บทที่4
เหมือนเคยเห็น
ผมส่งยัยเปี๊ยกที่มหาวิทยาลัยเสร็จก็เปลี่ยนมานั่งข้างหลังเพื่อให้ไอ้ก้องภพขับรถมาพัทยา ผมมีผับอยู่ที่นี่และที่มาวันนี้ก็เพราะมาดูงานคืนก่อนนักท่องเที่ยวตีกันจนร้านเสียหาย ตอนแรกผมกะว่าจะนอนที่นี่แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการให้แล้วคนก่อเหตุก็ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ทุกบาททุกสตางค์
“นายจะค้างหรือจะกลับครับ”
“กลับเลยไอ้ปริญกับปีใหม่มันชวนไปงานวันเกิดที่ผับอโคจร”
“งั้นกลับเลยครับนายผมว่าคุณปริญคงจัดสาวแจ่มๆ มารอผมแล้วล่ะ”
“มึงสำคัญขนาดที่มันต้องหาเด็กไว้รอมึงเลยเหรอ กูอยากจะหัวเราะ”
หลังจากที่ผมเคลียร์งานเสร็จก็รีบเดินทางกลับกรุงเทพฯปลายทางคือผับอโคจรของเพื่อนผม ไอ้ปริญมันเป็นลูกชายของอาปัณณ์นักการเมืองชื่อดัง มีน้องสาวชื่อปีใหม่มาถึงปีใหม่ก็เดินออกมารับผมกับไอ้ก้องเข้าไปด้านใน งานนี้สาวเยอะจริงแต่ละคนมองยังไงก็ไม่เบื่อ
“ไม่ตามก็ไม่มานะมึงอะ” ปริญหนุ่มหล่อเพลย์บอยเอ่ยทักเพื่อนสนิทอย่างพร้อมที่เดินเข้ามาใบหน้าหล่อเหล่าของทั้งสองทำให้สาวๆในผับหันมามองเป็นตาเดียว
“งานกูยุ่งฉิบหายแล้วนี่พวกไอ้เต่าอยู่ไหนโทรหากูปากดีฉิบหายอยากจะงัดกับกูให้ได้เลย”
“มันมาแล้วน่าจะเอาหญิงอยู่ในห้องน้ำว่ะ”
นั่งอยู่นานเกือบชั่วโมงเพื่อนๆ ผมก็มากันครบรวมถึงสาวๆ ที่เดินตามเข้ามาด้วย ผมมองหน้าพวกเธอทุกคนจนไปสะดุดเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่มองผม เธอสวมหน้ากากกระต่ายสีขาวเพื่อนๆ ของผมจึงให้เธอถอดหน้ากากแต่เธอไม่ยอม
“อายุเท่าไหร่ครับน้อง”
“20ค่ะ”
“ดูยังไงก็ไม่ถึง” ผมพูดออกมาท่ามกลางสายตาของทุกคน
“ฉันพูดจริงๆ ฉันอายุ20แล้วค่ะ”
“แต่ผับของผมมีกฎแจ้งไว้ต่ำกว่า21ปีห้ามเข้านะครับ” ปริญพูดขึ้นพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
“พวกมึงจะเถียงกันทำไมเดี๋ยวกูพิสูจน์เอง” เต๋าลุกขึ้นพร้อมดึงแขนของแม่กระต่ายสีขาวออกไปทางด้านหลัง
ผมเห็นแววตาของเด็กคนนี้แล้วรู้สึกแปลกใจแต่ถ้าเป็นเธอคนที่ผมคิดไว้คงเสียดายอะไรหลายๆ อย่างในตัวเธอจริงๆ ขนาดไอ้ก้องยังนั่งหน้าเสียเพราะผมกับมันคิดว่าต้องใช่เธอแน่ๆ
หลายวันผ่านไป
ผมต้องทนเห็นลูกน้องนั่งทำงานอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง มันทำหน้าเหมือนคนอกหักจนผมต้องให้มันหยุดขับรถให้ผมไปก่อน สภาพเหม่อลอยเหมือนคนขาดยา ผมไม่ได้สนใจหรอกว่าเด็กคนนั้นจะทำอาชีพอะไรนอกจากเป็นแม่ค้าออนไลน์แต่ผมแค่รู้สึกเสียดายที่เห็นเธอต้องมาทำงานแบบนี้
ติก!
เสียงแจ้งเตือนไลน์กลุ่มที่เพื่อนๆ ผมส่งมามันส่งรูปสาวๆ ในสังกัดที่พึ่งเข้ามาทำงานอย่างว่าแต่ผมดันไปสะดุดตากับรูปของผู้หญิงคนนึงเข้า
“เชี่ยทำไมเป็นคนแบบนี้วะ”
โมจิ จันจิรา นักศึกษาปีที่2 คณะบริหารธุรกิจ สัดส่วน 34 24 36 สถานะโสด
ไม่ใช่แค่ข้อมูลเธอแต่ดันมีรีวิวว่าเธองานดีมากแน่นทุกส่วน ผมกดออกจากกลุ่มเพื่อหันมาสนใจงานของผมต่อที่ผมคุ้นๆ หน้าเธอคงเป็นเพราะเธอทำงานแบบนี้ด้วยล่ะมั้ง ช่างแม่งเถอะ
ผมเดินออกมาจากห้องพักชั้น27ก็เจอยัยตัวเปี๊ยกกำลังขนกล่องพัสดุเป็นกระสอบออกมา เธอมองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มหวานของเธอแต่ผมไม่ได้ยิ้มตอบแค่ยักคิ้วกลับไป
“ลุงมองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามโมจิไหมคะ”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันมีอะไรจะถามเธอฮะ”
“คนดีๆ เขาไม่มองหน้าเหมือนโกรธกันมาเป็นสิบชาติหรอกค่ะ”
ก็ถูกของเธอผมไม่รู้จะมองหน้าเธอไปทำไมเหมือนกัน ผมเดินล้วงกระเป๋าไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ผมเองก็ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกโกรธเธอเหมือนกัน
“ฉันคิดว่าฉันเป็นคนดีระดับหนึ่งนะ แล้วเธอล่ะคิดว่าตัวเองดีพอหรือยัง”
“ทำไมลุงพูดแบบนี้คะ หนูทำอะไรผิดหรือเปล่าถ้าหนูทำอะไรผิดไปหนูขอโทษนะคะ” โมจิวางของในมือลงก่อนจะพนมมือไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อม
“ช่างเถอะไปทำธุระของเธอซะ ฉันจะพักผ่อน”
“ค่ะ”
ด้านโมจิเขาเดินลงมาด้านล่างก็เจอก้องภพเหมือนทุกครั้งแต่2-3วันมานี่ก้องภพทำเหมือนเธอเป็นอากาศไม่คุยกับเธอเลยสักคำ
“ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดอะ” โมจิยืนเกาหัวจนรถของเพื่อนขับมารับ เธอจึงช่วยกันขนกล่องพัสดุขึ้นรถไป
ขึ้นรถได้เธอก็รีบเล่าเรื่องราวที่เธอพึ่งเจอมาให้เพื่อนฟัง ขนาดเพื่อนฉันยังไม่เข้าใจว่าคุณพร้อมทำไมต้องพูดจาแบบนั้นกับฉันไหนจะเลขาของเขาที่จู่ๆ ก็มาบึ้งตึงใส่กัน
“ไว้เรียนเสร็จกูค่อยซื้อขนมมาให้พวกเขาก็แล้วกัน บางทีกูอาจจะทำงานเสียงดังเกินไป”
“ก็ดีผูกมิตรเอาไว้เถอะแล้วนี่น้องมึงเมื่อไหร่จะกลับโรงเรียนก็จะเปิดแล้ว”
“มันบอกกูกลับไปแล้วนะแต่กูไม่ได้สนใจ กูเหนื่อยที่ต้องมารับผิดชอบมันวันๆ ขอแต่เงิน”
“เมื่อคืนกูไปเจอน้องมึงแถวทองหล่อด้วย โมจิกูว่าน้องมึงไม่น่าไว้ใจเลย”
“ทำไมเหรอไอ้มายด์มันไปสร้างเรื่องอะไรโบว์”
“เหมือนน้องมึงมันรับงานอะแต่กูไม่ได้ตามไปดูนะผัวกูชวนกลับก่อน”
“อืม! ไว้กูจะสืบๆ ดูก็แล้วกัน”
----------------------------------
น้องสาวนี่ร้ายมาก สงสารโมจินะโดนเข้าใจผิดหมดเลย