อลัน เกรย์เวอร์ คือหนึ่งในล้านของชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบไปหมดเสียทุกสิ่ง เขาเพียบพร้อมและเป็นคนวางตัวกับคนอื่นได้อย่างเรียบเฉย ขวัญชีวาเพิ่งจะได้รู้ว่าพ่อเทพบุตรสุดหล่อตรงหน้าของเธอคนนี้คือมหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักกันดีในฐานะผู้บริหารหนุ่มที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาคือเจ้าของบริษัท แมตแฮสตัน เกรย์เวอร์ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เธอมักจะเคยเห็นชื่อของมันผ่านตาอยู่เสมอๆ ในนิตยสารชื่อดังที่ราคาต่อเล่มมีราคามากกว่าค่าแรงของเธอในแต่ละวันเสียอีก
มิน่าล่ะเมื่อได้รู้ถึงนามสกุลของเขาเธอถึงได้รู้สึกคุ้นหูกับมันนัก ไหนจะบริษัทเล็กอีกมากมายที่เขาถือตำแหน่งประธานอยู่ ซึ่งก็มีมากมายจนจำแทบจะไม่หมด ไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไอคิวเท่าไหร่กันแน่ถึงได้บริหารธุรกิจมากมายขนาดนั้นตั้งแต่อายุยังหนุ่มแบบนี้
แต่น่าแปลกที่เขากลับเป็นคนที่แสนจะเรียบง่าย รักสันโดด และที่สำคัญมากไปกว่าอะไรทั้งสิ้น...คือความหล่อเหลาอันไร้ขอบเขต จนทำให้รู้สึกว่าคนๆ นี้ทำไมถึงได้ครองความโสดมานานไม่มีแม้แต่ตุ๊กตาสาวสวยข้างกายเหมือนกับพวกมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ไปได้
เขาไม่เหมือนกับพวกควรวยรายก่อนหน้านี้ที่เธอเคยพบเจอมาเลยสักนิด ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นมักจะชอบดูถูกเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า อีกทั้งยังหยาบคายไร้มารยาททางสังคมเป็นที่สุด แต่สำหรับผู้ชายที่ชื่ออลันคนนี้เขากลับเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับบุคคลที่เธอได้กล่าวถึงมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง
ซึ่งก็นับว่าเป็นอะไรที่แปลกและหายากมากในโลกปัจจุบัน!
“สายตาของคุณเหมือนกำลังสงสัยอะไรในตัวผมอยู่...มีอะไรรึเปล่าครับโรส” หญิงสาวสะดุ้งเพียงเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มบางๆ กลับไปให้พร้อมคำตอบ
“คือว่าฉันก็แค่เพียงแต่สงสัย..” พูดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็ต้องเงียบนิ่งไปเพราะไม่รู้ว่าตนเองนั้นควรจะพูดหรือเอ่ยสิ่งที่กำลังคิดอยู่ออกไปดีหรือไม่ หากพูดออกไปจริงๆ บางทีก็อดกลัวไม่ได้ว่าเขาจะคิดว่าเธอจุ้นจ้านและทำตัวไร้มารยาทรึเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งพาลทำให้รู้สึกกล้าครึ่งไม่กล้าครึ่งที่จะเอ่ยมันออกไป
“ว่าต่อไปสิครับ...” เสียงเข้มกระซิบถามพร้อมทั้งหมุนตัวเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เสียจนหญิงสาวต้องถอยหลังหนีสัมผัสที่ใกล้ชิดเป็นการด่วนเพราะความไม่เคยชิน
ลมหายใจที่อุ่นร้อนของเขาทำให้เธอแทบจะหลงลืมคำตอบที่คิดเอาไว้ก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น กลับเป็นเขาเองที่ต้องกระซิบถามขึ้นมาอีกครั้งพร้อมวางมือของตัวเองค้ำร่างเล็กเอาไว้ในวงแขนแกร่ง
“ว่าตอนนี้คุณกำลังสงสัยส่วนไหน หรือจุดไหนของผมอยู่...” คำถามเพียงไม่กี่คำแต่กลับพาลทำให้หัวใจทั้งดวงสั่นไหวรุนแรงได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่นัก ยิ่งเมื่อเขาลุบสายตามองต่ำลงไปอยู่ในส่วนที่โป่งนูนเป็นพิเศษภายใต้กางเกงสีชาหญิงสาวก็ยิ่งสั่นสะท้านหนักมากขึ้นเป็นเท่าตัว ขวัญชีวาย่นคอหลบเมื่อริมฝีปากสีสวยของเขาเลื่อนเข้ามาใกล้แก้มนวลของตนเองราวกับเขาจงใจจะแกล้งกันก็ไม่ผิด เรียวปากสวยจึงรีบตอบออกไปในทันทีที่ตั้งสติได้...
“คือว่าฉัน...แค่เพียงรู้สึกแปลกใจเท่านั้นว่าทำไมคุณถึงได้ไม่มีใคร! คือฉันหมายความว่าคนอย่างคุณ คนที่มีเงินมากมายอย่างคุณไม่น่าที่จะ...”
“ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังในเซฟเฮ้าส์ที่ใหญ่โตแบบนี้ อย่างนั้นใช่ไหมครับที่คุณกำลังสงสัยอยู่” คนอะไรรู้ทันกันไปเสียหมด นอกจากจะหล่อแล้วนั้นเขายังฉลาด ฉลาดจนบางครั้งเธอเองก็ไม่กล้าที่จะพูดหรือคิดอะไรมากไปเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ทันความคิดเข้าเอาง่ายๆ
“ฉันต้องขอโทษนะคะที่วุ่นวายเรื่องส่วนตัวของคุณแบบนี้ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเป็นแค่เพียงคนนอก..” นิ้วชี้เรียวสวยของชายหนุ่มเลื่อนเข้ามาประชิดริมฝีปากสวยเอาไว้ได้ทันการไม่ยอมให้หล่อนได้พูดอะไรต่อไปอีก ขวัญชีวาชะงักค้างก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาคู่สวยของคนเบื้องหน้าด้วยความสงสัย
“ไม่เลยสักนิดครับ คุณถามผมได้ทุกเรื่อง และมีอีกอย่างที่คุณต้องรู้ไว้นะครับโรส สำหรับผม คุณไม่ใช่คนนอก...ไม่ใช่เลย” คำพูดที่สวยหรู รอยยิ้มที่ดูจริงใจอ่อนโยนของเขาทำให้หญิงสาวที่ไม่เคยสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อนถึงกับหลุดเคลิบเคลิ้มไปกับมันได้อย่างง่ายดายด้วยคำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นส่วนใหญ่ผู้ชายที่เธอเคยเจอมามักจะเป็นพวกที่หยาบคายและไร้มารยาทถึงที่สุด นับว่าเขาเป็นหนึ่งในมีกี่คนจริงๆ ที่เธอรู้สึกดีด้วยเวลาอยู่ใกล้แบบนี้
เพราะตัวอย่างของความรักที่ไม่สมหวังมักจะมีให้ได้เห็นอยู่เรื่อยไป ขวัญชีวาจึงกลายเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในความรัก เลือกที่จะใช้ชีวิตโสดไปวันๆ เพราะอยากที่จะเฝ้ารอคนที่ใช่สำหรับเธอจริงๆ และความรู้สึกที่ว่า ‘ใช่’ มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครที่ไหนมาก่อนจนกระทั่งตอนนี้ เวลานี้
และกับผู้ชายแปลกหน้าที่ชื่ออลัน เกรย์เวอร์คนนี้...
“คุณให้สิทธิ์ฉันมากเกินไปแล้วนะคะอลัน ทั้งๆ ที่เราเพิ่งจะรู้จักกันแค่เพียงหนึ่งวันเท่านั้น” นั่นคือสิ่งที่กำลังซาบซึ้งในความเป็นกันเองของเขา หากแต่ว่ามันออกจะเกินขอบเขตไปบ้างแต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกดีกับมันเสียทีเดียว
“ไม่ใช่แค่หนึ่งวันครับ แต่มันคือตั้งหนึ่งวันต่างหาก และสำหรับผมมันคือหนึ่งวันที่มีค่ามาก มากเสียจนผมไม่รู้ว่าต้องขอบคุณอะไรที่ทำให้เราสองคนมาเจอกัน..” เขาพูดพร้อมทั้งขยับตัวเข้ามาแนบชิดราวกับจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าสิ่งที่เพิ่งจะพูดออกมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความจริงที่ออกมาจากหัวใจทั้งสิ้น ยิ่งได้เธอยากมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งอยากจะได้มากขึ้นเท่านั้นและจะต้องได้ไม่ช้าก็เร็ว!
“คุณกำลังทำให้ฉันสับสน...”
“ถ้าอย่างนั้นผมทำให้มันชัดเจนไปเลยดีไหมครับ..” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มร้ายก่อนจะเอื้อมมือมากระตุกเอวบางเข้าหาตัวอย่างแรงหากแต่ครั้งนี้หญิงสาวกลับไม่ยอมถอยหนีเหมือนอย่างที่เคยทำทุกครั้ง เธอกลับยอมที่จะหยุดนิ่งให้เขาได้เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้มากเสียจนร่างกายของเธอและเขาบดเบียดจนแทบจะรวมหนึ่งกลายเป็นเนื้อเดียวกันในไม่ช้า
ดวงตาทั้งสองประสานกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ โลกทั้งใบราวกับจะหยุดหมุนไปชั่วขณะยามเมื่อเขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับมือทั้งสองที่ขยับเข้ามากอบกุมใบหน้าเรียวเล็กของเธอเอาไว้ด้วยสองมือแกร่ง
“คะ...คุณกำลังจะทำอะไรคะอลัน...” หญิงสาวถามทั้งๆ ที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาจะกำลังจะทำอะไรกับตัวเอง คำพูดที่เปล่งออกไปเหมือนว่าเธอพูดขึ้นเพื่อเรียกสติตัวเองและเขามากกว่าจะเป็นคำถาม
“อยากลองเดาดูไหมครับ...ว่าผมจะทำอะไร ทำแบบไหน” อลันโน้มหน้าเข้าใกล้ใบหน้าหวานก่อนจะกระซิบบางอย่างออกไปเบาๆ
“ฉันไม่ชอบการคาดเดาค่ะ อีกอย่างฉันว่าตอนนี้เราสองคนใกล้กันเกินไปแล้ว...” หญิงสาวไม่ตอบแต่กลับเปลี่ยนเรื่องไปอย่างว่องไว ระยะห่างที่ใกล้ชิดระหว่างเธอกับเขามันทำให้เธอหายใจไม่สะดวก ยิ่งเมื่อได้สัมผัสถึงไออุ่นร้อนจากลมหายใจของอีกฝ่ายเข้ายิ่งรู้สึกแปลกๆ มากขึ้นทุกที
“ผมแค่จะขอบคุณคุณสำหรับอาหารเช้าเท่านั้นเองครับ” สิ่งที่คิดกับยิ่งที่เปล่งออกไปนั้นมันช่างสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง แต่เรื่องนั้นคงจะมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ เธอจะไม่มีวันได้รู้ไปจนกว่าเขาจะเป็นคนเปิดเผยมันออกไปเสียเอง
“ขอบคุณเหรอคะ...ยังไงคะ” หญิงสาวเอียงคอถามอย่างอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ แต่ทว่าเขาไม่ยอมตอบแต่กลับโน้มหน้าเข้าใกล้ก่อนจะหอมแก้มใสเบาๆ หนึ่งทีและรีบผละออกไปอย่างรวดเร็ว
“แบบนี้ไงครับ ผมว่าคุณน่าจะรีบไปอาบน้ำได้แล้วนะครับ ผมจะได้ไปส่งคุณกลับที่พักตามที่คุณต้องการ แบบนั้นดีไหมครับ” ขวัญชีวายืนนิ่งอยู่นานก่อนจะได้สติขึ้นมาอีกครั้งตอนที่เขาเอื้อมมือเข้ามาสัมผัสตัวและทำท่าเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมาอีก และนั่นทำให้ขวัญชีวาต้องรีบผละตัวถอยห่างออกมาเพราะกลัวเขาจะทำอะไรแบบที่ทำเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมาอีกหญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัววิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับหัวใจที่สั่นรัว
“คนบ้า...คิดจะหอมก็หอมกันแบบนี้ได้ยังไงกันเล่า!” หญิงสาวเฝ้ามองใบหน้าของตัวเองในกระจกห้องน้ำก่อนจะสบถขึ้นกับตัวเองเบาๆ เมื่อเหลือบไปมองที่แก้มขวาที่เพิ่งจะถูกเขาขโมยหอมแก้มเข้าให้
สัมผัสอุ่นๆ จากริมฝีปากของเขายังคงติดตรึงอยู่แม้กระทั่งตอนนี้ความตื่นเต้นก็ยังคงอยู่และยังไม่มีท่าทีว่ามันจะหายไปง่ายๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
สำหรับเขาแล้วการที่จู่ๆ จะโน้มหน้าเข้ามาหอมแก้มใครสักคนนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากนักเพราะเขาคงโตมากับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่สำหรับเธอ หญิงสาวที่เกิดและเติบโตมาในประเทศไทย ประเทศที่มีวัฒนธรรมดีงามที่สืบสานต่อๆ กันมารุ่นต่อรุ่น การที่จะยอมให้ผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่คนรักมาทำอะไรเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ แม้ว่าที่นี่เรื่องเช่นนี้จะเป็นอิสระ
แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่คุ้นชินอยู่ดี
แต่ทำไมถึงได้รู้สึกดีกับมัน ทั้งๆ ที่ควรจะโกรธ ไม่ชอบ ไม่พอใจ แต่ทำไมหัวใจถึงได้สั่นไหวราวกับจะเรียกร้องเอาอีก ขวัญชีวาหยุดนิ่งกับความคิดบ้าๆ ของตัวเองก่อนจะเปิดน้ำขึ้นมาล้างหน้าเพื่อเรียกสติที่หลุดลอยไปไกลให้กลับคืนมาเสียที เธอก็แค่กำลังหลงมัวเมาอยู่กับรส รูป กลิ่น เสียง ของชายหนุ่มที่หล่อที่สุดที่เคยพบเจอมามันก็เท่านั้น แต่หลังจากนี้ทุกอย่างมันก็จะจบ หลังจากที่เขาไปส่งเธอถึงที่พักทุกๆ อย่างก็คงจะจบลงไปพร้อมๆ กับความรู้สึกบ้าๆ ที่จนป่านนี้ก็ยังไม่สามารถดึงมันออกไปจากใจได้เลย
หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำในห้องน้ำหรูเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก่อนจะเดินออกมาอีกครั้งโดยสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำเพราะมัวแต่เก้อเขินกับสัมผัสที่เจ้าบ้านมอบให้จนทำให้เธอลืมแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่ควรจะเอาเข้าไปสวมใส่จากด้านในนั้น
สายหวานลอบมองซ้ายขวาก่อนจะโล่งอกเมื่อพบว่าอลันไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว สองเท้าเล็กๆ จึงค่อยๆ ย่องตรงไปคว้าหยิบเอาชุดที่ถูกพับและวางเอาไว้รอบนเตียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาถือเอาไว้มั่นครั้นพอจะหันกลับไปก็ต้องผงะจนหงายหลังล้มลงไปบนเตียงเมื่อพบว่าคนที่เมื่อครู่เธอนั้นมองหาบัดนี้กลับมายืนอยู่ด้านหลัง
“ขอโทษทีครับ ผมไม่คิดว่าจะทำให้คุณตกใจมากขนาดนั้น” อลันเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งเอื้อมมือไปฉุดคนตัวเล็กขึ้นมาจากเตียงเมื่อกล่าวจบ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่าหญิงสาวหวาดระแวงแค่ไหนที่ต้องใกล้ชิดกันกับเขามากแค่ไหน และนั่นก็คือจุดอ่อนของหล่อนที่มันจะทำให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการในไม่ช้า
เธอกำลังหวั่นไหวต่อสัมผัสที่เขาสร้างขึ้น