“ฉันต้องขอขอบคุณ คุณมากนะคะที่ช่วยฉัน ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตอบแทนคุณได้บ้าง หรือถ้าหากว่าคุณมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้เลยนะคะ ฉันยินดี” หญิงสาวพูดพร้อมทั้งยิ้มกว้างเมื่อเห็นแน่ชัดแล้วว่าคนตรงหน้านี้เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู ทว่าอีกฝ่ายกลับลอบยิ้มพร้อมกับเสียงที่ตะโกนก้องอยู่ภายในใจ
‘ผมอยากได้ร่างกายของคุณเป็นการตอบแทน อยากเห็นคุณนอนครางหอบใต้ร่างเพียงสักครั้งสองครั้ง...และก็พอจะรู้ด้วยว่าจะต้องไขว่คว้ามันมาด้วยวิธีแบบไหน’
นั่นคือสิ่งที่คิดอยู่และมันก็คือสิ่งที่เขาต้องการจากเธอและจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมาครองในเร็ววัน แต่ทว่าเสียงที่ดังโต้ตอบกลับไปนั้นกลับกลายเป็นอีกแบบ..
“ผมขอแค่ได้รู้ชื่อของคุณกับอาหารเช้าสักมื้อก็พอแล้วครับ” อลันเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายก่อนจะค่อยๆ ผละตัวออกห่างออกไปในทันทีเมื่อพูดจบ และเมื่อได้เห็นเขาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้กันหญิงสาวจึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
“ฉันชื่อขวัญชีวาค่ะ แต่คุณจะเรียกฉันว่าโรสก็ได้นะคะ เพราะนั่นมันคือชื่อที่ฉันใช้เมื่ออยู่ที่นี่ ส่วนอาหารเช้าไม่ทราบว่าคุณอยากทานอะไรดีคะฉันจะได้ทำให้” ขวัญชีวารีบผุดลุกขึ้นตามเจ้าของบ้านไปติดๆ ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นถาม อยากจะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนเขาได้บ้างแม้จะสักน้อยนิดก็ยังดี
“อะไรก็ได้ครับ ผมเป็นคนง่ายๆ ทานอะไรก็ได้ทั้งนั้น ส่วนห้องครัวเดินออกไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะครับ ขอผมไปอาบน้ำก่อนแล้วจะตามไปช่วยคุณทีหลัง ตกลงตามนี้นะครับ...โรส” เจ้าของชื่อพยักหน้าตอบรับช้าๆ ก่อนจะรอให้เขาเดินหายลับสายตาเข้าไปในห้องน้ำซึ่งอยู่อีกด้านจากห้องนอนซะก่อนเธอถึงออกเดินมุ่งหน้าสู่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ตามที่เขาต้องการบ้าง
หญิงสาวใช้เวลาไม่มากที่จะสำรวจที่พักสุดหรูของผู้มีพระคุณไปพลางๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือแม้แต่เครื่องเรือนตกแต่งภายในล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของที่น่าจะแพงเอาการมากๆ ยิ่งได้เห็นความหรูหราของสิ่งรอบๆ ด้านมากขึ้นเท่าไหร่หญิงสาวก็ยิ่งทำให้รู้สึกสงสัยว่าผู้ชายที่ชื่อ ‘อลัน’ คนนั้นเขาเป็นใครกันแน่
แต่ที่เธอรู้สึกได้ในตอนนี้เขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากไม่ใช่พวกนักธุรกิจก็คงจะหนีไม่พ้นมหาเศรษฐีระดับพันล้านไม่ผิดแน่
ให้ตายสิ! เธอมัวมายืนทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่กันแน่นะยัยขวัญ นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเที่ยวคิดถึงเรื่องคนอื่นเลยสักนิด
เวลานี้ที่ควรจะทำคือรีบจัดการกับอาหารเช้าเอาไว้ให้เขาและออกไปจากที่นี่เสียทีนั่นมากกว่า เมื่อคิดได้เช่นนั้นหญิงสาวจึงก้มหน้าก้มตาทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ เท่าที่จะนึกออกพร้อมกับเขียนโน๊ตแผ่นเล็กๆ เอาไว้ให้เจ้าของบ้านพร้อมทั้งเดินหมุนตัวไปที่ประตูขนาดใหญ่แต่ไม่ว่าจะพยายามเปิดมันออกเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จเสียทีกระทั่งเมื่อเสียงเข้มๆ ของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังเข้าซะก่อน...
“มันไม่เปิดหรอกครับตราบใดที่คุณยังไม่ได้ใส่รหัสผ่าน” อลันเอ่ยขึ้นพร้อมกับฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ร่างบอบบางของหญิงสาว
นึกชมเชยในความรอบคอบของตัวเองที่สั่งทำกุญแจล็อคประตูบ้านแบบระบบดิจิตอลที่หากไม่ผ่านการแสกนลายนิ้วมือหรือใส่รหัสผ่านจากเขาผู้เป็นเจ้าของบ้านซะก่อนมันก็จะถูกปิดตายเอาไว้ไม่มีทางเปิดออกได้ง่ายๆ และอีกเรื่องที่เขาคิดถูกก็คือเธอ คิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเธอจะต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไปจากเขาคนนี้ทันทีที่มีโอกาส...
“และรหัสผ่านของมันก็คือ...ไซส์อันเดอร์แวร์ตามด้วยเลขวันเกิดของผมเอง” เขาจงใจใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบกระซิบบอกก่อนจะถือวิสาสะโน้มตัวเข้าใกล้ใบหูของอีกฝ่ายมากขึ้น ไม่นานคำพูดที่เหลือก็หลุดลอยออกไป..
”วันเกิดของผมคือวันที่สิบหกเดือนสิบสองครับ รหัสของประตูก็จะเป็นหนึ่งหกหนึ่งสอง ส่วนเรื่องของไซค์...ผมเกรงว่าถ้าบอกออกไปคุณอาจจะไม่เชื่อ บางทีคุณอาจจะต้องเข้ามาเพื่อค้นหาคำตอบด้วยตาตัวเอง...หรืออาจจะใช้แค่มือสัมผัส...” ขวัญชีวาใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในทันทีก่อนจะรีบผละตัวหนีห่างพร้อมกับเอ่ยร้องห้ามขึ้นเมื่อเขาทำท่าว่าจะอ้าปากบอกให้เธอได้รู้ถึงไซค์ อันเดอร์แวร์ของตัวเองเข้าจริงๆ คำพูดที่สองแง่สองง้ามของเขาทำให้ใบหน้าของเธอร้อนฉ่า คนอะไรหน้าไม่อาย กล้าพูดจาแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
“ฉะ..ฉันไม่อยากรู้แล้วค่ะ! คุณไม่จำเป็นต้องบอกกันก็ได้“ หญิงสาวตอบกลับไปเสียงแผ่วก่อนจะก้มหน้าไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นมาอีกเลย
เขาคงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆ ด้วยสิ เพราะคงไม่มีคนปกติดีที่ไหนเอาไซค์กางเกงในของตัวเองมานั่งเป็นรหัสประตูแบบนี้ได้
“ตกลงครับ ผมตามใจคุณ ว่าแต่นี่ใจคอจะทิ้งกันไปดื้อๆ โดยไม่มีแม้แต่คำอำลาให้กันเลยอย่างงั้นเหรอครับเนี่ย คุณจะไม่ใจร้ายกับผมไปหน่อยหรือไงกันครับโรส” อลันตัดพ้อขึ้นพร้อมกับใช้นัยน์ตาสีสวยของตัวเองจ้องมองคู่กรณีอย่างคาดคั้นเพื่อที่จะเอาคำตอบจากเธอให้จงได้ ซึ่งต่อให้เธอพยายามแค่ไหนเขาก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป
มีทางเดียวเท่านั้นที่เขาจะปล่อยหล่อนไปนั่นคือเขาได้ในสิ่งที่ต้องการมาไว้ในครอบครองเสียก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าฝันไปเลยว่าเธอจะหนีเขาคนนี้พ้น!
“ฉันขอโทษค่ะ ฉันแต่คิดว่าฉันคงรบกวนคุณมามากพอแล้ว อีกอย่างอาหารเช้าที่คุณต้องการ ฉันก็จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้วด้วย และถ้าคุณจะช่วยกดรหัสผ่านที่ประตูให้ ฉันคงจะรู้สึกขอบคุณคุณมากๆ” หญิงสาวตอบกลับไปตามความเป็นจริงที่คิดอยู่
แต่แทนที่คนได้ฟังจะทำตามคำขอร้องให้เขากลับหยุดนิ่งก่อนจะจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่างอยู่
“คุณแน่ใจจริงๆ หรือครับว่าอยากออกไปจากที่นี่ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในสภาพแบบนี้” คำถามของเขาทำให้หญิงสาวต้องก้มสำรวจมองดูสภาพของตัวเองในทันทีก่อนจะเข้าใจถึงคำพูดกับสายตาของเขาในนาทีต่อมา ให้ตาย! ทำไมเธอถึงได้โง่เง่าขนาดลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองกำลังสวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่แสนสั้นเพียงตัวเดียวแบบนี้ไปซะได้
“เอ่อ คือว่าฉัน...”
“รีบมาทานข้าวเช้ากันเถอะครับ แล้วผมจะจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้กับคุณทีหลัง จากนั้นผมจะขับรถไปส่งคุณให้ถึงประตูห้องพักเองตกลงไหมครับ” นั่นมันไม่ใช่ทางเลือกสำหรับเธอเลยสักนิด มันดูเหมือนจะเป็นเพียงประโยคที่เขาเอ่ยขึ้นมาเพื่อที่จะบอกให้เธอเธอทำตามเสียมากกว่า
สุดท้ายขวัญชีวาจึงต้องยอมเดินกลับเข้าไปในครัวพร้อมกับเจ้าของบ้านตามเดิมอย่างคนไม่มีทางเลือกมากนัก
อลันจัดการให้แขกคนแรกที่มีโอกาสมายังเซฟเฮ้าส์ส่วนตัวของตัวเองนั่งรอที่โต๊ะในห้องอาหารก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปทำอาหารเช้ามาให้เธออีกชุดเมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำอาหารเช้าให้แต่เขาเพียงคนเดียว
ขวัญชีวาลอบมองแผ่นหลังของคนที่กำลังยืนอบขนมปังให้ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่อธิบายไม่ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่ที่เธอกำลังรู้สึกกับเขาอยู่ จนกระทั่งเมื่อคนที่หายไปนานวกกลับมาอีกครั้งความคิดเหล่านั้นถึงได้หายไปพร้อมๆ กับความรู้สึกสับสนที่ยังคงหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้อยู่ดี
“คุณอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอคะอลัน” หญิงสาวจำต้องหาเรื่องชวนคนที่กำลังทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามขึ้นเพราะไม่อยากให้บรรยากาศเงียบงันจนชวนทำให้รู้สึกอึดอัด แม้ว่าเขาจะดูมีท่าทีสบายๆ ไม่ได้แสดงท่าทีที่อาจจะทำให้เธอต้องรู้สึกอย่างว่าเลยสักนิดก็เถอะ แต่อย่างไรมันก็ไม่คุ้นชินอยู่ดีที่ต้องมานั่งร่วมรับประทานอาหารเช้ากับผู้ชายแปลกหน้าที่เธอเพิ่งจะมีโอกาสรู้จักกับเขาได้แค่วันเดียวแบบนี้
“ครับ ผมอยู่ที่นี่คนเดียว” คนถูกถามตอบกลับด้วยท่าทีปกติ เขาไมเห็นว่ามันจะแปลกอะไรตรงไหนที่บ้านทั้งหลังจะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นอาศัยอยู่ แต่ทว่ากลับอีกคนดูท่าแล้วมันคงจะเป็นเรื่องที่แปลกเอาการ...
“ทำไมละคะ”
“ครับ”
“คะ..คือฉันหมายถึงว่าคุณไม่มีครอบครัวที่ไหนเลยเหรอคะ มันน่าแปลกนะคะที่คุณจะอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้แค่คนเดียวแบบนี้ เพราะว่าถ้าเป็นฉันล่ะก็คงจะต้องรู้สึกเหงามากแน่ๆ” ขวัญชีวาพยายามอธิบายถึงความหมายในคำถามที่เพิ่งจะเอ่ยถามออกไปเพราะกลัวเขาจะคิดว่าเธอกำลังล้ำเส้นเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับความเป็นส่วนตัวของตนเองเข้าซึ่งเมื่อได้เห็นเขาส่งยิ้มอ่อนโยนกลับมาให้กันเธอก็ถึงกลับสบายใจขึ้น
แต่ไม่นานก็ต้องกลายเป็นความรู้สึกวาบหวิว เธอแพ้รอยยิ้มแบบนี้ของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นมัน ไม่สิ! บางทีอาจจะไม่ใช่แค่รอยยิ้ม หากแต่เป็นเจ้าของของมันเสียมากกว่า!
“นอกจากพ่อแม่ของผมที่เสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อสี่ปีก่อน ผมก็ไม่มีครอบครัวที่ไหนอีกแล้วครับ เพราะว่าพ่อกับแม่ของผมพวกท่านสองคนหนีตามกันมา ก่อนจะช่วยกันสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่พวกท่านจากไปผมเลยต้องอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวมาตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ” น้ำเสียงที่เศร้าหมองของเขาพาลทำให้ขวัญชีวาเริ่มรู้สึกผิดเมื่อได้ฟัง เขาคงจะต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเอามากแน่ๆ ในช่วงเวลาที่ต้องสุญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปพร้อมกันแบบนั้น
เธอไม่น่าถามอะไรที่มันไม่เข้าท่าแบบนั้นออกไปเลยสักนิด เธอไม่ควรแม้แต่จะคิดเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของด้วยซ้ำ!
“ฉัน...ต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้คุณต้องรู้สึกไม่ดีนะคะ ฉันก็เพียงแค่..” หญิงสาวหยุดนิ่งพยายามคิดหาคำพูดดีๆ เท่าที่จะนึกออกแต่ยังไม่ทันไรอลันกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเสียเอง...
“อย่าคิดมากแบบนั้นสิครับโรส ผมชินกับชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้มาตั้งนานแล้ว อีกอย่างตอนนี้ผมเองก็มีคุณอยู่ตรงนี้ด้วยทั้งคน และนั่นคือสิ่งที่ดีและวิเศษที่สุดสำหรับผมในตอนนี้ เพราะฉะนั้นคุณอย่าโทษตัวเองไปเลยนะครับ” นัยน์ตาคู่สวยของเขาสะท้อนบางสิ่งบางอย่างกลับมาเมื่อพูดจบ
บางสิ่งบางอย่างที่มันส่งผลต่อใจคนฟังจนใบหน้าร้อนผ่าวในทันทีที่ได้ยินมันเข้า เขาไม่ได้พูดเพียงเพราะอยากที่จะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าให้ดีขึ้น แต่กลับพูดเพื่อพยายามที่จะสื่อสารอะไรบางอย่างให้เธอได้รับรู้ เสียแต่ว่าอะไรบางอย่างที่ว่าขวัญชีวากลับยังไม่กล้าที่จะสรุปแน่ชัดได้ว่ามันคืออะไรกันแน่