชื่น
“ลมคิดถึงน่ะสิยะ ไหนดูหน้าหลานฉันหน่อย สวยเหมือนแม่หรือเปล่า” ณัฐฐารีบเดินเข้าไปชะโงกหน้าดูในเปล “ตายแล้ว น่าเกลียดน่าชังจังเลย ดูสิ แน่ะ ๆ พอเห็นฉันแล้วยิ้มใหญ่เลย โอ๋ ๆ ไงจ๊ะหลานป้า ฮื้ม เอ่เอ๊ ไหนมาให้ป้าอุ้มหน่อยเร็ว”
ธาวินมองดูแม่ของตนที่เห่อเด็กหญิงตัวเล็กในผ้าสีชมพูอ่อนด้วยความไม่แจ้งใจ ณัฐฐาส่งเสียงหยอกล้อกับเด็กหญิงอยู่นาน จึงได้ปล่อยคืนสู่อ้อมอกของมารดา
“ตายแล้ว ฉันลืมถามชื่อแซ่เลย แม่หนูชื่ออะไรเหรอ”
“โซ่ โรสลินน่ะ” สร้อยสุดาตอบแล้วอมยิ้ม
“น่ารักจังเลยหนูโซ่” ณัฐฐายังห้ามใจไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะหยอกล้อกับพวงแก้มแดงแจ๋นั้น ธาวินเดินเข้ามาใกล้ผู้เป็นแม่แล้วดึงชายเสื้อให้อุ้มตนเองบ้าง
ณัฐฐาหันมาหาลูกชายแล้วอุ้มขึ้นไปมองเด็กหญิงตัวเล็กในอกของสร้อยสุดา “อยากดูน้องหรือจ๊ะตาภีม”
ธาวินยกนิ้วโป้งขึ้นอมแล้วหันหน้าเข้าซุกอกของมารดาไม่คิดมองเด็กหญิงตรงหน้า สร้อยสุดาหัวเราะออกมาเมื่อพอจะเดาความคิดของเด็กชายออก
“สงสัยตาภีมจะคิดว่าเธอรักลูกฉันมากกว่าแล้วล่ะ”
ณัฐฐามองลูกชายของตนแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างขบขัน “ตาภีม อิจฉาน้องเหรอลูก แม่รักภีมเหมือนเดิมนะครับ อย่าน้อยใจเลยนะครับ” เธอบอกลูกชายพลางหันตัวให้ภีมไปมองน้อง
“ภีม น้าฝากหนูโซ่ด้วยนะลูก ต้องดูแลน้องเหมือนเป็นน้องสาวคนนึงเลยนะ ถือว่าน้ายกให้เป็นน้องสาวนะภีม” สร้อยสุดาว่าแล้วอุ้มลูกสาวขึ้นให้ธาวินในวัยสี่ขวบได้มองหน้าของโรสลินชัด ๆ
ธาวินมองเด็กหญิงตัวเล็กในห่อผ้าเต็ม ๆ ตาแล้วก็นิ่งไป น้องตัวเล็กแก้มกลม ดวงตาใสแจ๋ว จนเด็กชายลืมสิ้นซึ่งอารมณ์น้อยใจในตัวมารดา
“ดูแลหนูโซ่ให้ดีนะภีม อย่าให้น้องต้องเจ็บตัว ยุงไม่ให้ไต่ ไรก็อย่าให้ตอมเลยนะ เป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง ต้องรักน้องมาก ๆ เข้าใจมั้ยตาภีม” ณัฐฐาเอ่ยบอกลูกชายแล้วลูบศีรษะเขาเบา ๆ
ในตอนนั้นธาวินเองก็จำไม่ได้ว่าตัวเองได้ตกปากรับคำมารดาไปหรือไม่ ทว่านับตั้งแต่จำความได้ธาวินและโรสลินได้พบกันบ่อยครั้ง ตามความถี่ในการไปมาหาสู่กันของพ่อและแม่ กระทั่งโรสลินอายุได้หกเจ็ดขวบ ช่วงวันหยุด เด็กชายธาวินก็มักขี่จักรยานออกจากบ้านไปหาเด็กหญิงตัวน้อยที่บ้านของเธออยู่เสมอ
“พี่ภีม สวัสดีค่า” ยกมือไหว้ตามมารยาทอย่างที่มารดาสอนมาตลอด
“พี่ภีมขา สอนโซ่ปั่นจักรยานได้ไหมคะ”
“ถ้าพี่มีเวลา แต่ไม่ต้องหัดหรอก เดี๋ยวก็ล้มปากแตก พี่ปั่นให้นั่งไม่ดีหรือไงครับ”
“แต่โซ่อยากปั่นไปซื้อของที่เซเว่นหน้าหมู่บ้านเราค่ะ”
“อันตราย ถ้าจะไปไหนก็โทรหาพี่ พี่พาไป”
“แต่พี่ภีมไม่ได้ว่างตลอด โซ่อยากช่วยเหลือตัวเอง เวลาอยากกินไส้กรอกจะได้ปั่นไปซื้อ”
“เดี๋ยวนี้ดื้อกับพี่เหรอ” เด็กชายถามเสียงดุ ความจริงคือเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ขี่จักรยานออกไปนอกหมู่บ้าน แม้แต่ประโยคก่อนหน้าที่เอ่ยรับปาก ก็ต้องเป็นตอนที่พ่อแม่อนุญาตให้เขาออกไปซื้อของเองได้แล้ว ฝ่ายน้องสาวเองก็คงไม่ต่างกัน ฉะนั้นแล้ว จะปล่อยให้เธอออกไปซื้อขนมเองอย่างที่เจ้าตัวต้องการได้อย่างไร
“เปล่าค่ะ”
“ปะ ไปเล่นกันเถอะ วันนี้โซ่จะเล่นอะไร” ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเด็กชายธาวินจะใช้เวลาขลุกอยู่กับน้องสาวตัวน้อยจนกระทั่งเย็นย่ำ และเนื่องจากเด็กทั้งสองเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน จึงต้องเดินทางไป-กลับโรงเรียนพร้อมกัน ช่วงเย็นธาวินถึงได้สอนน้องทำการบ้าน เรียกได้ว่าทั้งสองต้องเจอหน้ากันทุกวันตลอดสัปดาห์
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี กระทั่งในตอนนี้เด็กหญิงแก้มกลมในอดีตได้เติบโตขึ้นมาเป็นสาวน้อยวัยแรกรุ่น ความรู้สึกที่เด็กหญิงโรสลินมีต่อลูกชายของเพื่อนแม่เริ่มชัดเจนตอนเธออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง ซึ่งขณะนั้นธาวินได้เติบโตขึ้นจากเด็กชายตัวเล็ก กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดฮอตชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เรียกได้ว่าเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว พร้อมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการออกไปใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
ใบหน้าหล่อเหลาของนายธาวินเป็นส่วนผสมอันลงตัวด้วยการดึงจุดเด่นของบุพการีมาประกอบรวมกัน ดวงตาคมมีประกายความดุเพิ่มขึ้นจากในตอนเด็ก จมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากได้รูป และท่วงท่าที่ดูสุขุมนุ่มลึกแต่ก็แฝงความขี้เล่นไม่น้อย นั่นทำให้เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของเด็กสาวภายในโรงเรียนได้ไม่ยาก
ส่วนเด็กหญิงโรสลิน แม้ว่าจะมีเค้าหน้าสวยหวานจากผู้เป็นแม่ ทว่ากลับไม่นิยมชมชอบในการแต่งตัวตามสมัยนิยม ไม่แต่งหน้า เส้นผมดำขลับก็มักถูกรวบมัดถักเป็นเปียสองข้างอย่างเรียบร้อย ไม่ทำอะไรอย่างที่เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคนมักจะทำ โรสลินชอบทำตัวเป็นหนอนหนังสือ ขลุกอยู่กับบ้าน หัดทำอาหาร ทำขนมหรือไม่ก็เย็บปักถักร้อย น้อยครั้งนักที่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อน หรือต่อให้ออกไป โรสลินก็ไปไวมาไว อยู่ในกฎในเกณฑ์ของพ่อแม่ ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางสักครั้ง เธอเป็นเด็กเรียน เป็นเด็กหญิงที่เอาดีทางด้านวิชาการเป็นอย่างมาก